ตอนที่ 5 ทายาทมาเฟียลำดับที่สามรุ่นที่ห้า
เมืองชิคาโก้ ประเทศสหรัฐอเมริกา
เสียงปืนหลายนัดดังขึ้นภายในห้องลับของกาสิโนแห่งนี้ ร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีดำสนิทนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ สายตาคมราวกับสายตาของเหยี่ยวปราดมองไปยังร่างที่นอนแน่นิ่งจมกองเลือดอยู่ที่ปลายเท้า วัตถุสีดำที่ถูกใช้เมื่อสักครู่ถูกส่งให้กับลูกน้อง ก่อนที่เขาจะหยิบผ้าเปียกที่ลูกน้องเตรียมมาให้เพื่อใช้เช็ดมือ
“คนที่มันหักหลังตระกูลของเรา ก็ต้องพบจุดจบแบบนี้ทุกคนแหละ” เสียงทุ้มคำรามดังออกมาจากริมฝีปากหนาสีกุหลาบ
“จัดการให้เรียบร้อย อย่าให้สุนัขได้กลิ่นเป็นอันขาด”
สุนัขที่ว่าคือพวกตำรวจ แน่นอนว่าพวกตำรวจกับพวกมาเฟียนั้นไม่ถูกกัน เพราะอีกฝ่ายนั้นเป็นผู้รักษากฎหมาย และมาเฟียเป็นผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย
“ครับนาย”
ลูกน้องคนสนิทรับคำก่อนที่จะสั่งให้ลูกน้องที่เหลือลากชายร่างโตที่เพิ่งหมดลมหายใจออกไปจากห้องลับที่ถือว่าเป็นห้องเชือดของกาสิโนแห่งนี้
“ยังมีเรื่องที่ฉันต้องจัดการอีกไหมบุ๊ซ” เสียงทุ้มเย็นชาดังขึ้นหลังจากที่ควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากริมฝีปากหนาสีกุหลาบ
“ทุกเรื่องที่นายกังวล จัดการเรียบร้อยหมดแล้วครับ” ชายหนุ่มร่างโตที่ทำหน้าที่เป็นทั้งเลขาและบอดี้การ์ดส่วนตัวของมาเฟียหนุ่มตอบออกมายิ้มๆ
“ถ้าอย่างนั้น นายโทรไปบอกกัปตันให้เตรียมเครื่องบินส่วนตัวของฉันให้พร้อม อาทิตย์หน้าเราจะบินไปประเทศไทยกัน”
“รับทราบครับนาย” บุ๊ซรีบออกจากห้องแล้วต่อสายไปหานักบินของตระกูลวินเทอร์ในเมืองชิคาโก้ทันที
ภายในห้องที่ยังเย็นเฉียบ มือหนาหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูออกมาเปิดดูภาพของภรรยาในนามที่เขายังไม่มีโอกาสได้ไปแนะนำตัวกับเธอเลยสักครั้ง ว่าเขานี่แหละคือสามีของเธอ ริมฝีปากหนาสีกุหลาบเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อได้มองใบหน้าสวย รอยยิ้มของเธอทำให้เขานึกย้อนไปถึงวัยเด็ก เด็กน้อยคนนั้นที่ทำให้ชีวิตของเขาเข้มแข็งขึ้นมาได้ และรอคอยวันที่จะได้พบเธออีกครั้ง
หลังจากจัดการเรื่องที่กาสิโนเสร็จเรียบร้อย เอเดนก็เดินทางกลับเพ้นท์เฮ้าส์ส่วนตัวของเขาทันทีโดยไม่รู้ว่าผู้เป็นมารดากำลังรอเขาอยู่ที่นั่น รถตู้คันใหญ่ติดฟิล์มทึบรอบคันขับเคลื่อนไปจอดที่หน้าเพ้นท์เฮ้าส์สุดหรู
“นี่แม่ฉันมาที่นี่เหรอ”
