ทางเลือกที่ไม่มี
ตอนที่ 1
ทางเลือกที่ไม่มี
“คิดถึงคุณพ่อที่สุดเลยค่ะ”
นับดาววางกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ลงกับพื้นรีบโผเข้ากอดบิดาด้วยความคิดถึงเพราะช่วงปีสุดท้ายของการฝึกงานในมหาวิทยาลัยเธอแทบจะไม่ได้กลับบ้านมาหาพ่อ
“กลับมาอยู่บ้านด้วยกันแล้วนะลูก”
พนาสวมกอดลูกสาวด้วยความคิดถึงแต่นอกจากความรู้สึกนี้มันยังมีอะไรบางอย่างที่เขาคิดว่าคงต้องพูดความจริงให้ลูกสาวได้รับรู้อย่างเร็วที่สุด
“บ้านดูเงียบจังเลยนะคะ”
สาวน้อยที่ตอนนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขเธอมองไปรอบๆบ้านพบเพียงแค่บรรยากาศที่เงียบเหงาและสภาพที่ดูเหมือนไม่ได้ทำความสะอาดมาหลายวัน
“พ่อไม่ได้จ้างแม่บ้านแล้วนานๆทีถึงจะจ้างมาทำชั่วคราวช่วงนี้ธุรกิจของเราไม่ค่อยดีพ่อจำเป็นต้องประหยัดค่าใช้จ่าย”
พนาถึงจะตั้งใจแล้วว่าจะเล่าความจริงทุกเรื่องให้ลูกสาวได้รับรู้แต่เขาคิดว่ามันคงยังไม่ถึงเวลาเพราะตอนนี้นับดาวเพิ่งกลับมาถึงบ้านลูกสาวของเขากำลังมีความสุขไม่อยากทำลายบรรยากาศลง
“ไม่เป็นไรค่ะดาวเรียนจบแล้วจะกลับมาช่วยคุณพ่อทำงานส่วนเรื่องงานบ้านก็ไว้ทำหลังจากที่เลิกงานแล้วก็ได้ตอนอยู่หอพักดาวก็ทำอยู่คนเดียวไม่เห็นเป็นไรเลยเราต้องสู้กันนะคะคุณพ่อ”
หญิงสาวพอรับรู้มาบ้างว่าธุรกิจของครอบครัวเธอมีปัญหามาแล้วหลายปีแต่ด้วยความที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่จึงไม่รู้ในเชิงลึกว่าปัญหาต่างๆมันเกิดจากอะไร
“ไม่ว่าต่อไปนี้ชีวิตครอบครัวเราจะเกิดอะไรขึ้นขอให้ลูกรับรู้ว่าพ่อรักลูกมากและรู้สึกผิดกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น”
ชายสูงวัยก้มหน้าเช็ดน้ำตาเพราะไม่อยากให้ลูกสาวได้รับรู้ว่าเขาเสียใจแค่ไหน ความจริงที่อีกไม่กี่วันเขาก็คงต้องบอกให้ นับดาวได้รู้มันอาจจะทำให้ลูกสาวเกลียดเข้าไปตลอดชีวิตเลยก็ได้
คฤหาสน์หลังใหญ่อยู่ใจกลางเมืองคือสถานที่ที่วันนี้พนาต้องหอบความพ่ายแพ้เพื่อมาหาข้อตกลงร่วมกันที่จะทำให้เขาสามารถรักษาทรัพย์สมบัติที่เขานำมาจำนองไว้กับเจ้าของบ้านได้
“ผมยังมีข้อตกลงเหมือนเดิมซึ่งข้อเสนอนี้ถ้าคุณจะไม่สนใจก็ได้นะ บ้านหลังใหญ่มีสวนล้อมรอบแบบนั้นประกาศขายไม่นานก็คงมีคนมาซื้อ”
เมฆานักธุรกิจหนุ่มนั่งกอดอกด้วยท่าทางที่เหนือกว่าเพราะวันนี้เขาอยู่ในฐานะเจ้าหนี้ที่จะทำอย่างไรกับลูกหนี้ที่ติดการพนันอย่างพนาก็ได้
“ผมยังไม่กล้าพูดกับลูกสาวเลยครับเธอเพิ่งกลับมาอยู่บ้านยังไม่อยากจะทำให้เธอรู้สึกไม่มีความสุขตลอดชีวิตของเราสองคนก็แทบจะไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันเลยผมอยากให้ลูกมีความสุขไปก่อนช่วงนี้”
พนาพูดด้วยเสียงสั่นเพื่อขอความเห็นใจจากอีกฝ่ายแต่มันไม่ได้ทำให้เมฆารู้สึกสงสารแต่เขากลับยิ้มเยาะด้วยความสะใจ
“ผมไม่ใช่มูลนิธิที่จะต้องมารับรู้เรื่องชีวิตของคุณ เวลานี้ผมเป็นเจ้าหนี้ถ้ายังหาเงินมาใช้ไม่ได้และไม่ยอมทำตามข้อเสนอก็เตรียมตัวย้ายออกจากบ้านคุณได้เลย”
เมฆาไม่ใช่แค่ขู่แต่เขาจะทำอย่างที่พูดจริง ๆ ถ้าพนา ไม่สามารถทำให้นับดาวยอมเป็นเมียขัดดอกแลกกับบ้านและที่ดินที่คนเป็นพ่อเอามาจำนองไว้ ส่วนสมบัติชิ้นอื่นเมฆาตั้งใจว่าเขาจะคืนให้ก็ต่อเมื่อลูกหนี้หาเงินมาชำระได้
“อย่าขายนะครับบ้านหลังนี้คือทุกอย่างในชีวิตของผมที่สำคัญภรรยาผมอยู่ที่นั่นถ้าคุณขายให้คนอื่นไปนารีคงไม่มีวันให้อภัยผมแน่”
คนพูดถึงแม้ตั้งใจว่าจะเข้มแข็งไม่ร้องไห้ให้เจ้าหนี้จอมโหดได้เห็นแต่ด้วยความกลัวทำให้เขาพ่ายแพ้ทุกอย่างใบหน้าของภรรยาที่จากไปแล้วเกือบ 10 ปีมองมาที่เขาด้วยสายตาตำหนิยิ่งทำให้พนารู้สึกเสียใจที่ตัวเองเป็นสามีที่แย่และก็ยังเป็นพ่อที่ไม่ดีอีก