ข้อตกลง(3)
หญิงสาวนั่งอยู่ที่ล็อบบี้ก่อนจะหยิบไส้กรอกออกมาจากกระเป๋า ตั้งแต่เช้าเธอตะเวนสมัครงานก่อนจะเดินทางมาเยี่ยมผู้เป็นพ่อ ยังไม่มีอาหารตกถึงท้องเลยแม้แต่นิดเดียว พิมพิกาเงยหน้ามองไปยังชั้นบน รู้สึกว่าที่นี่โอ่โถงราวกับไม่ใช่โรงพยาบาล รอบด้านเต็มไปด้วยร้านอาหารแบรนด์ดัง หากไม่มีหมอกับพยาบาลเดินขวักไขว่ เธอคงคิดว่าเป็นห้างสรรพสินค้า
“จะมองอีกนานไหม”
เสียงใครบางคนดังขึ้นด้านข้าง พิมพิกาหันไปมองก่อนถอยห่างด้วยความตกใจ ไกรวีปรายตามองหญิงสาวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขาสวมแว่นตาดำและหน้ากากอนามัยสีเดียวกัน เขาปกปิดมิดชิดทำให้เธอนั้นไม่ทันสังเกตว่าชายที่นั่งอยู่ข้างๆคือว่าที่เจ้าบ่าวของเธอเอง
“คุณวี!”
“พ่อให้ฉันให้มารับเธอไปลองชุด”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบติดไม่พอใจเล็กน้อย เขานั่งรอเธอกินไส้กรอกจนหมดถุง ทั้งที่ท้องก็ร้องดังไม่แพ้กัน อยากรู้จริงๆว่าหากเขาแสดงตัวเร็วกว่านี้ พิมพิกาจะมีน้ำใจหยิบยื่นของอร่อยให้เขาบ้างหรือไม่
“คุณมารอนานแล้วเหรอคะ”
“ก็ตั้งแต่ตอนที่เธอยัดไส้กรอกเข้าปาก”
หญิงสาวหน้าแดงไม่ใช่เพราะเขินแต่รู้สึกอาย ด้วยความหิวโหยเธอจึงยัดอาหารใส่ปากจนแก้มตุ่ย หากรู้ว่าคนข้างๆคือไกรวีเธอคงจะกินให้เรียบร้อยกว่านี้
“เราจะไปที่ไหนกันเหรอคะ”
ชายหนุ่มถอดแว่นออกก่อนที่เขาจะส่งสายตาดุให้หญิงสาว
“ถามมาก! ตามมา!”
พิมพิกากลืนน้ำลายก่อนที่เธอจะหิ้วกระเป๋าและเดินตามชายหนุ่มไปที่รถ แต่เพราะไม่เคยขึ้นรถแบบนี้มาก่อน ทำให้เธอนั้นไม่รู้วิธีเปิด ได้แต่ยืนเก้ๆกังๆทำตัวไม่ถูก
“เธอนี่มันจริงๆเลย!”
ไกรวีกดเปิดจากด้านในก่อนที่ประตูจะยกสูงขึ้นไปด้านบน พิมพิกาก้าวลงไปนั่งอย่างเร่งรีบเพราะกลัวถูกชายหนุ่มดุเป็นครั้งที่สาม เธอไม่ทันสังเกตว่าเบาะนั้นปาดลงทำให้เสียการทรงตัวจนเกือบหงายหลัง
"ระวังหน่อยได้ไหมพิมพิกา”
ไกรวีเอ่ยก่อนจะปรายตามองหญิงสาว เขาเข้าใจดีว่าเธอไม่เคยสัมผัสสิ่งแปลกใหม่แบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ควรจะมีไหวพริบบ้าง ไม่ใช่ยืนนิ่งรอให้เขาบริการอย่างเดียว
“จริงๆฉันไปแท็กซี่เองก็ได้นะคะ”
ชายหนุ่มแค่นเสียงหัวเราะในลำคอก่อนเอ่ยขึ้น
“อยากเสียเงินหรือไงมาทางเดียวกันก็ไปด้วยกันไม่เห็นจะเป็นอะไร”
ไกรวีคิดว่าอย่างไรในวันหน้าเขากับเธอก็ต้องแต่งงานกัน ภายในหนึ่งปีนี้ก็คงต้องใช้ชีวิตร่วมกันอยู่แล้ว จะทำตัวห่างเหินไปทำไม ไกรวีไม่เข้าใจ เมื่อเห็นหญิงสาวไม่สนใจเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่างเขาก็ได้เอ่ยถามขึ้น
“แล้วเธอเรียนจบอะไรมา”
“ครุศาสตร์ค่ะ”
เธอใฝ่ฝันอยากเป็นครูมาตั้งแต่เด็ก และมุ่งมั่นที่จะเรียนต่อคณะครุศาสตร์มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่พ่อไม่ค่อยสนับสนุนเพราะอยากให้เธอเรียนบริหารมากกว่า โชคดีที่แม่เคารพการตัดสินใจทำให้พิมพิกาได้เรียนครูสมใจอยาก
ตอนแรกเธอตั้งใจจะไปสมัครงานเป็นครูอัตราจ้างและรอสอบบรรจุ แต่พอหลังจากที่แม่จากไป ความอยากเป็นครูของเธอก็ลดน้อยลง
