เจ้าชายมัจจุราช Vs นางซินผู้ต้อยต่ำ (100%)
จากนั้นนางซินตัวน้อยก็ตั้งท่าจะก้าวจากไป ด้วยเกรงว่าหากอยู่นานกว่านั้นเธออาจจะหมดศรัทธาในตัวเขาก็เป็นได้ ถึงอย่างไรแม่สาวช่างฝันก็ยังอยากยกย่องให้อีกฝ่ายเป็นเทพบุตรในดวงใจของตนอยู่ และถ้ามันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจริงๆ ก็ขอให้เป็นหลังจากนี้…หากมีอีกครั้งวูล์ฟ แอนเดอร์ตัน จะไม่ใช่เจ้าชายในฝันของเธออีกต่อไป ตรงกันข้ามเขาจะกลายเป็นเจ้าชายมัจจุราชที่เธอควรจะหลีกลี้หนีให้ไกล
“เดี๋ยวก่อน…เธอเป็นใคร” เสียงห้าวกระด้างโพล่งขึ้นทันควัน อภิมหาเศรษฐีหนุ่มก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องอยากรู้จักยัยเด็กเนื้อตัวสกปรกอย่างเธอด้วย ทั้งที่เมื่อกี้รู้สึกเดือดดาลจนแทบจะกระโจนเข้าขย้ำอีกฝ่าย
“อย่าสนใจคนอย่างฉันเลยค่ะ ขอตัวนะคะ” ขาดคำนางซินก้นครัวก็เดินลิ่วจากไป โดยไม่แยแสว่าจอมยโสจะอนุญาตหรือไม่
วูล์ฟเอื้อมมือออกไป หมายจะกระชากร่างอ้อนแอ้นมาสั่งสอนว่าอย่ามาทำอวดดีกับเขา แต่แล้วก็ต้องชักมือกลับมากำเป็นหมัดแนบลำตัวด้วยท่าทางกระแทกกระทั้น พ่อเจ้าประคุณเย่อหยิ่งเกินกว่าที่จะแตะต้องเนื้อตัวมอมแมมแสนสกปรกของอีกฝ่าย
“บ้าเอ๊ย!” เขาสบถลั่นด้วยความหงุดหงิดหัวเสียเต็มอัตรา เพราะไม่เคยมีผู้หญิงหน้าไหนกล้าเดินหนีคนอย่างวูล์ฟ แอนเดอร์ตัน แบบนี้มาก่อน ให้ตายห่าสิวะ! แม่นั่นเป็นใครกันถึงบังอาจทำเมินใส่เขา
บุรุษเลือดร้อนกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ แล้วพยายามสงบสติอารมณ์อยู่พักใหญ่ ก่อนจะหมุนกายเดินกลับเข้าไปภายในบ้านพอร์ตแมนอีกครา
ครั้นเจ้าของร่างทรงพลังก้าวขาเข้ามาภายในห้องรับแขกของบ้านว่าที่เจ้าสาว เขาก็มีโอกาสได้พบเจ้าของบ้าน ทั้งที่ในตอนแรกแม่บ้านบอกว่าคนทั้งคู่ไม่อยู่ และคนฉลาดเป็นกรดอย่างวูล์ฟ แอนเดอร์ตัน ก็เดาได้ไม่ยากว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลเป็นแน่
