บทที่7 ตลบหลัง
วันต่อมา
@บ้านวิสุทธิ์ภัคดี
"ตาเเบงค์มานั่งคุยกับเเม่หน่อย"
เสียงของผู้เป็นเเม่ทำให้เเบงค์ที่กำลังจะเดินผ่านห้องโถงหยุดชะงัก หันไปเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย "แม่มีอะไรครับผมต้องรีบไปเคลียร์งานที่บริษัท เสร็จแล้วจะได้ไปเปิดคลินิกต่อ"
"วันนี้ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ลูกต้องไปธุระกับพ่อ และแม่" คุณหญิงผกาเอ่ยแกล้มออกคำสั่งจ้องมองบุตรชายด้วยแววตาดุไร้แววล้อเล่นทำเอาแบงค์แปลกใจไม่น้อยเพราะไม่ใช่บ่อยครั้งที่จะเห็นผู้เป็นแม่ในมุมแบบนี้ แสดงว่ามันต้องเป็นเรื่องสำคัญแน่ ๆ
เขาจึงต้องเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนโซฟาอีกตัวตรงข้ามพ่อแม่อย่างเลี่ยงไม่ได้
"แม่มีอะไรครับทำไมต้องทำหน้าซีเรียสขนาดนั้น" เปล่งเสียงถามไปด้วยความสงสัยกับท่าทางตึงเครียดของแม่กับพ่อที่มองมายังเขาราวกับว่าเขาไปทำอะไรผิดมาอย่างนั้น
"แกทำหนูส้มท้องยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ" วินิจประมุขของบ้านพูดโดยไม่อ้อมค้อม มองหน้าบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนด้วยแววตาคาดโทษ ขณะที่แบงค์นั่นถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจกับคำบอกกล่าวจากปากผู้เป็นพ่อ
คิ้วเข้มขมวดชนกันด้วยความสงสัย สมองเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามว่าท่านรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน ไหนจะกังวัลว่าบทสรุปของเรื่องนี้จะออกมายังไงในเมื่อพ่อแม่รู้เรื่องนี้แล้ว โดยที่เขายังไม่ทันได้ทำอะไรเลยเพิ่งผ่านไปเพียงชั่วข้ามคืนแท้ ๆ
"บอกแม่มาสิว่าลูกจะเอายังไงกับเรื่องนี้" ผกาเอ่ยเสริมด้วยน้ำเสียงแข็งครั้นเห็นปฏิกิริยาของบุตรชาย
"พ่อกับแม่รู้เรื่องนี้ได้ยังไงครับ" แบงค์ย้อนถามไปแทนที่จะตอบคำถามผู้เป็นแม่ ตอนนี้เขาอยากรู้มากกว่าว่าใครกันที่คาบเรื่องนี้มาบอกพ่อแม่ก่อนเขาแบบนี้
เขาถึงกับขบกรามกรอดในวินาทีต่อมาเมื่อฉุกคิดขึ้นได้ว่าเรื่องที่เขาเป็นพ่อของลูกในท้องส้มมีแค่เขากับเธอเท่านั้นที่รู้ หากเธอไม่บอกแล้วจะเป็นใครไปได้เพราะเขามั่นใจว่าเมื่อวานที่คุยกันในห้องไม่มีใครได้ยินแน่นอน
ใช่มันต้องใช่แน่ ๆ แต่เธอจะทำแบบนี้ไปทำไมกันทั้งที่เมื่อวานก็คุยกันเข้าใจแล้ว
"ไม่ต้องรู้หรอกว่าแม่รู้ได้ยังไง มันสำคัญที่ว่าลูกไปทำหนูส้มท้องได้ยังไง ไหนบอกว่าเป็นเพื่อนกัน รู้ไหมว่าทำแบบนี้หนูส้มกับครอบครัวเสียหายนะหากคนอื่นรู้เข้า ลูกต้องรับผิดชอบโดยการแต่งงานกับหนูส้ม พ่อกับแม่จะไปคุยเรื่องนี้ที่บ้านหนูส้ม และลูกต้องไปด้วยไปขอโทษพ่อแม่หนูส้มกับเรื่องที่เกิดขึ้น"
