ความสูญเสีย
ตอนที่ 1
ความสูญเสีย
สายลมที่พัดผ่านอยู่ด้านนอก ท้องฟ้าที่วันนี้ดูหม่นหมองกับดวงตาเศร้าทอดมองไปยังโลงศพที่ประดับไปด้วยดอกไม้สวยงาม แต่ทว่าสิ่งสวยงามเหล่านั้นกลับไม่อาจจะช่วยเยียวยาจิตใจของเธอได้ พิมพิกายังยากที่จะทำใจกับการสูญเสียแม่ไปอย่างกระทันหัน มันเหมือนราวกับต้นไม้ใหญ่ในชีวิตของเธอล้มลงไร้เงาร่มกำบัง ไม่มีใครอีกแล้วที่จะอยู่ข้าง ๆ เธอ พิมพิการู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังลอยเคว้งอยู่ท่ามกลางทะเลกว้างใหญ่ เรือลำน้อยลอยตามกระแสลมแบบไร้ทิศทาง
“หนู”
เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยเรียกลูกสาวของผู้เสียชีวิต ทั้งอีกฝ่ายยังเป็นทายาทเพียงคนเดียวของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย
กิตติศักดิ์เป็นนักธุรกิจใหญ่ เป็นถึงเจ้าของโรงงานผลิตอะไหล่เครื่องใช้ไฟฟ้า แต่แม้จะเป็นถึงเศรษฐี แต่เขาก็ไม่คิดใช้อิทธิพลหรือเงินเพื่อลบล้างมลทินและความผิดของตัวเอง การตายของอีกฝ่ายคือความประมาทของเขา หากมีสติไม่หักหลบกระหันทัน คงไม่เกิดเรื่องสูญเสียขึ้น เขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่คร่าชีวิตเสาหลักครอบครัวอย่างผกาไป แต่ถึง อย่างนั้นเขาก็ยินดีเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย และเยียวยาครอบครัวของพิมพิกาด้วยเงินมากถึงเจ็ดหลัก
“สวัสดีค่ะ”
หญิงสาวยกมือไหว้อีกฝ่าย ในขณะที่ญาติพี่น้องจ้องจะเข้ามาทำร้ายเจ้าสัววัยกลางคน พิมพิกาเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพาเขาออกไปจากศาลา เสียงด่าทอหยาบคายดังแว่วตามหลัง กิตติศักดิ์ขยับแว่นตาเล็กน้อยก่อนถอนหายใจยาวด้วยความรู้สึกผิด
“คุณลุงมาที่นี่ทำไมคะ”
หญิงสาวเอ่ยถามพลางชำเลืองมองไปด้านหลังตลอดเวลา เธอกลัวว่าญาติพี่น้องจะเข้ามาทำร้ายอีกฝ่าย เธอจึงคอยสอดส่องระแวดระวังให้ แม้ว่าเจ้าสัวผู้นี้จะพรากชีวิตแม่เธอไป แต่ก็ใช่ว่าเธอจะต้องโกรธเกลียดเคียดแค้น เธอเข้าใจดีว่าเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เขาเองก็คงทุกข์ใจไม่น้อยและคงจะเป็นตราบาปติดตัวเขาไปตลอดชีวิต อีกทั้งทางเจ้าสัวก็เข้ามาดูแลเยียวยาและยินดีที่จะถูกดำเนินคดี แต่หญิงสาวไม่อยากขึ้นโรงขึ้นศาล เธอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้หนีหายตายจาก หรือบ่ายเบี่ยงไม่รับผิดชอบ จึงไม่อยากโกรธเคือง
“ขอบใจนะหนู แล้วก็ขอโทษ ขอโทษจากใจจริงๆ ฉันรู้ว่าคำขอโทษมันยังน้อยไป”
กิตติศักดิ์คิดว่าหากไม่เพราะวันนั้นเขาหักรถหลบมอเตอร์ไซค์ที่สวนเลนมาโดยขาดสติ ก็คงไม่มีผู้บริสุทธิ์ต้องมาสังเวยชีวิตแบบนี้ ความประมาทของคนมักง่าย ทำให้หลายคนต้องเดือดร้อนและสูญเสีย
“คุณลุงกลับไปก่อนดีกว่านะคะ”
พิมพิกาเอ่ยขอร้องเมื่อเห็นว่าญาติๆกำลังชะเง้อมองมาทางนี้
กิตติศักดิ์หยิบเช็คออกมาก่อนยัดใส่มือ หญิงสาวตรงหน้าและเอ่ยกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ฉันได้ยินว่าแม่หนูมีหนี้นอกระบบเยอะ เงินก้อนนี้เก็บไว้ใช้หนี้เขานะ”
พิมพิกาก้มมองเช็คมูลค่าหกหลักก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณ
หลังจากที่อีกฝ่ายชนแม่เธอเสียชีวิต เหล่าญาติพี่น้องที่ขายของอยู่ในระแวกเดียวกันก็ลากตัวชายวัยกลางคนลงจากรถและรุมทำร้ายจนเลือดตกยางออก
พิมพิกาที่อยู่ในเหตุการณ์รีบเข้าไปห้าม แม้เธอจะช็อกที่เห็นแม่ถูกชนต่อหน้าต่อตา แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้ดีว่าเจ้าสัวผู้นี้ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายแม่ของเธอ จึงได้เข้าไปช่วยเหลือเขาและพาตัวขึ้นรถพยาบาลไปพร้อมกับ ร่างแม่ที่หมดลมหายใจแล้ว
หลังจากวันนั้น เจ้าสัวกิตติศักดิ์ก็ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจ ทั้งยังเต็มใจที่จะเยียวยาทุกคนที่ต้องเดือดร้อนเพราะเขา ร้านค้าหลายร้านพังทลายลงเพราะแรงอัดมหาศาลของรถหรู ชายวัยกลางคนจึงไม่รีรอที่จะชดใช้ให้พวกเขาเป็นเงินมากกว่าหกหลัก
“ไปรับเงินมันทำไม!”
ผู้เป็นป้าเอ่ยถามเสียงแข็ง พิมพิกาแอบสอดเช็คเข้ากระเป๋ากางเกงก่อนจะปฏิเสธ เดิมทีเธอไม่ใช่คนชอบโกหก แต่ทว่าเงินก้อนนี้จำเป็นสำหรับเธอและพ่อมาก ฉะนั้นเธอจึงไม่อาจให้ผู้เป็นป้ารับรู้ได้ว่ามีสิ่งนี้อยู่ในมือ เพราะไม่อย่างนั้นกระดาษที่มีมูลค่าสูงคงจะกลายเป็นเศษผงภายในพริบตา