“คุณอาทั้งสองจะไปไหนครับ” น้ำเสียงทรงอำนาจทว่าเจือไว้ซึ่งความสุภาพที่ดังขึ้นทำให้คนที่ถูกเอ่ยถามต่างสะดุ้งเฮือก กระเป๋าเสื้อผ้าที่พากันหอบหิ้วออกมาเพื่อจะหลบหนีไปอยู่ที่อื่นชั่วคราวหลุ่นตุ้บไปกองอยู่แทบเท้า ก่อนที่ทั้งคู่จะเงยใบหน้าซีดเผือดขึ้นมองผู้มาใหม่ด้วยท่าทางขลาดกลัว
“เอ่อ…” นายโรเบิร์ตและนางเดือนแข พอร์ตแมน ต่างออกอาการอ้ำๆ อึ้งๆ ท่าทางลุกลี้ลุกลนของสองผัวเมียทำให้ใบหน้าคร้ามคมพลันกระด้างขึ้น นัยน์ตาสีน้ำเงินอมเทาหรี่จนแคบลงเพื่อจับพิรุธ
“ระ…เราสองคนจะออกไปทำธุระข้างนอกจ้ะ” ในที่สุดนางเดือนแขก็ควานหาเสียงของตัวเองเจอ
“แล้วเบลล่าล่ะครับ”
“เอ่อ…” เจ้าบ้านต่างทำท่าอึกอัก พร้อมสะกิดให้อีกฝ่ายเป็นคนเปิดปาก ทว่าคนเป็นสามีทำเพียงส่ายศีรษะหวือและหน้าซีดปากสั่นราวกับเจ้าเข้า
“ผมถามว่าเบลล่าไปไหน!” ที่สุดวูล์ฟก็ตะคอกอย่างไร้ความอดทน
“เอ่อ…บะ…เบลล่าหนีไปแล้ว” เมื่อโดนคาดคั้นหนักเข้าโรเบิร์ตก็รีบละล่ำละลักเสียงสั่นสะท้าน เหงื่อแตกพลั่กไม่ต่างจากผู้เป็นภรรยา
“หนีไปแล้ว! หนีไปยังไง! และหนีไปกับใคร!” น้ำเสียงกราดเกรี้ยวซักไซ้ทันควัน
“เบลล่าหนีไปกับคนรักของเธอ เธอบอกว่าเธอไม่ได้รักคุณ” กล่าวจบประมุขของตระกูลพอร์ตแมนก็ก้มลงหลบสายตาอำมหิตที่กราดมาอย่างเอาเรื่อง
“บัดซบ! ผู้หญิงระยำ! ไม่รักดี!” วูล์ฟเค้นเสียงขุ่นคลั่กสบถลั่นด้วยความเดือดดาลระคนคั่งแค้นสุดฤทธิ์ กรามกระด้างขบกันแน่นจนเป็นสันนูน บุรุษจอมโอหังเกลียดการเสียหน้าอย่างเข้าไส้ และเกลียดการทรยศหักหลังยิ่งกว่าอะไรดี ฉะนั้นการแต่งงานที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างพร้อมสรรพจะต้องไม่ล่ม และหากงานแต่งเฮงซวยจะล่มจริงๆ มันจะต้องมีคนรับผิดชอบอย่างสาสม!
“พวกคุณจะรับผิดชอบยังไงกับการหายตัวไปของเจ้าสาวของผม” สรรพนามที่เคยเรียกสองผัวเมียอย่างสนิทสนมพลันแปรเปลี่ยนเป็นเหินห่างและเย็นชาทันควัน
“เอ่อ…” ผู้ที่โดนไล่บี้ต่างพากันพูดไม่ออก
“อมขี้ฟันอยู่หรือไงห๊ะ! ผมถามทำไมไม่ตอบ!” อภิมหาเศรษฐีจอมโอหังเริ่มออกอาการคลุ้มคลั่งประหนึ่งพญามัจจุราชที่หลุดออกมาจากขุมอเวจี
“เอานังมะลิไปเป็นเจ้าสาวแทนก็แล้วกันค่ะ”
“มะลิไหนไม่ทราบ!”
