บทที่3 ท้อง?
@บ้านเอกวิโรจน์
ส้มขับรถเข้ามาจอดยังบ้านหลังใหญ่โตโออาไม่ใช่สิต้องเรียกว่าคฤหาสน์มากกว่า คฤหาสน์ที่เป็นเหมือนกรงขังสำหรับเธอ เป็นคฤหาสน์ที่หาความสุขไม่เจอ
เธอนั่งมองรอบ ๆ บริเวณบ้านผ่านกระจกรถพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถก้าวเท้าเดินเข้าไปข้างใน
เมื่อเดินเข้ามาถึงห้องโถงก็เห็นพ่อกับแม่ และพี่ชายนั่งอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาจึงยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม "สวัสดีค่ะพ่อ แม่ พี่เบส"
"นี่ถ้าพ่อไม่ให้แม่เขาโทรตาม ลูกก็คงไม่คิดจะกลับบ้านเลยใช่ไหม" อภิสิทธิ์ประมุขของบ้านมองบุตรสาวคนเล็กที่กำลังหย่อนก้นนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามด้วยแววตาดุแทนที่จะรับไหว้
ส้มไม่ได้ตอบอะไรกลับทั้งที่ในใจอยากตะโกนบอกท่านดัง ๆ ว่าสาเหตุที่เธอไม่อยากกลับบ้าน หรืออยู่ในบ้านหลังนี้เพราะความเข้มงวดของพวกท่านสองคนนั่นแหละ
ทว่ารู้แก่ใจดีว่าถ้าพูดไปท่านทั้งสองคงจะพานโกรธหาว่าเธอไม่เคารพพวกท่านอีกเพราะมันเคยเกิดเหตุการณ์แบบนั้นมาแล้วครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นมาเธอจึงเลือกสงบปากสงบคำดีกว่าปล่อยให้พวกท่านบ่นไป
"พ่อก็อย่าดุน้องเลยครับ" เบสชายหนุ่มตาหล่อเหลาวัยสามสิบปีออกหน้ารับแทนน้องสาวเพราะเข้าใจดี เขาเองก็ถูกคาดหวังจากพ่อแม่ไม่ต่างจากน้องสาวเลย
"ลูกก็เข้าข้างน้องตลอด" เป็นอัปสรที่เลื่อนสายตาเอ่ยกับบุตรชายด้วยน้ำเสียงตำหนิ ก่อนเลื่อนสายตามองหน้าบุตรสาวต่อ "ที่พ่อเขาพูดก็ถูก แม่ว่าลูกควรขายคอนโดแล้วกลับมาอยู่บ้านซะ"
"ส้มยอมทำตามที่คุณพ่อคุณแม่ต้องการมาตลอด แต่เรื่องนี้ส้มขอเถอะค่ะให้ส้มได้ใช้ชีวิตของตัวเองบ้าง" ทำพูดของผู้เป็นแม่ทำเอาส้มต้องหลับตาสูดลมหายใจเข้าปอดยาว ๆ พยายามระงับอารมณ์เอาไว้ แล้วปรือตาขึ้นบอกกล่าวอย่างใจเย็นที่สุด
ทุกวันนี้ถึงเธอจะอายุยี่สิบหกแล้วแต่ก็ยังต้องทำตามคำสั่งของพ่อแม่อยู่เลย พวกท่านบอกให้เธอเข้าไปช่วยงานที่บริษัทเธอก็ต้องทำทั้งที่ความฝันของเธอคือการเป็นดีไซน์เนอร์ต่างหาก
เพราะคำว่าบุญคุณที่พวกท่านพร่ำพูดกลอกหูเธออยู่ซ้ำ ๆ เพราะคำขู่ที่ว่าหากไม่ทำตามจะตัดออกจากกองมรดก และไม่ต้องมาเป็นเป็นพ่อแม่ลูกกันอีก
"แม่จะยอมให้ลูกอยู่คอนโดต่อก็ได้" คำตอบของผู้เป็นแม่ทำให้เธอยิ้มออกมาได้บ้าง แต่เพียงเสี้ยวนาทีเท่านั้นใบหน้าก็พลันบึ้งตึงอีกครั้งกับประโยคถัดมาของท่าน
"แต่มีข้อแม้ว่าลูกต้องไปดูตัวกับจิณณะลูกชายคุณหญิงพิมพรรณวันพรุ่งนี้"
"เมื่อไรแม่จะเลิกจับคู่ให้หนูสักทีคะ" เธอได้แต่ส่ายหน้าไปมามองผู้เป็นแม่ด้วยความผิดหวัง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ท่านบังคับให้เธอไปดูตัว แต่มันนับไม่ถ้วนแล้วต่างหากจนเธอเอือมระอาเต็มทนแล้ว
"ก็ต่อเมื่อลูกได้แต่งงานกับผู้ชายที่ดี และเหมาะสมกับลูกไง" อัปสรตอบกลับเสียงราบเรียบ ที่เธอทำไปทั้งหมดมีจุดประสงค์เดียวคือหวังดีต่อบุตรสาว อยากให้บุตรสาวได้เจอกับคนที่ดี