พิมพิการู้สึกเคว้งคว้างไม่เป็นตัวของตัวเอง เธออยากลองหันเหไปทำงานอย่างอื่นพลางๆเพื่อค้นหาตัวเองอีกสักครั้ง
หลังลองชุดแต่งงานเสร็จสิ้น ชายหนุ่มก็เดินทางมาส่งเธอที่บ้านซึ่งตั้งอยู่ในชุมชนที่ค่อนข้างแออัด
พิมพิกาเดินเข้าไปในบ้านก่อนแอบมองไกรวีทางหน้าต่าง เห็นชายหนุ่มชะเง้อคอมองอยู่ก็นึกแปลกใจที่เขาไม่ยอมกลับไปเสียที
“ทำอะไรของเขา”
หญิงสาวเห็นว่าชายหนุ่มนั้นเดินไปเดินมา อาการดูแปลกๆจึงได้เดินออกไปถามไถ่
“คุณวีคะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
ชายหนุ่มมีท่าทางอึกอักก่อนที่เขาจะตรงเข้ามาหาหญิงสาวและกระซิบเธอเสียงเบา
“ฉันขอเข้าห้องน้ำหน่อยได้ไหม”
หญิงสาวพยักหน้าก่อนเดินนำเข้าไปในบ้าน ห้องน้ำเล็กๆมีประตูไม้ผุๆ ทั้งส้วมยังเป็นแบบนั่งยองทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าเขาไม่ได้รับความสะดวกสบาย ภายในนี้ร้อนอบอ้าวเพราะหลังคาเป็นสังกะสี เขาไม่เข้าใจว่าพิมพิกาทนอยู่ไปได้ยังไง ทั้งแคบ ทั้งร้อน มองไปทางไหนก็ไม่มีอะไรเจริญหูเจริญตาสักอย่าง
ชายหนุ่มเดินออกมาหลังจากทำธุระเสร็จสิ้น เขาเดินสำรวจรอบบ้านเธออย่างถือวิสาสะก่อนจะหันไปถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์
“ทำไมยังไม่เก็บของ”
“เอ่อ คือฉันตั้งใจว่าจะกลับมาอยู่ที่บ้านหลังแต่งงานค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบอย่างตรงไปตรงมา
“ได้ยังไง เธอเป็นเมียฉันก็ต้องอยู่บ้านฉัน”
คำว่าเมียทำให้ใบหน้าสวยร้อนผ่าว เธอหลุบตาลงก่อนที่จะเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำยื่นให้ชายหนุ่ม
“ไม่มีน้ำแร่เหรอ”
เขาไม่เคยดื่มน้ำธรรมดานอกจากน้ำแร่ พิมพิกาส่ายหน้าก่อนจะเก็บขวดน้ำเข้าตู้เย็นเหมือนเดิม ไกรวีถอนหายใจ เขาเดินออกมาข้างนอกโดยมีหญิงสาวตามออกมาส่ง
“เตรียมตัวให้ดี อีกหนึ่งอาทิตย์เธอกับฉันก็ต้องแต่งงานกันแล้ว”
“ค่ะ”
หญิงสาวรับคำ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินประโยคถัดไปจากชายหนุ่ม
“จำไว้ว่าเราแต่งงานกันในนามเท่านั้น เธอไม่มีสิทธิ์ในตัวฉัน”
พิมพิกาพยักหน้า สายตาทอดมองรถหรูที่เคลื่อนตัวออกไป หญิงสาวรู้สึกแย่ที่ไกรวีทำราวกับว่าเธอนั้นอยากแต่งงานกับเขาจนตัวสั่น ทั้งที่ความจริงแล้ว เธอทำทุกอย่างก็เพื่อพ่อเท่านั้น
หญิงสาวกลับเข้ามาในบ้านเริ่มลงมือเก็บข้าวของที่จำเป็นใส่กระเป๋า ก่อนที่เธอนั้นจะนำกรอบรูปของแม่ใส่ไปด้วย
“แม่ไม่ต้องห่วงหนูนะ ถ้าแม่มองลงมาจากฟ้าคงเห็นว่าหนูสบายดี”
จิตใจเธอเข้มแข็งขึ้นมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ชินชากับการไม่มีแม่อยู่เคียงข้างกาย หญิงสาวกอดกรอบรูปของผู้หญิงที่เธอรักสุดหัวใจก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
“หนูกำลังจะแต่งงานนะแม่ แม่อวยพรหนูด้วยนะ”
หญิงสาวสะอื้นก่อนจะสอดกรอบรูปใส่เข้าไปในกระเป๋าลากใบเล็ก ข้าวของเธอไม่ได้มีมากมายนัก มีเพียงเสื้อผ้าห้าหกชุดและของใช้เล็กน้อย รวมทั้งโน้ตบุ๊คเครื่องเก่าที่พ่อเคยซื้อให้เธอก็พกไปด้วย