“นี่ไงคะ” ทันใดนั้นนางเดือนแขก็ดึงเอาคนที่เพิ่งยกน้ำมาเสิร์ฟเข้ามาเกี่ยว มะลิร้อยทำท่าตกใจสุดขีด ก่อนจะส่ายหน้า พร้อมเอ่ยวิงวอนเสียงสั่น
“คุณป้า ไม่นะคะ ได้โปรด…”
“หุบปากของแกซะ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” ป้าใจร้ายกดเสียงต่ำข่มขู่ ก่อนจะปั้นสีหน้าแช่มชื่น แล้วเอ่ยอย่างกระตือรือร้นเหมือนภูมิใจนำเสนอหลานสาวในไส้ที่นางไม่เคยดูดำดูดีเสียเต็มประดา “นี่ไงคะคุณวูล์ฟ นังมะลิ”
ขาดคำนางเดือนแขก็จับไหล่บอบบางทั้งสองข้างของมะลิร้อย ซึ่งกำลังส่งสายตาอ้อนวอนอย่างน่าเวทนา แล้วดันร่างแน่งน้อยไปตรงหน้าชายหนุ่ม
บุรุษจอมเย่อหยิ่งตวัดตาคมกริบมายังผู้ที่ถูกกล่าวถึงทันควัน วินาทีถัดมาวูล์ฟก็ต้องย่นหว่างคิ้วหนาทว่าได้รูปเข้าหากัน เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนทำท่าเจี๊ยมเจี้ยมอยู่ตรงหน้า คือแม่สาวน้อยเนื้อตัวมอมแมมแสนสกปรก ที่เขาเพิ่งจะกระโจนเข้าลวนลามและเกือบจะปลุกปล้ำประหนึ่งไอ้โรคจิตบ้ากาม ถึงแม้จะเห็นแค่ทางเบื้องหลัง แต่เขาก็ยังจดจำรูปร่างและลักษณะการแต่งกายของอีกฝ่ายได้ติดตา
ส่วนคนที่โดนจ้องเขม็งนั้นรู้สึกเหมือนถูกสูบลมหายใจออกไปจากร่าง แทนที่จะปริปากประท้วงการกระทำของผู้เป็นป้าอีกครา ทว่าเมื่อได้สานสบกับนัยน์ตาสีน้ำเงินอมเทาหญิงสาวกลับพูดไม่ออก ทั้งขัดเขิน อับอาย หวาดหวั่น และประหม่าระคนกัน ถึงแม้จะเพิ่งเจอวูล์ฟไปหยกๆ แถมยังเผลอไปต่อปากต่อคำกับเขาอย่างใจกล้า แต่นั่นมันก็แค่เวลาที่เธอหันหลังให้เขา และในยามที่ได้เผชิญหน้ากับอีกฝ่ายจังๆ แบบนี้มะลิร้อยแสนจะขี้ขลาดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ อีกทั้งไม่รู้ว่าจะต้องวางตัวยังไง จึงได้แต่ยืนทำตัวลีบ ก้มหน้างุด และกุมมือชื้นเหงื่อเข้าหากันแน่น
เจ้าของร่างทระนงองอาจจงใจขยับเข้าใกล้นางซินตัวน้อยด้วยท่วงท่าสง่างาม หากแต่แฝงความคุกคามเต็มอัตรา จากนั้นก็เดินวนรอบร่างอ้อนแอ้นอย่างช้าๆ ทำให้แม่สาวอ่อนเดียงสาต้องเผลอกลั้นใจ ดวงตาคมกริบประหนึ่งใบมีดโกนจ้องเด็กสาวเขม็ง บ้างกวาดขึ้นลงตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับประเมินสินค้าอย่างไม่เกรงใจ ขณะที่ยกมือกระด้างขึ้นลูบปลายคางแกร่งไม่ขาดระยะ วินาทีแรกที่ได้เห็นหน้านางซินก้นครัวชัดๆ เขาก็นึกรังเกียจขยะแขยงยัยเด็กมอมแมม แต่งตัวมอซอ ร่างผอมแห้งเหมือนขาดสารอาหาร ใบหน้าเลอะไปด้วยหยาดเหงื่อและคราบน้ำมัน เนื้อตัวคละคลุ้งเหม็นคาวไปด้วยกลิ่นอาหารจนน่าสะอิดสะเอียน
