บทที่ 1
“คำพูดของคนที่คุณเคยรักที่คุณยังจำฝังใจ เขาพูดว่าอะไรครับ”
คำถามจากผู้ดำเนินรายการของช่องยูทูบดัง ทำให้พนักงานออฟฟิศสาวที่เดินเกาะกลุ่มเข้ามาในสถานีรถไฟฟ้ามองหน้ากันเลิ่กลั่ก ทั้งที่เมื่อครู่พวกเธอต่างบอกว่าพร้อมจะร่วมรายการ
“คุณปฏิเสธที่จะไม่ให้คำตอบได้นะครับ”
“ขอตอบค่ะ”
“เอาละครับ เราได้หญิงแกร่งมาแล้ว ทั้งแกร่งทั้งสวย งั้นตอบเลยครับ”
“เขาพูดว่าเลิกกันเถอะ เราเลี้ยงเธอไม่ไหว เธอไปหางานเลี้ยงตัวเองได้แล้ว”
คำถามชวนเศร้า แต่บรรยากาศกลับไม่เศร้าอย่างที่คิด มือบางที่กำลังนวดขาให้หญิงชราจึงคลายความสั่นลง
“คอนเทนต์เดี๋ยวนี้มันน่าตกใจจริงๆ ฉันคิดว่ามันจะดรามาซะอีก แต่ดูสิ สาวๆ สนุกกันใหญ่ ฉันตามโลกไม่ทันจริงๆ”
คุณราศีพูดเสียงกลั้วหัวเราะ ดวงตาภายใต้แว่นเลนส์ใสยังทอดมองหน้าจอโทรทัศน์อย่างสนใจ หากสำหรับอีกคน เธออยากหนีไปจากตรงนี้แล้ว
“อ้าว! เหนื่อยแล้วหรือนิดหน่อย งั้นพอแค่นี้เถอะ”
คุณราศียันกายขึ้นมานั่ง ขณะที่คนเผลอหยุดมือจากการบีบนวดเพิ่งรู้สึกตัว เธอทำท่าจะปฏิเสธว่ายังไม่เหนื่อย แต่หญิงชราโบกมือห้ามเสียก่อน
“เจ้าลูกพีชหลับปุ๋ยเชียว นิดหน่อยพากลับบ้านเถอะ อ้อ! เอาปิ่นโตกลับไปด้วยนะ แม่บ้านล้างไว้ให้แล้ว ขอบใจที่เอาทอดมันกุ้งกับห่อหมกมาให้ ตั้งแต่เธอเลิกทำขาย ฉันก็กินเจ้าไหนไม่อร่อยเท่าของเธอ ขอบใจที่ทำมาให้ฉันกิน”
“หนูตั้งใจจะกลับมาทำทอดมันขายค่ะ”
“แล้วใครจะดูแลเจ้าลูกพีช หรือเธอจะเอามาฝากไว้ที่นี่ก็ได้นะ เด็กรับใช้พอจะช่วยดูตอนเธอไปขายของคราวละชั่วโมงสองชั่วโมงให้ได้”
“หนูจะทำทอดมันแบบผสมเสร็จพร้อมทอดขายเป็นถุงไปก่อนค่ะ หนูยังไม่ออกตลาดช่วงนี้ หนูคุยกับมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้เขาส่งของให้หนูแล้ว หนูจะทำอย่างนี้ไปก่อน พอลูกพีชเข้าโรงเรียน หนูก็ค่อยไปทอดขายที่ตลาดเหมือนเดิม”
“ดีๆ เธอหยุดไปนาน ลูกค้าคงหายไปบ้าง ค่อยๆ เรียกลูกค้ากลับมานะ แล้วงานทางนี้ล่ะ เธอยังมาบีบนวดให้ฉันอีกไหม”
“หนูยังทำเหมือนเดิมค่ะ”
“เธอเดือดร้อนเรื่องเงินหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ หนูพอมีเงินใช้จ่าย แต่หนูอยากเก็บเงินไว้ให้ลูกพีชเรียนหนังสือ พอแกเข้าโรงเรียน ค่าใช้จ่ายก็คงตามมาอีกมาก”
“งั้นก็ตามใจนะ ขอให้เธอค้าขายเจริญรุ่งเรือง”
คะนึงนิจก้มกราบรับคำอวยพร ก่อนเธอจะลุกไปช้อนร่างอวบกลมของลูกสาววัยขวบเศษที่นอนหลับกางแขนกางขาบนที่นอนปิกนิกที่ปูบนพื้นห้อง
คุณราศีมองตามสองแม่ลูกที่หอบหิ้วกันออกไปจากห้องพักผ่อนของนางด้วยความสงสาร ในอารมณ์นั้นเจือความเวทนาอยู่ด้วย
‘คุณท้องได้ยังไงนิดหน่อย ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าให้คุณดูแลตัวเองดีๆ อย่าสร้างปัญหาให้ผม’
‘นิดไม่ได้ตั้งใจค่ะ นิดไม่รู้เหมือนกันว่านิดท้องได้ยังไง นิด...เอ่อ กินยาคุมแล้ว’
‘คุณหาว่าผมไม่ป้องกันเองใช่ไหม’
‘ไม่ค่ะ ไม่ใช่’
