ตอนที่ 4
พนิตนันท์วางถ้วยโกโก้แล้วหันหลังเดินกลับเข้าห้องนอน ท่าทางตื่นๆ ของหญิงสาวทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเจ้าหล่อนเองก็ประหม่าไม่น้อยกับเรื่องที่เกิดขึ้น
เมื่อเจ้าหล่อนเดินกลับมาพร้อมเสื้อผ้าที่จะซัก ฤทธิเดินนำไปที่ห้องซักรีดซึ่งเป็นห้องเล็กๆ ด้านหลังครัว ในห้องมีเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าและเครื่องอบผ้าอยู่พร้อมสรรพ ทั้งยังมีระเบียงขนาดไม่ใหญ่มากไว้สำหรับตากผ้า
เขาหยุดหน้าเครื่องซักผ้า รอจนหญิงสาวเดินมายืนใกล้ๆ จึงสอนวิธีใช้งานทั้งเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้า
“จำได้ไหม?” เขาถามหลังจากสอนเสร็จ
“ค่ะ คิดว่า...จำได้ค่ะ” น้ำเสียงคนตอบมีแววลังเล
“แสดงว่าจำไม่ได้” เขาแปลความหมายคำพูดอีกฝ่าย ตามความเข้าใจของตนเอง สาวน้อยยิ้มแหยพลางพยักหน้าน้อยๆ
“ก็...งงนิดหน่อยค่ะ”
“ไม่เป็นไร ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามแล้วกัน”
ตอนแรกฤทธิคิดว่าจะทิ้งสาวน้อยไว้ที่นี่เพียงลำพัง ส่วนเขาก็จะขอตัวไปทำงาน เพราะประตูระบบอัตโนมัตินั้นจะล็อกทันทีที่ประตูปิด เขาจึงไม่ต้องกังวลเรื่องกุญแจ ทั้งคอนโดมิเนียมก็อยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยของเจ้าหล่อน
แต่เห็นทีเขาคงต้องอยู่ต่ออีกหน่อย อย่างน้อยก็รอจนซักผ้าเสร็จและเอาเข้าเครื่องอบนั่นแหละ
ฤทธิยื่นมือไปจะหยิบเสื้อผ้าจากมือสาวน้อย ทว่าเจ้าหล่อนกลับหดมือหนี
“หนูใส่เองดีกว่าค่ะ เดี๋ยวคุณช่วยดูทีนะคะว่าถูกไหม?”
“เอาสิ”
พนิตนันท์เปิดฝาเครื่องซักผ้าตามที่อีกฝ่ายสอน เอาชุดนักศึกษาใส่ จากนั้นก็ทำตามขั้นตอนที่จำได้ คนสอนยืนมองเงียบๆ ก่อนจะชมเมื่อสาวน้อยทำสำเร็จ
“เก่งนะเรา ไหนบอกจำไม่ได้”
สาวน้อยหันมายิ้มเมื่อได้รับคำชม ดวงหน้านวลผ่องแจ่มกระจ่างราวพระจันทร์ในคืนเพ็ญ รอยยิ้มของหล่อนทำให้คนมองยิ้มตามไม่รู้ตัว
แล้วจู่ๆ สาวน้อยก็ยกมือไหว้เขาด้วยท่าทางนอบน้อมน่ารัก เจ้าหล่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเต็มตื้น ฤทธิเห็นรอยไหวในดวงตาคู่งามคู่นั้น...หล่อนร้องไห้อีกแล้ว
“ขอบคุณค่ะ เวลาที่หนูลำบากทีไร...คุณเข้ามาช่วยไว้ทุกที”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ฉันช่วยได้ก็จะช่วย แล้ว...” ฤทธิเว้นจังหวะคล้ายลังเลที่จะเอ่ยประโยคถัดไป แต่สุดท้ายก็โพล่งออกมา “เมื่อกี้ตอนเดินตากฝน เธอร้องไห้ทำไม มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้บ้างไหม?”
รอยยิ้มกระจ่างหุบฉับทันที เจ้าตัวนิ่งงันไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
“หนูทะเลาะกับแม่มาค่ะ”
ฤทธิเดินนำกลับไปที่ห้องรับแขก เขาทรุดลงนั่งบนโซฟาเช่นเดิม
“นั่งสิ” เขาบอก “ถ้าอยากเล่า...ฉันก็พร้อมรับฟังนะ”
“ขอบคุณค่ะ” เด็กสาวลงนั่งพับเพียบบนพื้น
“นั่งข้างบนนี่แหละ” เขาดึงแขนสาวน้อยให้ลุกขึ้น ทว่าอีกฝ่ายกลับสะดุ้งตกใจจนฤทธิต้องปล่อยมือจากแขนอีกฝ่าย
“ฉันขอโทษ ฉันแค่จะดึงให้ขึ้นมานั่งบนเก้าอี้นี่ ไม่ได้จะทำให้ตกใจ”
“ขอโทษค่ะ...หนูไม่ได้ตั้งใจ” เจ้าหล่อนเอ่ยเสียงเบาพลางหลุบสายตามองมือตนเองนิ่ง
นั่นจึงเปิดโอกาสให้ฤทธิพินิจสาวน้อยตรงหน้าอย่างเต็มตา จากเด็กน้อยตัวเล็กผอมบาง เติบโตเป็นสาวสะพรั่งถึงจะไม่ใช่คนสวยจัดชนิดที่เห็นแล้วสะดุดตา แต่เจ้าหล่อนก็มีหน้าตาน่ารักชวนมอง ลักษณะท่าทางเรียบร้อยผิดกับเด็กสาวสมัยนี้ที่เคยพบเจอ
“แล้วว่ายังไง...เธอร้องไห้มีอะไรหรือเปล่า ใครรังแกอีกงั้นหรือ?” หล่อนเงยหน้าขึ้นสบตา ส่ายหน้าดิก
“เปล่าค่ะ ไม่มีใครแกล้ง หนูแค่ทะเลาะกับแม่”
“ทะเลาะกับแม่?” ฤทธินึกไม่ออกว่าแม่กับลูกสาวจะทะเลาะกันเรื่องอะไรได้บ้าง แล้วเรื่องอะไรที่จะทำให้ลูกถึงกับเดินตากฝนร้องไห้
“ค่ะ” สาวน้อยกล้ำกลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างยากลำบาก “แม่จะให้หนูลาออกจากมหาลัย”
“ลาออก?”
“ค่ะ” เจ้าหล่อนพยักหน้า น้ำตาไหลอาบแก้มจนเจ้าตัวต้องยกมือขึ้นปาดป้ายมันทิ้ง “แม่จะให้หนูออกมาทำงานใช้หนี้ที่บ้าน”
“เขาไม่มีเงินส่งเสียหรือว่าไง ถึงจะให้ออกมาทำงาน”
“แม่ไม่ต้องจ่ายค่าเทอมให้หนูหรอกค่ะ เพราะหนูได้ทุนของมหาลัย หนูขอแม่แค่เงินค่าขนมรายวันเท่านั้นเอง แต่แม่ก็ยังจะให้หนูลาออก แม่บอกจะเก็บเงินไว้ส่งน้องชายหนูเรียน”
“แล้วเธอคิดยังไง?” ฤทธิลองหยั่งเชิงสาวน้อย เขาอยากรู้ว่าทิศทางของหล่อนเป็นอย่างไร
“หนูจะหางานพิเศษทำเอาไว้เป็นเงินค่าขนมและค่าใช้จ่ายส่วนตัวค่ะ หนูอยากเรียนให้จบปริญญา จะได้มีโอกาสหางานดีๆ ทำ”
ชายหนุ่มยิ้มอย่างพึงพอใจ เขาพยักหน้าเมื่อเอ่ยชม
“ดี ฉันดีใจที่ได้ยินแบบนั้น เรื่องงานพิเศษเดี๋ยวฉันจะช่วยหาให้แล้วกัน เอานี่ไป” ฤทธิยื่นนามบัตรไปให้หญิงสาว “สักพรุ่งนี้เย็น โทรมาหาฉัน”
ภรรยาของเขาเปรยว่าอยากจะหาผู้ช่วยสักคนมาอยู่เป็นเพื่อน และช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ บางที...เขาจะลองเสนอให้พิจารณาเด็กสาวคนนี้ดูสักหน่อย
พนิตนันท์นับนามบัตรไปถือไว้ น้ำตาคลอคลองอีกครั้งเมื่อตื้นตันใจที่อีกฝ่ายสนใจและรับปากจะช่วยเหลือ
“ขอบคุณมากๆ นะคะ คุณใจดีกับหนูจริงๆ”
ไม่เพียงพูด สาวน้อยขยับลงมานั่งกับพื้น กระพุ่มมือกลางหน้าอกและก้มลงจะกราบ
ฤทธิตกใจไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะทำเช่นนั้น เขายื่นมือออกไปจึงกลายเป็นว่าสองมือของสาวน้อยกราบลงกลางฝ่ามือใหญ่ของเขาที่รวบมือหล่อนไว้ได้พอดี
ดวงตาของสาวน้อยเบิกโพลงด้วยความตกใจ พยายามจะชักมือกลับทว่าอุ้งมือแข็งแรงกลับกุมมือหล่อนไว้แน่น ฤทธิรู้ว่าเขาไม่ควรทำเช่นนั้น เขาพยายามจะสั่งตนเองให้ปล่อยมือคู่นั้นไปเสีย
ทว่าเมื่อสบตากลมโตที่มีแววตกใจคู่นั้นแล้ว เขากลับกระชับมือแน่นขึ้นไปอีก
“มือเธอเย็น” เขาได้ยินเสียงตัวเองพูดออกไป “เดี๋ยวฉันจะไปหาเสื้ออุ่นๆ มาให้”