“โสโครกสิ้นดี!” วูล์ฟเริ่มสวมวิญญาณมัจจุราชในชั่วพริบตา วาจาร้ายกาจที่หลุดออกมาจากปากหยักของเจ้าชายในฝันทำให้มะลิร้อยต้องกัดปากแน่น น้ำตาคลอเบ้า นึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาครามครัน เขาทั้งหยิ่งยโส ถือตัว ปากจัด ขี้หงุดหงิด และโมโหร้าย แถมพ่อเจ้าประคุณยังตั้งแง่รังเกียจเธอตั้งแต่แรกจนน่าเศร้าใจ จากที่ได้ประจักษ์มาถึงสองครั้งสองคราในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้สาวน้อยเริ่มแน่ใจแล้วว่าวูล์ฟ แอนเดอร์ตัน คงไม่ใช่สุภาพบุรุษอย่างที่เธอวาดภาพไว้ในวิมาน และมันก็อาจจะถึงเวลาที่เธอต้องเลิกหลงรูปจูบเงาพ่อเทพบุตรจำแลงเสียที ทว่าเสียงหนึ่งในใจกลับแย้งขึ้นอย่างฉับไวว่า…ถ้ามันทำได้ง่ายๆ แบบนั้นก็ดีน่ะสิ แต่หัวใจเจ้ากรรมหลงรักเขาไปแล้วนี่ให้ทำไงได้
“เอาไปขัดสีฉวีวรรณสักหน่อยก็สะอาดแล้วค่ะ” นางเดือนแขเอ่ยแทรกขึ้น หากแต่ชายหนุ่มกลับไม่สนใจ นัยน์ตาดุดันยังคงจ้องหน้านางซินตัวน้อยเขม็ง
“นังหนู…เธออายุเท่าไหร่แล้ว หย่านมแม่หรือยังถึงคิดจะมีผัวตั้งแต่เด็ก” ในเวลาที่กำลังเดือดจัดเช่นนี้เขาดูพาลพาโลไปหมด แม่สาวน้อยเม้มปากแน่นเมื่อได้ยินวาจาหยามหมิ่น อีกทั้งเจ็บปวดและอดสูระคนกัน
“โอ๊ย! นังมะลิมันไม่เด็กแล้วค่ะ เป็นสาวสะพรั่งเชียวล่ะ” เมื่อเห็นว่าหลานสาวเอาแต่ยืนทื่อจนน่าหยิกให้เนื้อเขียว ผู้เป็นป้าก็โพล่งขึ้นอย่างไร้มารยาท
“หุบปาก! ผมไม่ได้ถามคุณ” เขาตวาดกร้าวจนอีกฝ่ายสะดุ้งเฮือกหน้าซีดเผือด ก่อนจะตวัดสายตาอำมหิตชวนขนหัวลุกมาจ้องใบหน้าแม่สาวน้อยที่กำลังตกเป็นจำเลยเขม็ง
“ว่าไงล่ะ ฉันถามว่าเธออายุเท่าไหร่แล้วแม่หนูสกปรก”
“เอ่อ…” ท่าทางดุดันน่าประหวั่นพรั่นพรึงพานให้สาวน้อยควานหาเสียงตัวเองไม่เจอเอาซะดื้อๆ
“ตอบ!” เจ้าของน้ำเสียงกระด้างทว่าเฉียบขาดเร่งรัดให้ได้อย่างใจ ท่าทีอึกอักและตื่นกลัวจนเกือบลนลานราวกับเขาเป็นยักษ์เป็นมารยิ่งทำให้พ่อหนุ่มเลือดร้อนรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านจนอยากจะอาละวาดให้ลั่น
“สะ…สิบเก้าค่ะ”
“บัดซบ! เด็ก! นรก!” วูล์ฟสบถอย่างหัวเสียสุดๆ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาแกมดุดัน
“เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมถึงริอ่านอยากมีผัวจนตัวสั่น”
“เอ่อ…ฉันไม่…” เธอขยับปากหมายจะเอ่ยปฏิเสธแต่ขากรรไกรเจ้ากรรมกลับไม่อยากทำงานเสียอย่างนั้น และนั่นก็เป็นการเปิดโอกาสให้คนโอหังได้เหยียบย่ำซ้ำเติมด้วยวาจาเจ็บแสบอีกครา