มาเฟียหนุ่มพึมพำออกมาก่อนที่จะลงจากรถแล้วสาวเท้าเข้าไปด้านในทันทีโดยบรรดาบอดี้การ์ดที่ทำหน้าที่ดูแลเขาอยู่ต่างพากันก้มโค้งทำความเคารพมาเฟียหนุ่มตลอดแนวทางเดิน
สุภาพสตรีที่มีเส้นผมสีบรอนด์ทองกำลังนั่งรอเขาอยู่ที่ห้องรับแขก ชายหนุ่มถอนหายใจหนักๆ ออกมาก่อนที่จะก้าวเดินเข้าไปหาแล้วสวมกอดเธอจากทางด้านหลัง
“สวัสดีครับแม่ นึกยังไงถึงมาหาผมที่นี่ได้ครับ”
น้ำเสียงอ่อนโยนที่ไม่เคยพูดกับใครถูกใช้กับผู้เป็นมารดา แต่แทนที่จะได้รับการตอบกลับเป็นการกอดแต่กลับถูกมารดาหยิกเข้าไปที่ท่อนแขนล่ำของตนจนมาเฟียหนุ่มแกล้งร้องโอดโอยออกมา
“โอ๊ย!!! แม่.... หยิกผมทำไมครับ ผมเจ็บนะ”
คนที่ไม่เคยกลัวเลือด หรือกลัวกระสุนปืนอย่างเอเดน แต่ทว่ากลับร้องออกมาราวกับว่าเจ็บปวดเพียงเพราะถูกมารดาหยิกเนื้อ
“ไม่ต้องมาแสดงเลย เอเดน แม่เพิ่งรู้ว่าลูกแอบไปจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงคนหนี่งมา คิดจะมีเมียแต่ไม่บอกครอบครัวให้รู้เนี่ยนะ เอเดน ลูกยังเห็นพวกเราเป็นครอบครัวของลูกอยู่ไหม” ไม่ทันที่เขาจะเดินไปนั่งลงให้ดีๆ ก็ถูกมารดาต่อว่าจนยืดยาว
“โถ่ๆๆๆ มันกะทันหันจริงๆ ครับแม่ ผมขอโทษครับ แต่คุณแม่ไม่ต้องห่วงผมแล้วนะ เพราะตอนนี้ผมมีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้ว ไม่ได้ชอบพวกผู้ชายด้วยกันอย่างที่นักข่าวพวกนั้นเอาไปเขียนแน่นอน” เอวาน่าหันไปจ้องหน้าบุตรชายตาเขม็ง
“แม่ถามหน่อยเถอะ ลูกรักผู้หญิงที่ลูกจดทะเบียนสมรสด้วยใช่ไหม หรือมีเหตุผลอะไรที่กำลังปิดบังแม่อยู่”
เธอไม่ได้เชื่อเสียทีเดียว แม้จะตามสืบมาบ้างแล้วว่าลูกสะใภ้คนเล็กนั้นเป็นใคร มาจากไหน และแน่นอนว่าคุณลูเซียโน่ สามีของเธอและตัวเธอนั้นไม่ได้รังเกียจที่อีกฝ่ายเป็นเด็กกำพร้า ออกจะสงสารชีวิตของเธอเสียด้วยซ้ำ ทั้งสองจึงไม่อยากจะให้ฝ่ายหญิงต้องมาทุกข์ใจอยู่กับเจ้าลูกชายที่มีหน้าที่รับช่วงต่อธุรกิจของตระกูล เพราะการเป็นภรรยาของมาเฟียนั้นไม่ใช่เรื่องดีอย่างที่คนภายนอกเข้าใจ
“ครับ... เพราะเธอคือรักแรกพบของผม”
มาเฟียหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเล มิสซิสวินเทอร์จ้องหน้าบุตรชายคนสุดท้องเพื่อดูว่ามีความลังเลหรือล้อเล่นอยู่ในแววตาของเขาไหม แต่เธอก็ไม่พบความผิดปกติอะไรเธอจึงยิ้มออกมา
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปตามน้องกลับมา แล้วก็จัดงานแต่งงานให้เป็นเรื่องเป็นราว ลูกทำเหมือนกับว่าตัวเองยังเป็นผู้ชายโสดอยู่เลยรู้ไหม ถึงจะไม่ไปยุ่งกับพวกผู้หญิงเหมือนพี่ชายทั้งสองของลูก แต่คนอื่นก็เอาไปนินทาอยู่ดีว่าลูกน่ะ....”
