1/2 เดินทาง
ผู้ใหญ่บ้านแนะนำ เพราะกลัวแขกที่มาจะคาดหวังถึงความสะดวกสบาย
“มะเดื่อแขกของเธอมาแล้ว” ผู้ใหญ่ตะโกนเรียก
“จ้ามาแล้วจ้าพ่อผู้ใหญ่”
มะเดื่อหญิงวัยกลางคน ที่ยังดูไม่แก่เท่าไหร่ เดินออกมาจากตัวบ้านเพื่อมาต้อนรับแขก
“น้ำผึ้งเอาน้ำเอาท่า มาต้อนรับแขกสิลูก” คนเป็นแม่ตะโกนบอกลูกสาว
“มาแล้วจ้าแม่”
เสียงหวานตะโกนมาก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินมาถึง เมื่อน้ำผึ้งเดินพ้นประตูของบ้านออกมา ศรุตถึงกับตาค้าง เพราะเขาไม่คิดว่า สาวชาวดอยอยู่ห่างไกลจากความเจริญจะมีใบหน้าได้รูป ผิวขาวหมดจด ดวงตากลมโต จมูกโด่งได้รูปถึงเพียงนี้
“นี่คุณศรุต คนที่คุณทรงวุฒิส่งให้มาแต่งงานกับน้ำผึ้งมัน” ผู้ใหญ่แนะนำตัวชายหนุ่ม หลังจากเมื่อวานได้มีการคุยเรื่องนี้
กันไปแล้ว
“เรื่องการแต่งงานมันเป็นเรื่องของคนสองคน คุณก็ลองใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ลองศึกษานิสัยใจคอกับลูกสาวฉันดูก่อน ”
มะเดื่อพูดด้วยรอยยิ้มกับทนายความหนุ่ม ในขณะที่ศรุตเองกลับมองน้ำผึ้งไม่ละสายตา จนทุกคนในวงสนทนาต่างมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มอย่างรู้ทันความคิดของแขกผู้มาใหม่ ที่กำลังอยู่ในวัยที่กำลังมองหาคู่
หลังจากผู้ใหญ่บ้านเดินไปส่งนายตำรวจที่รถ มะเดื่อกับน้ำผึ้งก็ทำหน้าที่พาแขกไปยังห้องพักซึ่งอยู่ติดกับห้องของน้ำผึ้งโดยมีระเบียงด้านหน้าต่างร่วมกัน
“ที่นี่อากาศเย็นทั้งปี เราเลยไม่มีเครื่องปรับอากาศ แต่รับรองว่าคุณจะนอนหลับสบายแน่นอนค่ะ”
มะเดื่อพอรู้ว่าคนในตัวเมืองส่วนมากจะนอนในห้องนอนที่มีเครื่องปรับอากาศ เพราะอากาศข้างนอกร้อนมาก
“สบายเลยครับ ผมเป็นคนง่ายๆอยู่แล้ว” ศรุตหันไปตอบผู้หญิงในชุดชาวเขา ที่น่าจะอายุพอๆกับแม่ของเขา
“ถ้าอย่างนั้นคุณพักผ่อนเถอะค่ะ ถ้ามีผ้าอะไรจะซักก็เอามาให้น้ำผึ้งแล้วกัน” มะเดื่อเดินออกจากห้องนอนของแขก
“น้ำผึ้ง” ชายหนุ่มจับแขนเล็กของหญิงสาวชาวดอยไว้
“มีอะไรหรือคะคุณ” หญิงสาวไม่กล้ามองสบตาเพราะกลัวอีกฝ่ายจะรู้ว่าเธอกำลังรู้สึกอาย
“รู้ใช่ไหม ว่าเราจะต้องแต่งงานกัน ผมมาที่นี่เพื่อสร้างความคุ้นเคยและสนิทสนมกับคุณให้มากที่สุด เมื่อวันนั้นมาถึง เราจะได้เข้าใจกัน และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”
ศรุตพูดโดยที่มือของเขายังไม่ยอมปล่อยน้ำผึ้งให้เป็นอิสระ หญิงสาวได้แต่แอบสบตาเพราะเรื่องที่เขาพูดยิ่งทำให้เธอรู้สึกอายมากขึ้น
“ช่วงบ่ายๆพาผมไปเดินเที่ยวรอบหมู่บ้านหน่อยนะ”
“ได้จ๊ะ”
เมื่อเห็นชายหนุ่มไม่ปล่อยแขนเธอแน่ น้ำผึ้งจึงใช้มืออีกข้างค่อยๆ แกละมือของศรุตให้หลุดจากแขนของเธอ
“น้ำผึ้ง เข้ามาคุยกับแม่ในห้องสิลูก”
มะเดื่อแอบดูคนทั้งคู่อยู่ที่ห้องนอนของเธอ ซึ่งอยู่อีกมุมของบ้าน ด้วยความรู้สึกเป็นห่วงลูกสาว
“มีอะไรจ๊ะแม่” น้ำผึ้งสงสัยที่แม่ทำท่าลับลมคมใน
“ลูกรู้สึกยังไงที่เห็นหน้าคุณศรุตเขาวันนี้” มะเดื่อถามลูกสาวตรงๆ
“ก็ไม่มีอะไรนี่จ๊ะ เขาก็ดูเป็นคนใจดี” หญิงสาวตอบแค่ส่วนหนึ่งของความรู้สึก
“ลูกชอบเขาใช่ไหม”
หญิงสาวมองมารดาด้วยความตกใจ ที่แม่ของเธอถามคำถามแบบที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว
“แม่ไม่ว่าเลยที่ลูกจะชอบเขา เพราะอย่างไรปู่ของลูกก็อยากให้เขากับลูกแต่งงานกัน และนี่ก็คงจะเป็นการไถ่โทษที่แม่ทำไว้กับคุณปู่ของลูก”
“แต่แม่ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่คะ พ่อกับแม่รักกัน” หญิงสาวเสียงสูงด้วยความไม่เห็นด้วย
“ช่างมันเถอะมันผ่านมาแล้ว เราย้อนไปแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่ที่แม่อยากจะบอกลูก การที่เราจะใช้ชีวิตอยู่กับใครสักคน มันไม่ใช่แค่หน้าตาเท่านั้น มันต้องดูกันที่จิตใจด้วย”
มะเดื่อรู้ทันลูกสาว ความหล่อของหนุ่มในเมืองใหญ่ มีเหรอที่สาวในวัยบานสะพรั่งอย่างน้ำผึ้งจะไม่หลงในรูปงามนี้ และสายตาที่ศรุตมองลูกสาวของเธอ ก็แสดงให้เห็นว่าเขากำลังหลงในความงามเหมือนดอกไม้แรกแย้มของน้ำผึ้งเช่นกัน