“เเน่ใจเหรอว่าเด็กอย่างเธอจะทนรองรับอารมณ์ฉันไหว” วาจาขวานผ่าซากทำให้มะลิร้อยอ้าปากค้าง หน้าร้อนวาบ อับอายจนอยากจะเเทรกแผ่นดินหนี เธอไม่นึกเลยว่าพ่อเทพบุตรในฝันจะกลายเป็นคนกักขฬะไม่ให้เกียรติผู้หญิงได้อย่างร้ายกาจถึงเพียงนี้ และในวินาทีถัดมาสาวน้อยก็ต้องตัวเกร็งและหลับตาปี๋ เมื่อเขาจงใจก้มลงมากระซิบวาจาหยาบโลนชิดใบหูขาวสะอาด ให้พอได้ยินกันแค่สองคน “ตัวเล็กๆ เเบบนี้โดน ‘เอา’ ทีคงสลบเป็นวันๆ”
“โอ๊ย…เด็กสิคะดี สมัยนี้ผู้ชายเขาก็อยากได้เมียเด็กเอ๊าะๆ กันทั้งนั้น” แล้วนางเดือนแขก็หาช่องว่างสอดแทรกเสียงอันน่ารำคาญขึ้นมาจนได้
วูล์ฟกระแทกลมหายใจยาวเหยียด พร้อมกลอกตาไปมาอย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน ก่อนจะตอบโต้ด้วยน้ำเสียงเย็นชาไร้หัวใจ
“อย่าเอามาตรฐานของคนอื่นมาใช้กับผม อีกอย่างบ้านผมก็ไม่ใช่สถานสงเคราะห์ที่จะเปิดต้อนรับยัยเด็กกะโปโล มอมเเมม ขาดสารอาหาร และแสนสกปรกนี่ อ้อ…แล้วก็บอกตรงๆ ว่าสารรูปอย่างนี้ผมเอาไม่ลง” วูล์ฟชัดเจน เฉียบขาด เเละไม่ไว้หน้าใครเเบบนี้เสมอ
สาวน้อยถึงกับสะอึกในความรังเกียจขยะเเขยงเต็มกระเเสเสียง ความน้อยเนื้อต่ำใจไหลบ่าท่วมท้นไปทั้งกาย แต่เหนือสิ่งอื่นใดความผิดหวัง เสียใจ และเจ็บปวด จนอยากจะปล่อยโฮออกมา
“แต่ถ้าคุณไม่เอานังมะลิไปเป็นเจ้าสาวแทน คุณก็จะไม่ได้อะไรจากเราเลยนะคุณวูล์ฟ”
“ระยำ! คุณกล้าขู่ผมงั้นเหรอ!” อภิมหาเศรษฐีหนุ่มเค้นเสียงขุ่นคลั่ก ระเบิดอารมณ์ออกมาด้วยความเดือดดาลเหลือคณา ทำเอาทุกคนในที่นั้นต่างสะดุ้งเฮือก ใบหน้าซีดเผือด
“ผมไม่ได้ขู่ คุณก็รู้ว่าเราไม่เหลืออะไรเลย” โรเบิร์ตโต้กลับเสียงสั่นระริก
“เอานังมะลิไปเถอะค่ะ รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวัง มันเป็นกุลสตรีนะคะ งานบ้านงานเรือนทำเป็นหมดทุกอย่าง แถมใช้ให้ทำอะไรมันก็ไม่เกี่ยงอีกค่ะ”
“หึ…เพราะคิดอย่างนี้สินะ พวกคุณถึงได้ยัดเยียดให้เด็กในบ้านแต่งงานแทนลูกสาว ฉลาดดีนี่ แต่ขอโทษทีเถอะ…ผมต้องการ ‘เมีย’ ไม่ใช่ ‘คนใช้’ ที่เอาไว้รองมือรองเท้า” วูล์ฟแค่นยิ้มหยัน
“นังมะลิไม่ใช่คนใช้นะคะ มันเป็นหลานสาวของเรา แต่จะว่าไปแล้วเมียหรือคนใช้มันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละค่ะ เพราะสุดท้ายแล้วก็ต้องคอยปรนนิบัติสามีอยู่ดี” เดือนแขยังไม่ยอมถอดใจง่ายๆ ก็แน่ล่ะหนทางไหนที่จะทำให้ตนและสามีไม่ต้องใช้หนี้นางก็พร้อมจะทำหมดแหละตอนนี้
“ไม่นะคะคุณป้า มะลิไม่แต่งงานแทนพี่เบลล่านะคะ” ครั้นทนไม่ไหวนางซินผู้แสนอาภัพก็เอ่ยค้านเสียงสั่นเครือ ก่อนที่จะโดนผู้เป็นป้าตวาดลั่น
“หุบปากของแกซะนังมะลิ! ฉันสั่งให้แกแต่งแกก็ต้องแต่ง!”
