บทที่ 1
สายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นมองไปยังนอกหน้าต่างนกยักษ์ลำใหญ่ที่กำลังแล่นลงสู่รันเวย์ เพราะนี่เป็นครั้งแรกในการเดินทางไปต่างประเทศ และเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่เธอใฝ่ฝันมาท่องเที่ยว ในที่สุดก็ได้มีโอกาสมา ไม่แปลกที่ปรายรดาจะตื่นเต้น
“พี่ฟางเลิกตื่นเต้นสักทีเถอะ ทำเป็นบ้านนอกเข้ากรุงไปได้” ปลายดาวอดแซวพี่สาวไม่ได้
“แหม...ก็ฉันมาเมืองนอกครั้งแรกนี่นา ไม่ได้ไปนู่นไปนี่บ่อยๆ อย่างแก” ปรายรดากับปลายดาวเป็นพี่น้องคนละพ่อ บิดาของปรายรดาชื่อสุรวุฒิ เป็นเจ้าของสวนผลไม้ในจังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ไม่ได้กว้างขวางมากนัก ฐานะพออยู่พอกิน หลังจากบิดามารดาแยกทางกัน ปรายรดาอยู่กับพ่อ ส่วนสร้อยสุดาได้บินไปเรียนต่อที่กรุงโรม ประเทศอิตาลีตามความตั้งใจของบุพการี ทำให้สร้อยสุดาพบรักใหม่กับมาร์โก้ ชายหนุ่มหน้าตาดีมีฐานะ ซึ่งพ่อแม่นางสนับสนุนรักครั้งนี้เต็มที่ หลังจากสร้อยสุดาเรียนจบระดับชั้นปริญญาโท ทั้งคู่ได้แต่งงานกันและมีสายใยรักด้วยกันหนึ่งคนคือ ปลายดาว
แม้ว่าสองพี่น้องจะเป็นลูกคนละพ่อ ทว่าความสนิทสนมกันก็มีอยู่มาก หลังจากปลายดาวอายุได้หนึ่งปี สร้อยสุดาพาลูกสาวคนเล็กกลับเมืองไทยพร้อมสามีที่มาขยายธุรกิจในเอเชีย เริ่มต้นที่ประเทศไทย นางได้ไปรับปรายรดามาอยู่ด้วยเพื่อทำความรู้จักกับน้องสาว และจะได้เลี้ยงดูปรายรดาบ้างในฐานะแม่
ในช่วงปิดเทอมปรายรดาจะมาอยู่กับสร้อยสุดาที่กรุงเทพ แต่ถ้าช่วงไหนสร้อยสุดากลับอิตาลีพร้อมสามี เธอก็จะอยู่กับพ่อ และสร้อยสุดาก็จะใช้วิธีการวีดิโอคอลคุยกับลูกสาวคนโต โดยมีปลายดาวร่วมการสนทนาด้วย หากสร้อยสุดากลับมาเมืองไทย ปรายรดาก็จะมาอยู่กับแม่และน้องสาว ซึ่งก็ใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ราวสิบเจ็ดปี
จนกระทั่งสุรวุฒิเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ ปรายรดาจึงได้ย้ายมาอยู่บ้านตายายเป็นการถาวร
“พี่ก็ว่าไปโน่น ชวนมากี่ครั้งก็ไม่มาเอง”
“ก็ทีแกชวนมันตรงกับที่ฉันสอบตลอดเลย จะมาได้ไงล่ะ” คนเป็นพี่เถียงสู้
“หลังสอบก็ชวน ไม่มาเอง”
“หลังสอบก็ฝึกงาน ถ้าฉันมากับแก ฉันก็เรียนไม่จบน่ะสิ”
“ตอนพี่ปิดเทอม หวานก็ชวนพี่นะ พี่ก็ไม่มา อ้างนั่นอ้างนี่ตลอด”
