เอาใจเก่ง
ตอนที่ 3
เอาใจเก่ง
“ขนเสื้อผ้าอะไรมาเยอะเลย”
มานพถามลูกชายเมื่อวันนี้เป็นวันกลับบ้านของ รัชชานนท์ ชายหนุ่มหิ้วเสื้อผ้ามาหลายตัวพร้อมกับตะกร้าผ้าที่บัวบูชากำลังถือตามมา
“ผมเอาเสื้อผ้าที่ใส่ที่นู่นกับพวกผ้าปูที่นอนปลอกหมอนกลับมาให้บัวบูชาซักและรีดให้ครับ แม่บ้านที่นู่นทำไม่ดีเท่าบัวบูชาเลย เสื้อผ้าที่ผมใส่ทุกตัวหอมติดจนถึงช่วงเย็นถ้าไปจ้างเขาซักยังไม่ทันจะใส่ก็ไม่ได้กลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่มแล้ว”
รัชชานนท์ส่งเสื้อผ้าที่เขาถือมาให้กับบุญตารับช่วงไปไว้ในห้องซักผ้าต่อเพราะชายหนุ่มมีเรื่องที่บริษัทมากมายมาเล่าให้คนเป็นพ่อฟัง
“บัวบูชาเขาเรียบร้อยทำอะไรก็ไว้ใจได้”
มานพแอบยิ้มที่เห็นท่าทีของลูกชายเป็นแบบนี้ เขารู้สึกสบายใจมากขึ้น ทั้งคู่อยู่กินกันมาได้เกือบ 2 เดือนแล้วรัชชานนท์ยังคงกลับมาที่ไร่สัปดาห์ละ 3 วันและไม่ได้มีท่าทางไม่ถูกใจหรือไม่พอใจในตัวบัวบูชา
“งานที่บริษัทยุ่งไหม”
มานพชวนลูกชายคุยเรื่องอื่นเพราะเมื่อเขาเผลอยิ้มให้ลูกแสดงถึงความดีใจที่เห็นลูกชายชอบในสิ่งที่บัวบูชาทำมันทำให้รัชชานนท์เลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ
“งานเยอะมากครับแต่ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง งานบางอย่างผมก็ให้เลขาช่วยทำได้ก็เลยยังพอมีเวลากลับมาที่ไร่แต่ถ้าถึงช่วงปิดงบบางทีก็อาจจะต้องอยู่กรุงเทพฯยาว”
ชายหนุ่มเริ่มเข้าเรื่องที่เขาต้องการจะพูดวันนี้ทันทีความจริงแล้วเรื่องงานที่บริษัทไม่มีอะไรที่เขาจะต้องไปอยู่ยาวแต่สัปดาห์หน้าเขามีนัดจะไปเที่ยวทะเลกับโสรยาผู้หญิงที่เขาเคยแอบชอบตั้งแต่เมื่อครั้งที่ทั้งคู่เรียนอยู่ต่างประเทศด้วยกันแต่ตอนนั้นโสรยาไม่ได้คิดกับเขาเกินกว่าคำว่าเพื่อน เขาจึงได้แต่ยอมเก็บความรู้สึกนี้ไว้แต่ครั้งนี้เธอกลับเป็นฝ่ายมาหาเขาเอง เขาจึงคิดว่าจะใช้โอกาสนี้ในการจีบเธอ
“งานที่ไร่ล่ะครับมีอะไรต้องเป็นห่วงไหม”
“ไม่มีอะไรหรอกทุกอย่างก็เรื่อยๆ บัวบูชากับบุญตาก็ช่วยกันจัดการทุกอย่างแทนพ่อกับลูกได้ ไร่ของเราตอนนี้ก็ไม่ได้ขยายไปไหนทำกิจการแค่พอเลี้ยงลูกน้องพอให้ครอบครัวของทุกคนอยู่ได้”
ตั้งแต่ที่มานพตัดสินใจไปเปิดบริษัทที่กรุงเทพฯเขาก็ไม่ได้ลงทุนเพิ่มในไร่แห่งนี้แต่ก็ยังคงมีงานต่างๆให้กับคนงานให้พอมีรายได้เลี้ยงดูครอบครัวซึ่งสำหรับชีวิตชนบทต้องถือว่าคนงานของไร่ที่นี่มีชีวิตที่สุขสบายกว่าการทำงานอย่างอื่นมาก
“ผมชอบนะครับชีวิตที่ไร่ เพียงแต่ถ้าอยู่นานๆไปมันก็น่าเบื่อดูราบเรียบไม่มีอะไรตื่นเต้นไม่เหมือนกับการทำงานบริษัทที่มีปัญหานู้นปัญหานี้เข้ามาให้ได้แก้ไขตลอด วันไหนลูกค้าสั่งสินค้ามากเดือนนั้นทั้งเดือนเราก็รู้สึกสุขใจเดือนไหนสินค้าถูกตีกลับก็ต้องหาทางแก้ปัญหา”
ชายหนุ่มส่งยิ้มให้บิดาสำหรับเขาแล้วไร่แห่งนี้เหมือนที่พักใจเวลาที่เขาเหนื่อยแล้วได้กลับมาพักผ่อนที่นี่มันเหมือนกับเขาได้เติมพลังแต่เมื่อไหร่ที่ชีวิตต้องการการต่อสู้สู้งานที่บริษัทก็จะตอบโจทย์ได้ดีมากกว่า