“คุณป้า…ได้โปรดเถอะค่ะ”
“เอ๊ะ…นังนี่! ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าห้ามมีปากมีเสียง ห้ามขัดคำสั่ง นึกถึงบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนที่ฉันเลี้ยงดูแกมาตั้งแต่เล็กจนโตซะบ้างสิ” พอได้ยินถ้อยคำลำเลิกบุญคุณ มะลิร้อยก็อยากจะสวนกลับนักว่า ไม่ใช่เพราะสำนึกในบุญคุณของอีกฝ่ายหรอกเหรอที่ทำให้เธอสงบเสงี่ยมเจียมตัว และยอมก้มหัวให้คนในบ้านพอร์ตแมนเหยียบย่ำตั้งแต่เล็กจนโต หากแต่สิ่งที่เอื้อนเอ่ยออกมากลับไม่ใช่สิ่งที่ใจคิด
“มะลิไม่เคยลืม แต่นี่มัน…”
“ถ้าแกไม่เคยลืม ก็ต้องไม่มีคำว่าแต่ สงบปากสงบคำแล้วทำตามคำสั่งฉันซะ”
“ใช่ เราเลี้ยงดูแกมาตั้งแต่เล็กจนโต แกก็สมควรจะตอบแทนเราบ้าง” นายโรเบิร์ตกล่าวเสริมภรรยาทันควัน
พฤติกรรมของสองผัวเมียทำให้วูล์ฟรู้สึกสมเพชเเละรังเกียจคนทั้งคู่จนเเทบจะสำรอกออกมา ก่อนจะเอ่ยแทรกเสียงเข้มเจือดุดัน
“พอๆ หยุดดราม่าเสียที มันน่ารำคาญ!”
“แสดงว่าคุณยอมแต่งงานกับนังมะลิแล้วใช่ไหมคะ” น้ำเสียงของนางเดือนแขฟังดูลิงโลดอย่างออกนอกหน้า การตีความหมายเข้าข้างตัวเอง ทำให้ชายหนุ่มอยากจะหัวเราะให้กับความโง่เขลาเบาปัญญาของอีกฝ่ายยิ่งนัก
“ผมไม่สนผู้หญิงหน้าไหนทั้งสิ้น โดยเฉพาะยัยเด็กกะโปโลแสนสกปรกนี่ และคนที่จะเข้าพิธีวิวาห์กับผมในวันพรุ่งนี้จะต้องเป็นอิซาเบลล่า เจ้าสาวของผมจะต้องเป็นอิซาเบลล่าเท่านั้น เข้าใจไหม!” เสียงห้าวกระด้างเอ่ยอย่างเฉียบขาดถึงแก่น
“แต่ยัยเบลล่าหนีไปแล้วนะคะ คุณปล่อยให้เธอไปมีความสุขกับคนที่เธอเลือกเถอะค่ะ อีกอย่างงานแต่งก็จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้แล้ว ยังไงก็ตามตัวยัยเบลล่าไม่ทันหรอกค่ะ เอานังมะลิไปเป็นเจ้าสาวแทนเถอะนะคะ” นางเดือนแขพยายามโน้มน้าวจิตใจอีกฝ่ายอย่างสุดความสามารถ
ความจริงที่วิ่งเข้ามากระแทกใจโครมใหญ่ทำให้วูล์ฟตัวแข็งทื่อ กรามแกร่งที่ประดับอยู่ตรงโหนกแก้มขบกันจนเป็นสันนูน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาสามารถจัดการกับชีวิตของตัวเองได้อย่างง่ายดายเพียงแค่พลิกฝ่ามือ แต่ตอนนี้เขากลับกำลังจนปัญญาอย่างน่าโมโห เพราะไม่สามารถไปตามลากคอว่าที่เจ้าสาวเฮงซวยมาเข้าพิธีวิวาห์ได้ทันกาล แต่นักธุรกิจผู้ช่ำชองในการลงทุน ซึ่งเล็งเห็นแต่ผลประโยชน์และกำไรอย่างเขาจะไม่ยอมเสียเปรียบเด็ดขาด เงินที่สูญไปกับการให้โรเบิร์ตหยิบยืมเขาจะต้องได้คืน และถ้าไม่ได้คืนทั้งหมดมันก็ต้องมีดอกเบี้ย แต่…ให้ตายห่าสิวะ! เขาจะต้องเอายัยเด็กสกปรกนี่มาเป็นดอกเบี้ยอย่างนั้นเหรอ ไม่! ไม่เด็ดขาด!