“แกก็รู้ว่าช่วงปิดเทอมฉันก็ต้องทำนู่นทำนี่ ไหนจะต้องไปดูสวนของพ่อ ไหนจะ...” ปรายรดาระงับเสียง เมื่อเสียงของมารดาดังขึ้น
“พอแล้วไม่ต้องเถียงกัน เถียงอย่างกับเป็นเด็กไปได้ โตกันแล้วนะ” สร้อยสุดาห้ามศึกพี่น้อง
“ก็มันจริงนี่แม่” ปรายรดาเถียงต่อ
“งั้นเดี๋ยวหาหนุ่มๆ ทำแฟนให้คนนึงเอาไหม ถือว่าเป็นการไถ่โทษ”
“โอ๊ย...ใครจะมองฉัน หน้าตาฉันไม่สวยเหมือนแกนี่ ฉันน่ะผู้ชายพากันวิ่งหนีมากกว่าวิ่งเข้าใส่ ถ้าสวยอย่างแกก็ว่าไปอย่าง”
การเป็นลูกคนละพ่อ ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างรูปหน้าอย่างชัดเจน สุรวุฒิเป็นคนไทยภาคเหนือรูปหน้าก็ไม่ได้หล่อเหลาจัดอยู่ในประเภทพอดูได้ ปรายรดาจึงได้ความขาวมาจากพ่อ ส่วนความสวยนั้นได้มาจากสร้อยสุดาเพียงครึ่งเดียว ในทางกลับกันมาร์โก้เป็นคนอิตาเลี่ยนรูปงาม สร้อยสุดาก็เป็นคนสวย ปลายดาวจึงได้ความสวยงามมาจากทั้งพ่อและแม่เต็มๆ สวยตามแบบฉบับลูกครึ่ง หากสองพี่น้องเดินคู่กัน ชายหนุ่มทั้งหลายต่างเทสายตามองปลายดาวคนเดียว
“ผู้ชายบางคนก็ไม่ได้มองที่รูปลักษณ์ภายนอกนะฟาง ไม่งั้นคนไม่สวยทั้งโลกก็ไม่มีคู่น่ะสิ ความสวยสมัยนี้มีเงินก็เนรมิตได้ แม่ว่าความสวยไม่ได้ตรึงใจผู้ชายเพียงอย่างเดียว มันมีองค์ประกอบหลายอย่างรวมอยู่ด้วย สวยแต่รูปจูบไม่หอมมีถมไป ไม่สวยแต่ผู้ชายหลงรักหัวปรักหัวปรำก็มีให้เห็น ที่ผู้ชายหลายคนมองข้ามฟางไปอาจเป็นเพราะยังไม่เห็นเนื้อแท้ของลูกก็ได้ หรือไม่ก็เนื้อคู่ลูกยังไม่มา” สร้อยสุดาให้กำลังใจลูกสาวคนโต ที่มักบูลลี่ตัวเองเสมอ
“แต่หวานว่า พี่ฟางก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สวยนะ หวานว่าพี่ฟางน่ะสวย สวยแบบธรรมชาติ มองไม่เบื่อ มีเสน่ห์ที่รอยยิ้ม เสียงหัวเราะและความโก๊ะของพี่ทำให้คนรอบข้างมีความสุข” ปลายดาวคิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น
“จริงเหรอ ฉันเป็นอย่างที่แกพูดจริงอ่ะ”
“จริงสิพี่ หวานจะโกหกพี่ทำไม ความสวยไม่ได้การันตีถึงความสุขซะที่ไหนกัน มันก็แค่ใบเบิกทางให้กับคนบางคน คนบางกลุ่มที่ใช้หน้าตาทำมาหากิน หรือให้ตัวเองดูดีในสายตาคนอื่น ต่างกับคนที่ไม่สวยแต่มีคนรัก คนชอบและคนอยากอยู่ใกล้อย่างพี่ฟางไง” คนเป็นน้องไม่ได้พูดเกินจริงสักนิดเดียว