ในเวลานั้นคะนึงนิจร้องไห้โฮด้วยความกดดัน การตั้งท้องสำหรับผู้หญิง แม้แต่คนที่มีสามีดูแลอย่างใกล้ชิดก็ยังมีความกลัว นับประสาอะไรกับเธอ ทั้งโดดเดี่ยวทั้งอ้างว้าง แถมยังถูกพ่อของลูกตะคอกใส่อีกด้วย
เหตุการณ์นั้นผ่านมาเกือบสองปีแล้ว แต่กลับเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เพราะเธอยังจำทุกคำพูดของเขาได้
‘ถ้าอยากอยู่กับผม คุณต้องไปเอาเด็กออก’
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจ ก่อนเขาจะหายไปจากชีวิตของเธอ เขาไม่ยอมติดต่อกลับมา เธอรอเขาอยู่ในคอนโดมิเนียมที่เขาเช่าไว้ให้ตามลำพัง
เธอรอเขาจนมีอายุครรภ์ได้สิบสองสัปดาห์ ท้องของเธอยังไม่โต คนรอบข้างยังไม่สังเกตเห็น แต่มันก็นานพอที่จะให้เธอยอมรับว่าสิ่งที่กลัวมาตลอดสองปีที่อยู่กับเขา มันได้เกิดขึ้นแล้ว…เขาตัดขาดเธอแล้วจริงๆ
เธอเป็นเพียงผู้หญิงที่เขาเลี้ยงไว้อย่างมีเงื่อนไข หน้าที่มีเพียงตอบสนองเซ็กซ์ให้เขาทุกครั้งยามที่เขาต้องการ แลกกับเงินห้าหมื่นบาทที่เขาโอนให้ทุกเดือน เพื่อเธอจะได้ส่งไปให้แม่ไถ่ถอนบ้านหลังจากที่พ่อเลี้ยงแอบนำไปจำนองไว้กับเจ้าหนี้เงินกู้ในอำเภอ
‘แม่ได้โฉนดบ้านคืนมาแล้วนะลูก นิดเป็นเด็กดี เป็นลูกกตัญญู แม่ขอให้ลูกก้าวหน้าในหน้าที่การงาน’
แม่อวยพรเธอเสียยกใหญ่ หากคะนึงนิจกลับไม่กล้าคุยกับแม่นานนัก เธอไม่อาจก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้อีกแล้ว เพราะเธอลาออกจากงานตั้งแต่ตัดสินใจเป็นผู้หญิงลับๆ ของเจ้าของบริษัทที่เธอทำงานอยู่
หากสิ่งที่แม่บอกก็ทำให้เธอตัดสินใจได้ง่ายขึ้น แม่ได้โฉนดบ้านคืนมาแล้ว นับจากนี้เธอก็ไม่จำเป็นต้องหาเงินมากมายส่งไปให้แม่ใช้หนี้อีก
คะนึงนิจเหลือตัวคนเดียวกับชีวิตน้อยๆ ที่อยู่ในท้อง และเงินติดตัวอีกก้อนที่เธอสะสมไว้ยามเขาหยิบยื่นให้ในแต่ละครั้งที่มาหา แม้จะเป็นเงินก้อนไม่ใหญ่ แต่มันทำให้เธอกับลูกได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกัน
หญิงสาวมองดวงหน้าเล็กจิ้มลิ้มของคนที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนฟูกนอนภายในบ้านคอนกรีตชั้นเดียว มือเรียวบางที่มีรอยหยาบกร้าน เพราะทำงานอยู่ทุกวัน แตะเบาๆ ตรงปลายคางของลูกสาว
“ดวงใจของแม่ หนูเป็นคนสำคัญของแม่นะลูก แม่รักหนูที่สุดเลย”’
ลูกพีชเป็นความสุขเดียวของเธอ ลูกเป็นความหวังที่ทำให้เธอดิ้นรนอยู่ต่อไปในวันที่โลกทั้งใบหันหลังให้เธอ
ลูกพีชนอนหลับนานทีเดียว คะนึงนิจเอี้ยวตัวมองลูกอยู่หลายครั้ง กระทั่งเห็นว่าเจ้าตัวน้อยตื่นแล้ว หากร่างเล็กสมบูรณ์ยังนอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนที่นอน บางทีก็ชูแขนชูขาป้อมๆ เด็กน้อยกำลังเล่นอยู่กับตัวเอง
หลายนาทีทีเดียวกว่าลูกพีชจะดันก้นโด่งขึ้นสูง แล้วใช้ท่อนแขนท่อนขาอวบๆ ดันตัวเองขึ้นมายืน เด็กน้อยยืนโหย่งไปโหย่งมาอยู่ 2-3 หนกว่าจะทรงกายได้มั่นคง
“ลูกพีชจ๋า...”
เสียงอ่อนโยนเรียกหา เด็กน้อยจำได้ หันไปมองแม่แล้วยิ้มหวานตาหยี ก่อนจะยกเท้าเล็กย่างเตาะแตะไปหาแม่ที่นั่งมองจากในครัว
คะนึงนิจรีบผละไปล้างมือล้างแขนตรงซิงก์ล้างจานให้สะอาดเพื่อมาอุ้มลูก