ขนาดไร้ทางออกเช่นนี้ วูล์ฟยังคิดขัดเเย้งในตัวเองขั้นรุนเเรง เพราะคนอีโก้สูงเเละทิฐิเเรงกล้าไม่อาจยอมรับความจริงที่ว่า…ว่าที่เจ้าสาวได้บังอาจหนีไป เหมือนคิดจะล้มงานเเต่ง เเถมเขายังต้องคว้าผู้หญิงไร้หัวนอนปลายเท้าที่ไม่มีอะไรคู่ควรมาเข้าพิธีวิวาห์เเทน มันเป็นความผิดพลาดอย่างน่าบัดซบ!
“หูหนวกหรือไงห๊ะ! ผมบอกพวกคุณแล้วไง ว่าไม่ต้องการ ‘ยัยเด็กโสโครก’ นี่ ภรรยาของวูล์ฟ แอนเดอร์ตัน จะต้องไม่ต่ำต้อย กระจอก และมอซอแบบนี้” ชายหนุ่มตะเบ็งเสียงกราดเกรี้ยวยืนกรานในสิ่งที่ตนต้องการอย่างหนักแน่นเป็นประกาศิต สำหรับบุรุษผู้เฉียบขาดไปทุกกระเบียดนิ้วอย่างวูล์ฟ แอนเดอร์ตัน ไม่เคยมีคำว่า ‘ไม่’ เฉียดเข้าใกล้โสตประสาทให้ต้องหงุดหงิดใจ และเขาจะต้องได้ทุกอย่างตามที่ปรารถนาอย่างไม่มีข้อยกเว้น
ส่วนคนที่โดนสายตาอำมหิตจ้องเขม็ง และถูกสาดวาจาดูแคลนอันแสนร้ายกาจใส่ครั้งแล้วครั้งเล่าถึงกับหน้าชาวาบประหนึ่งโดนตบฉาดใหญ่ และเจ็บจี๊ดไปถึงกระดองใจ
“คิดดูให้ดีๆ นะคุณวูล์ฟ ถ้าคุณยังดันทุรังที่จะเอายัยเบลล่าเป็นเจ้าสาวอยู่ทุกอย่างอาจไม่ทันการ กว่าจะตามตัวยัยเบลล่าเจอมันอาจจะเลยงานแต่งไปแล้วก็ได้ แล้วแขกเหรื่อที่คุณเชิญมางานเขาจะคิดยังไง คนอย่างวูล์ฟ แอนเดอร์ตัน คงจะไม่อยากเสียหน้าหรือตกเป็นขี้ปากชาวบ้านหรอกจริงไหม?” ท้ายประโยคนายโรเบิร์ตหยิบยกเอาจุดอ่อนมากระแทกใจดำคนฟังอย่างจัง ส่งผลให้ใบหน้าคร้ามคมพลันกระด้างขึ้น
“บัดซบเอ๊ย!” อภิมหาเศรษฐีหนุ่มสบถอย่างหัวเสียสุดขีด นัยน์ตาสีน้ำเงินอมเทาอัดแน่นไปด้วยเพลิงโทสะ เขาไม่อยากรับข้อเสนอแสนระยำนี่เลยสักนิด แต่ตอนนี้กลับอับจนหนทางแก้ไขปัญหาจนน่าโมโห และเขาก็จะไม่ยอมเสียหน้าอย่างเด็ดขาด แต่…พับผ่าสิวะ! เขาไม่ชอบเด็ก จะเรียกว่าเกลียดเข้าไส้เลยก็ว่าได้ เพราะเด็กเอาใจยาก งอเเง เสียงดัง พอไม่ได้ดั่งใจก็เเหกปากโวยลั่นจนน่ารำคาญพอๆ กับน่าสยดสยอง การมีเด็กเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคงยุ่งยากวุ่นวายพิลึก เเละที่สำคัญคือเขาไม่อยากเอาเด็กทำเมีย