กำลังใจอยู่ตรงนี้(1)
ตอนที่ 1
กำลังใจอยู่ตรงนี้
ข่าวบนหน้าจอโทรทัศน์ทำให้พีรวัศนั้นมีสีหน้าเคร่งเครียดมากกว่าเดิม ชายหนุ่มปิดแฟ้มเอกสารก่อนจะเลื่อนไปวางที่มุมโต๊ะ หลายวันมานี้ที่บริษัทมีปัญหาอย่างหนัก ความผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
บริษัทที่ปู่ของเขาสร้างมากับมือกำลังจะพังทลายลงเพราะความไม่รอบคอบของเขา ชายหนุ่มทั้งเครียดและกังวลจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ปัญหาที่เจอนั้นค่อนข้างหนักหนาสำหรับเขา พีรวัศไม่เคยต้องรับมือกับปัญหาใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ทำให้ทุกอย่างล่าช้าไปหมด
ลูกค้าหลายรายที่ได้รับสินค้าไม่ตรงตามสเปค กำลังยื่นเรื่องฟ้องร้องบริษัทขอเรียกค่าเสียหายหลายร้อยล้าน ทั้งบริษัทลูกที่ผลิตเครื่องสำอาง ยังถูกลูกค้าร้องเรียนเรื่องคุณภาพของครีมตัวใหม่ ที่เขานั้นสั่งผลิตกับโรงงานแห่งหนึ่ง แต่หลังจากที่เกิดเรื่องโรงงานแห่งนั้นก็ปิดตัวลง ส่วนเจ้าของก็หนีหายเข้ากลีบเมฆ ทิ้งให้บริษัทที่จัดจำหน่ายต้องรับผิดชอบเพียงฝ่ายเดียว
พีรวัศเครียดจนรู้สึกปวดหัว เขาถอดแว่นออกก่อนจะหลับตาลง
“ดื่มชาก่อนค่ะ”
เลขาสาวที่เห็นว่าเจ้านายของเธอนั้นเคร่งเครียดอย่างหนัก ก็พยายามที่จะหาวิธีช่วยให้ อีกฝ่ายผ่อนคลาย แต่ดูเหมือนว่าจะเปล่าประโยชน์ พีรวัศกินอะไรไม่ลงจนร่างกายเริ่มซูบผอม ใบหน้าหมองคล้ำ เหมือนคนที่ไม่นอนเต็มตามานาน
น้ำหนึ่งรู้สึกเห็นใจ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่มีความสามารถมากพอที่จะช่วยเหลือหรือให้คำปรึกษาแก่เขาได้ ในฐานะเลขาไม่ได้มีหน้าที่ออกความเห็น หน้าที่ของเธอคือฟังคำสั่งของเจ้านายเท่านั้น เธอเคยแต่เดินตามไม่เคยเดินนำ เมื่อเจอปัญหาเธอจึงไม่สามารถช่วยแก้ได้สิ่งเดียวที่ทำได้ ณ ตอนนี้คือคอยอยู่เคียงข้างให้กำลังใจและช่วยดูแลเขาเท่านั้น
ขณะที่หญิงสาวกำลังยืนมองเจ้านายหนุ่มอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา แต่พีรวัศนั้นเขาไม่มี กระจิตกระใจที่จะคุยกับใคร ชายหนุ่มปล่อยให้เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเเละเงียบสงบไปเอง
น้ำหนึ่งเมื่อเห็นเช่นนั้นก็คิดว่าบางทีอาจเป็นเรื่องสำคัญ เธอจึงได้ตัดสินใจรับสายเเทน
“คุณพีคะ คุณหญิงโทรมาค่ะ”
ขายหนุ่มยังคงไม่สนใจเขาเอาเเต่กุมขมับ จนเลขาสาวต้องรับหน้าแทน เธอแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากที่อีกฝ่ายวางสายไปแล้ว แม่ของท่านประธานหนุ่มไม่ค่อยชอบเธอเท่าไหร่นัก เนื่องจากกลัวว่าความสวยของเธอจะล่อลวงลูกชายท่าน
น้ำหนึ่งไม่เคยคิดแบบนั้น เธอไม่เคยคิดเกินเลยกับเจ้านายหนุ่มไม่เคยแม้แต่จะแสดงท่าทีสนใจอีกฝ่ายเป็นพิเศษ แม้ว่าลึกๆแล้วจะชื่นชอบในนิสัยหลายๆอย่างของเขาก็ตาม แต่เธอไม่เคยปล่อยให้หัวใจถลำลึกไปมากกว่านั้นเพราะรู้ตัวดีว่าตอนนี้เธออยู่ในหน้าที่อะไร
หลังวางสายของคุณหญิงพัชราไปได้ไม่นาน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เลขาสาวไม่มีทางเลือกจำใจต้องกดรับสาย แต่เมื่อรู้ว่าเป็นทนายความของทางฝั่งผู้เสียหายที่โทรมา เธอจึงเดินเลี่ยงไปคุยตรงมุมห้องเพราะไม่อยากให้ใครได้ยิน
น้ำหนึ่งเมื่อได้รับทราบข้อมูลทั้งหมดแล้วเธอจึงตัดสินใจกดปิดเครื่องเอาไว้ก่อน
ตอนนี้เวลาเที่ยงตรงแล้ว แต่เธอและเขายังไม่ได้กินข้าวกันตั้งเเต่เช้า น้ำหนึ่งมองเจ้านายหนุ่มที่นอนอยู่บนโซฟา เเขนเเกร่งยกก่ายหน้าผาก แววตาว่างเปล่าจ้องมองขึ้นไปบนเพดานสูงอย่าเหม่อลอย
หญิงสาวจึงตัดสินใจเดินลงมาข้างล่างก่อนจะซื้ออาหารกลับขึ้นไปด้านบน เธอจัดการนำข้าวมันไก่ใส่จานก่อนจะเทน้ำส้มใส่แก้ว และนำมาวางที่โต๊ะ
“เธอกินเถอะ ฉันกินไม่ลงหรอก”
น้ำหนึ่งนำจานข้าวตัวเองมาวางลงข้างจานข้าวของเจ้านาย ก่อนที่เธอนั้นจะนั่งลงตรงข้ามเขาปล่อยให้เวลาผ่านเลยไปเรื่อยๆ โดยที่เธอนั้นไม่แตะอาหารในจานแม้แต่นิดเดียว
พีรวัศเห็นว่าเลขาสาวคงจะไม่ยอมกินข้าวหากเขาไม่ทานด้วย จึงตัดสินใจตักข้าวเข้าปากหนึ่งคำ หญิงสาวเห็นเช่นนั้นก็ยกยิ้มขึ้นมา ก่อนที่เธอจะเริ่มลงมือกินอาหารพร้อมๆกับเจ้านายหนุ่ม