บุตรสาวเธอมีเพรียบพร้อมทุกอย่างทั้งฐานะ การศึกษา หน้าตา และชาติตระกูลผู้ชายที่จะเข้ามาเป็นลูกเขยเธอจึงต้องมีทุกอย่างเท่าเทียมกับบุตรสาว ต้องผ่านการค้ดกรองจากเธอจะคว้าใครมามั่ว ๆ ไม่ได้
"หนูหาเองได้ค่ะ แม่ไม่จำเป็นต้องมากังวลกับเรื่องนี้"
"แม่ต้องยุ่งสิเกิดลูกไปคว้าใครมามั่ว ๆ แม่จะทำยังไง ลูกเป็นลูกสาวคนเดียวของแม่ แม่อยากให้ลูกได้สิ่งที่ดีที่สุด"
"แม่หวังดีกับหนูจริง ๆ หรือแม่กลัวจะอับอายขายหน้ากันแน่คะถ้าสมมุติว่าหนูคว้าผู้ชายไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาให้แม่" ส้มเอ่ยอย่างรู้ทันเพราะพ่อแม่ของเธอให้ความสำคัญกับหน้าตาทางสังคมมากไม่อย่างนั้นคงไม่บังคับให้เธอกับพี่ชายอยู่ในกรอบที่พวกท่านต้องการตลอด
"แม่เขาบอกว่าหวังดี ก็คือหวังดีแกเป็นลูกก็ควรทำตามไม่ใช่มายอกย้อนแบบนี้" อภิสิทธิ์เอ่ยแทรกขึ้นอย่างไม่ชอบใจที่บุตรสาวแข็งข้อขึ้นมา
ส้มกับเบสจึงได้แค่ส่ายหน้าไปมาสุดท้ายทั้งสองก็มิอาจชนะท่านทั้งสองได้เพราะคำว่าพ่อแม่มันค้ำคออยู่
"พรุ่งนี้แม่นัดทานข้าวกับคุณหญิงพิมพรรณช่วงเย็น ๆ ที่ร้านอาหารเดอะลองค์ ลูกต้องมาอย่าทำให้แม่ขายหน้าเด็ดขาด" อัปสรยื่นคำขาด มองหน้าบุตรสาวอย่างกดดันบ่งบอกให้รู้ว่าบุตรสาวจะได้เห็นดีหากไม่มาตามคำสั่ง
"มะ.."
"อาหารเสร็จแล้วค่ะ คุณท่านกับคุณผู้หญิงจะทานเลยไหมคะ" ส้มทำท่าจะตอบกลับไปแต่เสียงแม่บ้านก็ดังแทรกขึ้นเสียก่อนเธอจึงจำใจต้องเงียบปากลง
"ทานเลยจ้ะ" อัปสรตอบแม่บ้านไปด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม ครั้นแม่บ้านหายหลังไปก็หันมาเอ่ยกับบุตรสาวต่อ "ตามนี้นะส้ม อย่าทำให้แม่ผิดหวัง" ว่าจบก็ลุกเดินไปยังห้องอาหารโดยมีประมุขของบ้านลุกเดินตามไปติด ๆ
"เฮ้อ.." ส้มได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายจนคนเป็นพี่ชายอย่างเบสต้องยื่นมือไปตบบ่าปลอบประโลม และให้กำลังใจในคราวเดียวกัน "อดทนนะพี่เชื่อว่าสักวันทุกอย่างจะดีขึ้น"
"ส้มก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้นค่ะ" เสียงหวานเอื้อนเอ่ยออกมาเบาหวิวพร้อมกับลมหายใจหนัก ๆ บอกเลยว่าเธอมีความหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นไม่ถึงครึ่งเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ
ว่าจบก็ลุกเดินตามพ่อกับแม่ไปยังห้องอาหาร เบสก็เช่นกัน
บนโต๊ะอาหารถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบบรรยากาศเป็นไปอย่างอึมครึมทั้งที่ความจริงการทานข้าวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาภายในครอบครัวมันควรมีความสุข และเต็มไปด้วยความอบอุ่น
ส้มกับเบสมีความรู้สึกไม่ต่างกันเลยนั่นก็คืออึดอัดจนแทบอยากจะหายไป ทว่าก็ทำไม่ได้
ทั้งสองได้แต่นั่งมองตากัน ก่อนที่ส้มจะต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากปิดจมูกเมื่อแม่บ้านนำอาหารมาวางบนโต๊ะ "อึก.."