“ชอบผู้ชาย”
มิสซิสวินเทอร์พูดยังไม่ทันจบ บุตรชายก็สวนขึ้นมาทันทีจนนางตาเบิกโพลง ปากอ้าออกกว้างจนบุตรชายหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆๆ แม่ครับ ผมชอบผู้หญิงจริงๆ เรื่องชอบผู้ชายไม่เป็นความจริงแน่นอน” เขาสวมกอดมารดา นางเอวาน่าจึงกอดบุตรชายตอบ เพราะน้ำเสียงจริงจังไม่ติดเล่นของเขาทำให้เธอวางใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปตามน้องกลับมา ลูกรู้ไหมว่าน้องเป็นผู้หญิงที่สวยมาก หากปล่อยไปอยู่ไกลๆ ตามลำพังแบบนั้น แม่กลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจไปจากลูก” นางเอวาน่าผละอ้อมกอดออกจากบุตรชายแล้วเอ่ยออกมาอย่างยืดยาว
“แน่นอนครับ อาทิตย์หน้าผมจะบินไปตามเธอกลับมา แต่แม่ครับ ผมคงต้องใช้เวลาอยู่ที่ไทยสักหน่อย แม่ช่วยคุยกับพ่อให้มาดูแลชิคาโก้แทนผมก่อนได้หรือเปล่าครับ”
ถึงแม้บิดาจะวางมือไปแล้วแต่เขี้ยวเล็บของอดีตมาเฟียก็ยังคงคมกริบเหมือนเดิม พวกตำรวจบางคนก็นับถือบิดาของเขาเพราะบางทีตระกูลวินเทอร์ก็ให้ความช่วยเหลือพวกตำรวจในเรื่องที่พวกตนไม่เกี่ยวข้องเช่นกัน
“ได้สิ จะมีปัญหาได้ไง ลูกแม่จะไปตามเมียทั้งที แต่แม่ให้เวลาแค่สามเดือนนะ เพราะพ่อกับแม่วางแผนเอาไว้ว่าจะพากันไปเที่ยวรอบโลก”
มารดาตอบกลับมาในทันที แต่ทว่ากลับมีเงื่อนไขที่ทำให้มาเฟียหนุ่มต้องมองบนให้กับชีวิตคู่ของบิดามารดาที่หมั่นเติมความหวานให้แก่กัน เมื่อก่อนลูเซียโน่ บิดาของเขานั้นเจ้าชู้มาก กว่าจะมาเจอกับเอวาน่าที่เป็นมารดาของเขาก็ผ่านผู้หญิงมาไม่น้อย แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับความรักที่มีต่อมารดา
“อืม...ถ้าอย่างนั้นแม่กลับก่อนล่ะ ได้มาฟังจากปากลูกแบบนี้แม่ก็สบายใจ ว่าหนูคนนั้นคือสะใภ้ของแม่จริงๆ ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่ลูกจ้างมา”
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาพี่ชายคนโตของเอเดนเคยจ้างผู้หญิงให้มาแกล้งเป็นแฟนของเขาเพื่อตบตาเธอ เอวาน่าจึงไม่ไว้ใจหากลูกชายอีกสองคนจะมาบอกว่ามีแฟนแล้ว เธอจึงต้องสืบเรื่องทุกอย่างก่อนที่จะลงมือจัดการ เพราะชีวิตคนเรามันสั้นนัก ความสุขก็มีได้เพียงไม่นาน เธอจึงไม่อยากให้ลูกสูญเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์
การมีผู้หญิงที่รักอยู่เคียงข้าง นอกจากทำให้มาเฟียหัวดื้อพวกนี้อ่อนโยนลงกว่าเดิม หากมีทายาทมาด้วยแล้วอาจจะทำให้ลูกๆ ของเธอลดการใช้ความรุนแรงลงก็ได้ ที่ผ่านมาเธอเองก็ทุกข์ใจอยู่ไม่น้อยที่สุดท้ายลูกๆ ก็ต้องมารับช่วงต่อจากสามี แต่จะทำอย่างไรได้ เพราะนี่คือธุรกิจที่มีมาตั้งแต่รุ่นปู่ของตระกูลวินเทอร์
เอวาน่าลุกขึ้นจากโซฟาตัวนุ่ม ลูกชายคนเล็กจึงลุกขึ้นแล้วสวมกอดเธอ เธอรู้ว่าเอเดนนั้นอ่อนโยนกว่าพวกพี่ชาย แต่เขาก็ยังคงความเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวของสายเลือดวินเทอร์เช่นกัน