ผกาเองก็ไม่คิดจะตอบคำถามบุตรชายเช่นกันเลือกพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดไว้เพราะเธอกับสามีได้ปรึกษากันแล้วว่าการให้เด็กทั้งสองแต่งงานกันคือทางออกที่ดีที่สุด
และแน่นอนว่าเธอกับสามีพอใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ส้มมาเป็นลูกสะใภ้เพราะหมายมั่นปั้นมือมานานแล้วติดที่บุตรชายไม่ยอมทำตามคำแนะนำของเธอ ครั้นสบโอกาสเธอจะไม่คว้าได้ยังไงกันการ ได้เกี่ยวดองกับตระกูลของเด็กสาวถือเป็นเรื่องดีมาก ๆ
"ไม่นะครับแม่ผมไม่แต่ง ผมไม่ได้รักส้มจะแต่งได้ยังไงกัน อีกอย่างเราสองคนก็คุยกันเข้าใจแล้วว่าจะทำหน้าที่พ่อแม่เท่านั้น" แบงค์ปฏิเสธเสียงแข็งไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมแต่งงานกับเพื่อนสาวเด็ดขาด
"ลูกไม่ได้รักหนูส้มแล้วทำไมถึงทำเธอท้องได้ล่ะ ตอบพ่อมาสิ" เป็นวินิจย้อนถามบุตรชายอย่างเหลืออด
"ผมกับส้มเมาเลยพลาดมีอะไรกันครับ แค่ครั้งเดียวเอง" เสียงทุ้มตอบไปเหมือนกับว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติ และใช่เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติในสังคมสมัยนี้
เหตุการณ์แบบนี้มีให้เห็นบ่อย ๆ ซึ่งเขาก็เคยวันไนท์สแตนด์กับสาวคนอื่นมาแล้วหลายครั้งไม่เห็นว่าจะมีปัญหาเหมือนครั้งนี้เลย
"จะครั้งเดียวหรือกี่ครั้งแกก็ควรรับผิดชอบในการกระทำของตัวเอง ได้เขาแล้วก็ต้องรับผิดชอบ อย่าเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้ นึกถึงหน้าพ่อแม่หนูส้ม และก็ช่วยนึกถึงหน้าพ่อกับแม่ตัวเองด้วยหากคนอื่นรู้เขาจะว่าเอาได้"
"เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติของหนุ่มสาวครับ จะทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ทำไม หากผมมีอะไรกับใครแล้วต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงานตลอดป่านนี้ผมคงมีเมียไม่รู้กี่คนแล้วครับ"
"ลูกต้องรับผิดชอบโดยการแต่งงานกับหนูส้ม นี่เป็นคำสั่งจากแม่ อย่าให้คนอื่นมาว่าเอาได้ว่าลูกเป็นผู้ชายเห็นแก่ตัวไม่มีความรับผิดชอบ" ผกาเอ่ยเสริม
"ผมไม่แต่งครับ ผมจะรับผิดชอบแค่เรื่องลูกเท่านั้น"
"ถ้าแกไม่แต่งก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่ เพราะฉันไม่อยากมีลูกที่ไร้ความรับผิดชอบ และไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษแบบนี้"
"แม่.." เขาเอ่ยเรียกผู้เป็นแม่อย่างไม่อยากจะเชื่อว่าท่านยอมตัดแม่ตัดลูกกับเขาเพียงเพราะเรื่องนี้ พวกท่านไม่ยอมฟังคำพูด และความต้องการของเขาเลยสักนิด
แล้วแบบนี้เขาจะทำอะไรได้อีกนอกจากก้มหน้ายอมรับ ขณะที่ในใจพานนึกโกรธเพื่อนสาวที่ตลบหลังเขาเอาเรื่องนี้มาบอกกับพ่อแม่จนเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้
เห็นทีความสัมพันธ์อันดีระหว่างเขากับเธอคงต้องจบลงเพียงเท่านี้ จากนี้ไปมันจะไม่มีอีกแล้วเพื่อนสนิทที่ชื่อว่าส้ม