"เป็นอะไรส้ม" อัปสรขมวดคิ้วถามบุตรสาวด้วยความสงสัย คนอื่น ๆ ก็ไม่ต่างกัน
"เหม็นอะไรก็ไม่รู้ค่ะแม่ มันเหม็นมากเลย" ส้มบอกกล่าวด้วยน้ำเสียงอู้อี้ มือปิดปากกับจมูกไว้แน่นเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหม็นอะไร รู้เพียงว่ามันเหม็นมากจนเธออยากจะอาเจียนออกมา
"เหม็นอะไรพี่ไม่เห็นว่าจะเหม็นอะไรเลย" เบสทำจมูกฟุดฟิดพยายามสูดดมหากลิ่นตามที่น้องสาวบอก แต่ก็ไม่เห็นว่าจะได้กลิ่นอะไรเลยจึงหันมองหน้าน้องสาวด้วยความแปลกใจ "พี่ไม่เห็นได้กลิ่นอะไรเลย มีแต่หอมกับข้าวที่แม่บ้านยกมา"
"มันเหม็นจริง ๆ นะพี่เบส" เธอยังคงยืนยันเสียงหนักแน่นพร้อมกับคลายมือออกจากปาก และจมูก พยายามสูดดมหาต้นตอของกลิ่นเพื่อยืนยัน ทว่าในวินาทีที่ก้มลงสูดดมหากลิ่นบริเวณถ้วยต้มข่าไก่เธอก็ต้องรีบยกมือขึ้นอุดปากเพราะรู้สึกพะอืดพะอมจนอยากจะอาเจียนออกมา
รีบผลุกผลันลุกวิ่งไปยังห้องน้ำสำหรับแขก โก้งคออาเจียนออกมาจนหน้าดำหน้าแดง
ทุกคนต่างพากันลุกขึ้นวิ่งตามไปดูด้วยความเป็นห่วง โดยเบสเป็นคนเข้าไปคอยลูบหลังให้น้องสาวพลางถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง "เป็นอะไรส้ม"
ส่วนประมุขของบ้านกับอัปสรยืนดูอยู่ที่ประตูห้องน้ำ สายตามองบุตรสาวที่กำลังโก้งคออาเจียนด้วยความเป็นห่วง
ทว่าในใจอัปสรนั้นกำลังนึกสงสัยอะไรบางอย่างอยู่กับอาการที่บุตรสาวเป็นอยู่
เธอสังเกตเห็นตั้งแต่บนโต๊ะอาหารแล้วว่าบุตรสาวมีอาการแปลก ๆ พอได้กลิ่นอาหารก็รู้สึกเหม็นทั้งที่มันออกจะหอม อาการคล้ายกับเธอตอนแพ้ท้องเมื่อก่อนไม่มีผิด แต่เธอยังไม่อยากคิดเองเออเองคงต้องหาทางพิสูจน์
"ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณหน่อยค่ะ" เธอกระซิบกับผู้เป็นสามีพร้อมกับลากแขนให้เดินตามออกมา ขณะที่เบสยังคงคอยยืนลูบหลังให้น้องสาวไม่ห่าง "ไหวไหมส้ม"
"อึก.." ส้มส่ายหน้าให้ผู้เป็นพี่ชายแทนคำตอบว่าไม่ไหว ตอนนี้เธอรู้สึกว่าเรี่ยวแรงหดหายไปหมดคงเป็นเพราะอาเจียนจนหมดไส้หมดพุง
ครั้นอาเจียนเสร็จก็ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นเย็นเฉียบอย่างอ่อนแรง เหงื่อเริ่มผุดพรายขึ้นตามใบหน้าจนชื่น จากผิวหน้าอมชมพูก็เปลี่ยนเป็นซีดเซียวไร้สีเลือดทำเอาเบสตกใจไม่น้อย
"พี่ว่าส้มขึ้นไปนอนพักที่ห้องดีกว่า จะได้เรียกหมอมาว่าตรวจดูด้วยว่าเป็นอะไร" รีบโน้มไปช้อนตัวน้องสาวขึ้นอุ้มพาเดินออกจากห้องน้ำ ซึ่งเจอกับพ่อแม่ที่เดินมาพอดีจึงรีบบอกกล่าว "ผมว่าน้องเหมือนจะเป็นลมเลยครับ ผมจะพาน้องขึ้นไปพักบนห้องแล้วโทรตามหมอว่าตรวจดู"
"โอเค รีบพาน้องขึ้นไปพักเถอะ เดี๋ยวแม่โทรตามหมอเอง" อัปสรพยักหน้ารับ แล้วหันมองหน้าสามีเพราะหลังจากได้ปรึกษาถึงอาการที่น่าสงสัยของบุตรสาวแล้วทั้งสองก็คิดว่าจะโทรตามหมอประจำตระกูลให้มาตรวจดูเช่นกันจึงเข้าทางพอดี
จะได้รู้ว่าสิ่งที่กำลังสงสัยเป็นจริงไหม หรือเธอกังวลไปเอง