“แม่กลับก่อนล่ะ ไม่ต้องออกไปส่งหรอก แล้วอย่าลืมที่รับปากกับแม่ล่ะ ไปพาเมียเรากลับมาแต่งงานให้ได้ ภายในระยะเวลาสามเดือน แค่สามเดือนเท่านั้นนะเอเดน”
“ครับแม่ เดินทางกลับดีๆ ครับ”
เอวาน่าปรายตามองบุตรชายคนเล็กอีกครั้งก่อนที่จะเดินออกจากห้องรับแขกของเพ้นเฮ้าท์ไป สายตาคมมองตามมารดาไปจนลับสายตา ก่อนที่เขาจะเดินไปหยิบบรั่นดีออกมาจากตู้เย็นแล้วรินใส่แก้ว ร่างหนาเดินถือแก้วไปนั่งลงที่ห้องรับแขก ก่อนที่จะต่อสายไปหาเพื่อนสนิทที่อยู่อีกซีกโลก
ฮิวโก้ : ว่ายังไงครับบอส เมื่อไหร่จะมาแสดงตัวกับภรรยาครับ
เอเดน : ประโยคแรกที่ทักทายก็เกี่ยวกับภรรยาของฉันเลยนะ
ฮิวโก้ : นายรู้อะไรไหม ภรรยานายน่ะเสน่ห์แรงมาก ลูกค้าของบริษัทเราตามจีบไปทำงานให้คิวแทบไม่ว่างเลย
คนฟังถึงกับขมวดคิ้ว แก้วบรั่นดีที่ถืออยู่ถูกวางลงบนโต๊ะตรงหน้าเสียงดังลั่นจนบอดี้การ์ดหนุ่มอย่างบุ๊ซต้องรีบเข้ามาดู แต่พอเห็นว่าไม่มีเรื่องร้ายแรงอะไรเขาจึงเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปเงียบๆ เพราะเขารู้ดีว่าเวลานี้เจ้านายของเขาต้องการความเป็นส่วนตัว ด้วยเหตุนี้จึงไม่จ้างคนรับใช้แต่จ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดตอนที่เขาไม่อยู่แทน
ฮิวโก้ : เมื่อครู่เสียงอะไรดังวะ นายกำลังยุ่งอยู่เหรอ
คนถูกถามรีบระงับอารมณ์ขุ่นมัว เขายกแก้วบรั่นดีขึ้นมากระดกจนหมดก่อนที่จะตอบเพื่อนออกไป
เอเดน : ฉันฝากนายดูแลภรรยาของฉันให้ดี ไม่ใช่ให้นายรังแกเธอด้วยการรับงานให้เธอมากมายถึงขนาดนั้น นายก็รู้ว่าถึงเธอไม่ทำงานเธอก็อยู่สบายได้ทั้งชาติ
ฮิวโก้ : แต่ดูเหมือนภรรยาของนายไม่ได้คิดแบบนั้นนะ เธอมีความสุขกับการที่ได้ทำงานมาก....เพื่อน พวกบอดี้การ์ดที่นายจ้างไม่ได้รายงานนายหรือยังไง
ผู้ที่เป็นเจ้าของโมเดลลิ่งครึ่งหนึ่งอย่างฮิวโก้ เศรษฐวัฒน์มองบนทันทีเมื่อได้ยินเพื่อนสนิทพูดออกมาแบบนั้น เพราะดูเหมือนว่าเจ้าหมอนี่จะไม่รู้นิสัยภรรยาของตัวเองสักนิดเลย
เอเดน : ปล่อยให้เธอสนุกกับงานไปอีกสักนิด พอถึงวันที่ฉันไปแสดงตัว งานของเธอก็ถือเป็นอันสิ้นสุด ส่วนใคร...ที่มันกล้ายุ่งกับเธอฉันจะไปจัดการเอง
คนฟังถึงกับถอนหายใจออกมา พลางคิดว่าชีวิตของอลินาหากได้วันใดที่สามีที่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างเอเดนมาตามเธอ วันนั้นเธอคงจะกลายเป็นนกน้อยในกรงทอง เพราะมาเฟียอย่างเอเดนนั้นไม่ชอบให้ใครไปเตะต้องคนหรือของที่เขารัก
สองหนุ่มเพื่อนซี้พูดคุยกันเกือบชั่วโมงทั้งเรื่องบริษัทและเรื่องของอลินาจนในที่สุดเอเดนก็เป็นฝ่ายวางไปก่อน ภาพถ่ายของอลินาถูกส่งมาจากเหล่าบอดี้การ์ดที่เขาจ้างเอาไว้ รอยยิ้มของเธอทำให้เขาใจเต้นแรงและรอคอยวันที่จะได้ไปยืนตรงหน้าเธอแล้วแนะนำตัวว่า เขาคือเอเดน วินเทอร์ สามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของเธอ...