บทที่ 5 ผู้อุปถัมภ์คนใหม่
ครบสามปีที่ย่าจากไป และเป็นสามปีที่พริมาย้ายมาอาศัยอยู่ที่บ้านของคุณยายจิรา วันเวลาที่ผ่านไปไม่เคยทำให้ความคิดถึงย่าจางลง หล่อนยังคิดถึงย่าเหมือนเดิม ย่ายังอยู่ในความทรงจำเสมอ แต่ในวันนี้แทบไม่มีความเศร้าปนอยู่ในความคิดถึงนั้นอีกแล้ว
“อีกปีเดียวแพงก็จะเรียนจบแล้วนะย่า แพงจะทำงานหาเงินไปคืนคุณทับทิมให้ครบทุกบาทเลย ถึงเธอใจดียกหนี้ให้ แต่แพงก็เอาเงินของเธอไม่ได้หรอก แค่ค่าใช้จ่ายรายเดือนที่คุณทับทิมโอนให้อยู่ทุกเดือน แพงก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว รู้สึกเหมือนตัวเองทำงานไม่คุ้มค่าจ้าง”
พริมาพูดกับรูปถ่ายของย่าที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ รอยยิ้มเกลื่อนทั่วดวงหน้าหวานเมื่อรู้สึกว่าย่ากำลังมองหล่อนและกำลังยิ้มให้หล่อนเช่นกัน
“แพงไม่คิดเลยนะว่าจะมีคนอย่างคุณยายจิรากับคุณทับทิมอยู่ในโลกนี้ด้วย ทั้งสองคนใจดีกับแพงมาก แถมยังทำเหมือนแพงไม่ใช่ลูกจ้างในบ้าน ไม่เคยกะเกณฑ์ให้แพงทำอะไรเลย แต่แพงก็พยายามรับใช้คุณยายนะคะ พอเลิกเรียน แพงก็รีบกลับมาอยู่เป็นเพื่อนคุณยาย เผื่อว่าคุณยายจะใช้ให้แพงทำอะไร”
หากย่ารับรู้ได้ พริมาอยากบอกว่าหล่อนสบายดี เมื่อพ้นจากย่า หล่อนก็เจอผู้อุปถัมภ์ใจดีอย่างที่ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะมีใครเมตตาหล่อนได้เท่าสองแม่ลูกคู่นี้อีกแล้ว
วันเวลาผันผ่าน การเปลี่ยนแปลงก็เวียนมาอีกหน เวลาเย็นของวันหนึ่งหลังจากที่พริมากลับมาจากมหาวิทยาลัย หล่อนก็ได้ตระหนักถึงความจริงข้อนี้
“คุณหมอภัทรจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ” พิมพ์ใจพูดถึงศัลยแพทย์ฝีมือดีซึ่งเป็นสามีของคุณทับทิม แต่สิ่งที่ทำให้พริมานิ่งงันก็คือสิ่งที่ได้ยินต่อมา “คุณทับทิมจะพาคุณหนูวาตะกับคุณหนูมาวินติดตามคุณหมอไปด้วย”
“คุณหมอกับคุณทับทิมจะไปนานไหมคะ”
“สามปี”
นานแสนนาน...พริมารู้สึกใจหายขึ้นมาครามครัน
“คุณทับทิมจะทิ้งคุณยายไว้คนเดียวหรือคะ”
“เธอไม่ได้ทิ้งคุณยายหรอก เพราะคุณยายยังมีคุณนิคอยู่อีกทั้งคน”
“คุณนิค...”