“ลูกยังเด็กอยู่ยังมีแรงก็คงจะชอบเรื่องที่ท้าทายแต่สำหรับพ่อที่แก่แล้วผ่านชีวิตมามากมายการได้อยู่อย่างสงบมันมีความสุขที่สุดแล้ว”
สาเหตุที่ทำให้มานพตัดสินใจไปเปิดธุรกิจที่กรุงเทพฯเพราะเขาต้องการจะพิสูจน์ให้พ่อตาแม่ยายเห็นว่าเขาไม่ใช่เป็นเพียงแค่ชาวไร่จนๆ พอเขาสามารถพิสูจน์ตัวเองได้จึงเริ่มปล่อยวางเรื่องธุรกิจ ตัวเขาเองก็หันมาทุ่มเทให้กับไร่แต่เมื่อประสบอุบัติเหตุเขาก็จึงจำเป็นต้องปล่อยวางปล่อยทุกอย่างให้รัชชานนท์เป็นคนดูแล
“กับข้าววันนี้ของโปรดของลูกทั้งนั้น”
มานพพูดขึ้นหลังจากที่ลูกชายกำลังเข็นรถพาเขาไปที่โต๊ะอาหารที่วันนี้ล้วนแต่เป็นเมนูโปรดของรัชชานนท์ที่บัวบูชาตั้งใจทำ
“กลับมารอบนี้ผมว่าจะให้บัวบูชาทำน้ำพริกเผาติดไปให้กินที่กรุงเทพฯลองไปซื้อกินก็ไม่มีเจ้าไหนอร่อยเท่าฝีมือเธอเลย”
รัชชานนท์ส่งยิ้มให้บิดาเมื่อเขาเห็นว่าเมนูบนโต๊ะอาหารวันนี้เป็นน้ำพริกเผาไข่ต้มพร้อมกับผักต้มที่เขาชอบ
“พ่อดีใจนะที่ยังมีหลายเรื่องที่ลูกถูกใจบัวบูชา”
“ก็เธอเป็นแม่บ้านแม่เรือนดูแลเอาใจเก่ง ผมในฐานะผู้ชายก็ต้องชอบอยู่แล้วล่ะครับพ่อ”
ชายหนุ่มอยากจะพูดเหลือเกินว่าในเมื่อเธอเป็นคนใช้มาก่อนก็ต้องดูแลทำอาหารปรนนิบัติรับใช้เขาได้ถูกใจอยู่แล้วแต่ถ้าพูดไปแบบนั้นคนเป็นพ่อคงไม่สบายใจเขาจึงเลือกที่จะพูดด้วยถ้อยคำดีๆ
“ตอนผมไม่อยู่บ้านคุณขึ้นมานอนบนเตียงก็ได้นะนอนแบบนั้นนานๆจะปวดหลังเอา”
ชายหนุ่มหันมาพูดกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาเมื่อเห็นเธอกำลังจัดแจงปูที่นอนด้านล่างเตียงนอนที่อยู่ข้างๆเขา
“ไม่เป็นไรค่ะนอนแบบนี้บัวก็ถนัดดี”
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้บัวบูชาต้องรีบลุกไปเปิดประตูจนลืมคิดไปว่าภาพที่นอนของเธอที่ปูอยู่ข้างล่างน่าจะทำให้คนมาเคาะประตูสงสัย
“พ่อแค่จะแวะมาดูว่าห้องนอนเราสะอาดดีไหม แล้วทำไมถึงได้ปูที่นอนข้างล่างล่ะ”
มานพมาหาลูกชายเพราะเขามีเรื่องด่วนจะคุยด้วยเกี่ยวกับไร่แต่จากภาพที่เห็นทำให้เขาตัดสินใจที่จะไม่พูดถึงธุระที่เขาตั้งใจไว้
“ผมจะออกกำลังกายครับก็เลยให้บัวบูชาปูที่นอนให้ไม่ได้เอาเสื่อโยคะมาด้วย ไม่มีอะไรหรอกครับคุณพ่อ”
ชายหนุ่มตอบด้วยเสียงตะกุกตะกักเพราะไม่ได้คิดคำตอบไว้ล่วงหน้า เขาคิดว่าเวลานี้ดึกมากแล้วและพ่อของเขาก็ไม่ใช่คนที่จะมาหาเขาถึงห้องนอนชายหนุ่มจึงไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้
มานพพยักหน้าทำเหมือนเชื่อทั้งที่ตอนนี้เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าความสัมพันธ์ของลูกชายกับบัวบูชาเป็นสามีภรรยากันจริงไหมแต่ก็ต้องยอมกลับไปที่ห้องนอนเพราะรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะคาดคั้นจากลูกชายอย่างน้อยรัชชานนท์ก็ยอมแต่งงานกับบัวบูชาก็ถือว่าลูกก็ได้ทำเพื่อเขาแล้ว