เพราะเมียของคนอย่างวูล์ฟ แอนเดอร์ตัน จะต้องไม่ต่ำต้อยด้อยค่าเเละไร้หัวนอนปลายเท้าแบบแม่เด็กสาวที่กำลังยืนเม้มปากอยู่ตรงหน้า เเถมเผลอๆ อาจจะเจอข้อหาพรากผู้เยาว์ ความคิดในหัวสมองอันเฉียบแหลมพร่ำเตือนตัวเองอยู่หลายครั้ง แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องกลับลำเอาเสียดื้อๆ ในเสี้ยวนาทีถัดมา นั่นก็เพราะว่าพิธีแต่งงานอันยิ่งใหญ่จะถูกจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ เขาจึงไม่มีทางเลือกมากนัก
เอาวะ…แก้ขัดไปก่อน แล้วเขาจะเฉดหัวแม่ขยะโสโครกนี่ทิ้งทันทีที่พิธีกล่าวคำสัตย์สาบานสิ้นสุดลง ที่สุดวูล์ฟก็หาทางออกให้ตัวเองจนได้ ถึงจะเป็นทางออกที่น่าเจ็บใจแต่เขาก็จำต้องคว้ามันไว้ เพราะไม่มีเวลาให้ไปตามลากคอผู้หญิงระยำที่เขาแสนจะคั่งแค้นมาเข้าพิธีวิวาห์ และเขาก็เกลียดการเสียหน้าอย่างเข้าไส้ ฉะนั้นพ่อหนุ่มพันธ์ดิบจึงต้องจำใจรับข้อเสนออันแสนบัดซบของว่าที่พ่อตาและแม่ยายซึ่งเพิ่งเปลี่ยนสถานะมาเป็นลูกหนี้หมาดๆ ด้วยการคว้านางซินก้นครัวมาเป็นเจ้าสาวแทน ทว่าก่อนที่เขาจะทันได้ตอบตกลงเสียงหวานติดจะสั่นเครือก็แทรกขึ้นเสียก่อน
“เอ่อ…ฉันขอคุยกับคุณสักนิดได้ไหมคะ ได้โปรดเถอะค่ะ” ทันทีที่เอื้อนเอ่ยถ้อยคำวิงวอนจบสาวน้อยเนื้อตัวมอมแมมก็รวบรวมความกล้าจ้องอีกฝ่ายตาแป๋ว ขณะกลั้นใจเงี่ยหูฟังวาจาที่จะหลุดออกมาจากปากหยัก
“หวังว่าสิ่งที่เธอจะคุยกับฉันจะไม่ทำให้ฉันอยากจะพังที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลองหรอกนะนังหนู” วูล์ฟกราดสายตาดุดันจ้องหน้าสาวเจ้าเขม็ง พร้อมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาไร้อารมณ์สิ้นดี
“เอ่อ…ฉันก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น เชิญทางนี้ค่ะ” มะลิร้อยสวนกลับด้วยน้ำเสียงไม่มั่นคงนัก เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนจะพูดในอีกไม่กี่อึดใจนั้นจะถูกใจจอมเย่อหยิ่งหรือไม่ กล่าวจบเธอก็เดินนำหน้าไปด้วยความประหม่า โดยมีพ่อคนเจ้าอารมณ์ย่ำเท้าโครมๆ ตามมา