“น้องชายของคุณทับทิมไง”
พิมพ์ใจบอก...พริมาจำชื่อของลูกชายคุณยายได้ แต่หล่อนไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนดูแลคุณยาย เพราะหล่อนมาอยู่ที่นี่ตั้งสามปีแล้ว แต่ยังไม่เห็นเขากลับมาเลยสักครั้ง
“คุณนิคอยู่เมืองไทยหรือคะ”
“อ้าว! อยู่สิ เขาอยู่ที่ราชบุรีนี่เอง คุณนิคไปๆ มาๆ เมืองไทยกับออสเตรเลีย เธอมีฟาร์มอยู่ที่ออสเตรเลียด้วย”
“มิน่าล่ะ แพงเห็นคุณยายไปเที่ยวออสเตรเลียหลายครั้ง งั้นก็หมายความว่าคุณยายไปหาคุณนิคใช่ไหมคะ”
“ก็มีส่วน แต่ความจริงคุณยายมีญาติอยู่ทางนั้นหลายคน คุณพ่อของคุณยายเป็นคนออสซี่ คุณยายไปเยี่ยมญาติๆ ที่ออสเตรเลียทุกปี”
พริมาพยักหน้ารับรู้ อันที่จริงหล่อนมองคุณยายและคุณทับทิมปราดเดียวก็รู้ว่าทั้งสองแม่ลูกมีเลือดของชาติตะวันตกผสมอยู่ด้วย แต่เป็นเพราะคำพูดและท่าทางของพวกเธอที่ดูเหมือนคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์จึงทำให้หล่อนหลงลืมอยู่บ่อยๆ
“ว่าแต่เราติดใจอะไรหรือเปล่า”
เพราะเห็นสีหน้าคาใจของพริมา พิมพ์ใจจึงถามขึ้นมา...คนถูกถามมองสบตาน้าสาวของเพื่อน แล้วตัดสินใจเอ่ยปากพูด
“ถ้าคุณทับทิมย้ายไปต่างประเทศแล้ว ค่าเทอมกับค่าจ้างทำงานของแพงยังอยู่ไหมคะ...แพงขอโทษที่ถามเรื่องนี้”
“น้าลืมบอกไป ความจริงตั้งใจมาคุยเรื่องนี้แท้ๆ เชียว เงินเดือนกับค่าเทอมของแพงยังอยู่ คุณทับทิมไม่ลอยแพเราหรอก แต่รายละเอียดอื่นๆ รอให้เจ้านายบอกอีกทีก็แล้วกัน น้าไม่อยากถามคุณๆ ตอนนี้ เขากำลังยุ่งเรื่องโยกย้ายกัน”
“ขอบคุณน้าพิมพ์มากค่ะ ความจริงแพงรับเงินเดือนมาสามปี อีกทั้งยังกินใช้อยู่ในบ้าน แพงแทบไม่ได้ใช้เงินเดือนเลยค่ะ เงินเก็บของแพงจึงพอมี แพงใช้เงินก้อนนี้ใช้จ่ายจนเรียนจบได้ เพียงแต่มันไม่ครอบคลุมค่าเทอมที่ยังเหลืออีกสองเทอม”
“เอาไว้ค่อยคุยก็แล้วกันนะ น้าตัดสินใจอะไรไม่ได้หรอก รอให้คุณทับทิมบอกดีกว่า แต่แพงสบายใจเถอะ ถ้าคุณทับทิมไม่อยู่เมืองไทย ยังไงคุณนิคก็ต้องดูแลบ้านหลังนี้แทน เพราะคุณยายยังอยู่ทั้งคน”
พิมพ์ใจออกไปจากห้องครัวแล้ว เหลือแต่พริมานั่งอยู่ตามลำพัง มือบางยังถือมีดคว้านเงาะนิ่งค้าง...ถ้อยคำท้ายของพิมพ์ใจทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นกระตุกขึ้นมาวูบหนึ่ง
สมุดบันทึกปกแข็งสีน้ำเงินที่มีรูปช่อดอกไม้ตรงมุมล่างขวาถูกเปิดออก พลันภาพถ่ายขนาดโปสการ์ดที่ถูกเก็บไว้นานก็ปรากฏสู่สายตา
“รูปถ่ายของคุณนิคยังอยู่กับเรา เราเก็บรูปของเขาไว้จนลืมไปเลย เอาไงล่ะทีนี้...เขาจะกลับมาเมื่อไร”
นับตั้งแต่วันที่หล่อนขนกระถางต้นไม้มงคลไปไว้ที่บ้านหลังนั้นตราบจนถึงวันนี้ นับไปก็เกือบสามปีแล้วสินะ ไม่น่าเชื่อว่าเวลาผ่านมานานถึงเพียงนี้
“เกือบสามปี แต่เราไม่เคยเห็นเขาเลย ไม่รู้ว่าเขาเคยกลับมาบ้านหรือเปล่า...แล้วเขาจะสังเกตไหมว่ากรอบรูปหายไปชิ้นหนึ่ง”
พริมาไม่ตั้งใจหยิบฉวยของในบ้านนั้น แต่วันนั้นหล่อนทำกรอบรูปตกลงมาแตก แล้วไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร หล่อนไม่กล้าบอกให้พิมพ์ใจรู้ เพราะกลัวจะถูกตำหนิที่ซอกแซกเรื่องของเจ้านาย
หญิงสาวจึงเก็บกรอบรูปที่แตกเสียหายกลับมาด้วย หล่อนตั้งใจหาซื้อกรอบรูปใหม่ไปวางแทนของเดิม แต่หาอยู่นานหลายเดือน หล่อนก็ไม่เจอกรอบรูปที่เหมือนกัน มีบางชิ้นที่คล้ายกัน แต่หล่อนตัดใจซื้อมาไม่ได้ เพราะกลัวเจ้าของกรอบรูปจะจับได้ว่ามันไม่ใช่ชิ้นเดิม
วันเวลาผ่านไปนาน พริมาก็ลืมเรื่องนี้เสียสนิท หล่อนเพิ่งนึกขึ้นมาได้ในวันนี้เอง...วันที่พิมพ์ใจพูดถึงคุณนิคให้ได้ยิน
“เขาแต่งงานหรือยังนะ”
พริมาพึมพำถามตัวเอง...จากรูปถ่ายครอบครัวที่หล่อนเห็นในคราวนั้น ซึ่งในรูปมีคุณยาย คุณทับทิม และตัวเขา หล่อนคะเนว่าวัยของเขาคงไล่ๆ กับคุณทับทิม อายุของเขาก็คงประมาณสามสิบกว่าปี ผู้ชายวัยขนาดนี้ถึงไม่มีภรรยาเป็นตัวเป็นตน แต่ก็คงไม่ครองความเป็นโสดอยู่ได้หรอก
พอแต่งงาน...เขาก็คงให้ความสำคัญกับครอบครัวของเขา จนละเลยแม่ตัวเอง
ความเชื่อนี้มาจากประสบการณ์ตรงของตัวเอง ในความคิดของพริมามีภาพอบอุ่นของครอบครัวพ่อซ้อนทับเข้ามา...ครอบครัวใหม่ของพ่อที่มีแม่เลี้ยงและลูกใหม่อีกสองคน
พริมาย้อนความทรงจำกลับไป พ่อแทบไม่ได้มาเยี่ยมย่า อย่างดีก็ปีละครั้งที่ย่าได้เจอหน้าลูกชายคนเดียว แต่ยังดีที่พ่อโทร.มาหาย่าสม่ำเสมอ ย่าได้ยินเสียงของพ่อทุกเดือน...กระทั่งย่าเสียชีวิตไป
“ถ้าคุณทับทิมไม่อยู่ เรานี่แหละจะดูแลคุณยายเอง ขืนปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณนิค คุณยายจะถูกลูกชายทอดทิ้งปะไร”
ร่างบางในชุดนักศึกษาลุกขึ้นจากเก้าอี้ตรงโต๊ะไม้ในห้องนอน แล้วเปิดประตูห้องเดินไปยังห้องครัว หน้าตาบูดบึ้งเพราะติดพันอยู่กับความรู้สึกที่ก่อเกิดในหัวใจ ทำให้คนในห้องครัวนึกสงสัยไปตามๆ กัน
“ไม่สบายหรือแพง” ช่อซึ่งสนิทสนมกับพริมาเพราะวัยไม่ต่างกันถามขึ้นอย่างไม่อาจปล่อยให้ผ่านไป
“แพงสบายดี มีอะไรหรือคะ ทำไมพี่ช่อถามอย่างนี้”
“พี่เห็นหน้าตาไม่ค่อยสบาย...หน้าหงิกเชียว”
“แพงหงุดหงิดนิดหน่อย”
“หงุดหงิดเพราะรุ่นพี่ตามมาถึงบ้านอีกเหรอ แพงพูดกับเขาดีๆ สิ บอกเขาว่าเราไม่สนใจ อ้างไปว่าผู้ใหญ่ที่บ้านไม่ชอบก็ได้ เขาคงฟังเรา”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ คือ...แพงคุยกับเขารู้เรื่องแล้ว”
พริมารีบแก้ความเข้าใจของช่อ เพราะในหัวของหล่อนไม่มีเรื่องของรุ่นพี่ที่เคยตามจีบสักกระผีกเดียว แต่เหมือนว่าคนฟังยังไม่ยอมจบเรื่อง
“คุยรู้เรื่องแล้ว? หมายความว่าแพงกับเขาคบกันแล้วหรือ”
“เปล่า ไม่ใช่ค่ะ” พริมาแทบสำลึกน้ำเย็นที่จิบไปอึกใหญ่ พลางโบกไม้โบกมือปฏิเสธให้ว่อน “เขาไม่ตามแพงแล้วค่ะ เพราะเขาเรียนจบและไปทำงานที่ต่างจังหวัดแล้ว แพงไม่เจอเขานานแล้วค่ะ”
“ความจริงรุ่นพี่คนนี้ก็หน้าตาดีนะ พี่แอบเห็นเขาแล้ว ท่าทางสุภาพดี แพงน่าจะคุยกับเขาไปก่อน แพงอายุขนาดนี้ มีแฟนก็ไม่ผิดหรอก”
“แพงอยากดูแลคุณยายให้ดี ยังไม่อยากคิดเรื่องอื่น แพงอยากตอบแทนคุณทับทิมกับคุณยายที่ให้แพงอยู่ในบ้านหลังนี้ แถมยังให้แพงเรียนหนังสือด้วย”
พริมาตอบจริงจัง แถมสีหน้าและแววตาก็ยืนยันคำพูดของตนอย่างชัดเจนด้วย ซึ่งนั่นก็เรียกความพอใจจากคู่สนทนาได้มากโข
“แพงเป็นเด็กกตัญญู พี่พิมพ์เคยเล่าว่าแพงดูแลย่าจนกระทั่งย่าเสีย ความกตัญญูของแพงทำให้คุณยายกับคุณทับทิมเอ็นดูยังไงล่ะ แพงคิดถูกแล้วแหละที่ตั้งใจดูแลคุณยายเป็นการตอบแทน คุณยายจะได้ชื่นใจว่าช่วยไม่ผิดคน ทำบุญกับคนไม่ผิดตัว”