9
ชั่วโมงต่อมา...
หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จ สองหนุ่มก็ไปนั่งคุยงานกันรอมื้อกลางวันที่แม่ครัวคนสวยเมตตาห่อให้
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” จีอาน่าส่งปิ่นโตเครือใหญ่ไปให้
“ขอบคุณครับคุณจีอา” สมชายรับมาถือด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ถ้าคุณดูบัญชีพวกนี้แล้วเกิดอาการเคลื่อนไส้ จนอยากจะอ้วกแล้วล่ะก็ ให้หยุดพักก่อนนะจีอา” จอมพลบอกสาวเจ้าอย่างเป็นห่วง
“เอ่อ...ค่ะ” จีอาน่ารับคำอย่างมึนงง ไม่เข้าใจในความหมายของอีกฝ่ายสักเท่าไหร่
“แหม...ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” สมชายมองค้อนผู้เป็นนายที่พูดจาเกินจริงอย่างขุ่นเคือง
“ไม่ขนาดนั้นได้ยังไง ขนาดแกเป็นคนเขียน ยังแปลตัวหนังสือกับตัวเลขของตัวเองไม่ออกเลย” จอมพลสวนกลับด้วยสีหน้าตึงๆ
“ก็ผมเรียนจบแค่ ม.3 นี่ครับ” คนการศึกษาน้อยบอกด้วยสายตาตัดพ้อ
“มันไม่ได้เกี่ยวกับการศึกษาโอเค้? มันเกี่ยวกับลายมือของแกต่างหาก” จอมพลกลอกตาเมื่อเห็นลูกน้องคนสนิทดราม่า
“งั้นผมลางานสามปีได้ไหมครับ”
“จะไปไหน?”
“ผมจะไปสมัครเรียนต่อ ม.4-5-6 จะลงเรียนแค่ภาษาไทยวิชาเดียวเลยครับ” สมชายเอ่ยประชด
“คิกๆๆ” จีอาน่าหัวเราะกับการสนทนาของสองหนุ่มอย่างขำๆ
“ไม่ต้องไปเรียนหรอกสม แกเหมาะกับการใช้แรงงานที่สุดแล้ว ไปรอที่รถเลย” จอมพลบอกอย่างรู้สึกรำคาญ
“เยสเซอร์!” สมชายตะเบ๊ะ พร้อมกับกระแทกส้นเท้าลงพื้น แล้วหมุนตัวไปทางซ้าย จากนั้นก็เดินตัวปลิวตรงไปยังรถกระบะคันใหญ่ที่จอดอยู่หน้าบ้าน
“คิกๆๆ” จีอาน่ามองตามก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“ถ้าคุณไม่เข้าใจตรงไหน ตอนเย็นผมจะมาช่วยแปลรหัสลับให้ครับ” จอมพลหันมาบอกสาวเจ้าด้วยสายตากรุ่มกริ่ม
“ค่ะ” จีอาน่าพยักหน้ารับเบาๆ
“นี่มือถือเอาไว้ใช้ติดต่อผม หรือคุณอยากจะโทรหาใครก็ได้ อ้อ! ส่วนโน้ตบุ๊กน่ะ มันเชื่อมต่อ Wifi เอาไว้แล้ว คุณดูหนังฟังเพลงแก้เหงารอผมไปพลางๆ ก่อนนะ”
“นายครับ รีบๆ สิครับ อีกเดี๋ยวก็จะได้กินข้าวเที่ยงอีกรอบแล้ว” สมชายเอ่ยเร่ง หลังมองเข็มนาฬิกาในมือถือ ซึ่งบ่งบอกเวลา 10:02 น.
“เฮ้อ...ผมไปก่อนนะ” จอมพลกลอกตา ก่อนจะเอ่ยขอตัว
“เจอกันตอนเย็นค่ะ” จีอาน่าส่งยิ้มตอบ และเตรียมจะเดินกลับเข้าไปด้านในบ้าน แต่ก็ถูกอีกฝ่ายรั้งแขนเอาไว้
จุ๊บ! จุ๊บ!
“บายครับ” จอมพลหอมแก้มนวลเสร็จก็รีบเดินตรงดิ่งไปยังรถกระบะคันใหญ่ที่ลูกน้องคนสนิทติดเครื่องยนต์รออย่างรวดเร็ว
“คนบ้า!” จีอาน่ามองค้อนก่อนจะรีบเดินหนีเข้าไปข้างในบ้านอย่างรู้สึกเขินๆ กับการกระทำที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ
ทันทีที่เจ้านายเข้ามานั่งในรถ สมชายก็หันไปร้องเพลงแซวอย่างอดไม่ได้ “แอบมองอยู่นะจ๊ะ นายไม่รู้บ้างเลย แอบหอมกันแบบนี้ แสดงว่าเมื่อคืนต้องมีอะไรแน่ๆ เลย”
“มีอะไรวะ รีบๆ ขับรถไปสิ” คนถูกล้อแสร้งตีหน้าขรึมกลบเกลื่อนอาการ อินเลิฟ
“ครับๆ” สมชายหัวเราะก่อนจะขับรถออกไปตามทางด้วยสีหน้าขบขัน เพราะตั้งแต่ร่วมงานกับผู้เป็นนายมาหลายปี เพิ่งจะเคยเห็นอีกฝ่ายมีโมเมนต์หวานๆ ก็วันนี้
จีอาน่าเดินไปเปิดเพลงที่โน้ตบุ๊ก ก่อนจะเดินขึ้นที่ห้องนอนแล้วเอาเสื้อผ้าที่ซื้อมาใหม่เมื่อวาน ลงมาใส่เครื่องซักผ้าที่ด้านล่าง จากนั้นก็เดินไปจัดเครื่องปรุงในครัวเข้าชั้นต่างๆ พอเสร็จแล้วก็กลับมาเปิดดูสมุดบัญชีที่ต้องพิมพ์ลงในโน้ตบุ๊ก แต่พอเห็นลายมือบนหน้ากระดาษเท่านั้น เธอก็ถึงกับเวียนหัวขึ้นมาทันทีทันใด รีบเดินไปหายาดมในกล่องยามาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกวาดตามองตัวเลขกับตัวอักขระที่บิดงอไปมา คล้ายกับภาษาขอมอย่างช้าๆ เธอจ้องมองหน้ากระดาษแผ่นนั้นอยู่นาน คล้ายกับคนที่มองภาพศิลปะ ซึ่งต้องใช้จินตนาการทับซ้อนจินตนาการหลายสิบชั้น เพื่อจะเข้าถึงแก่นแท้ของคำว่า...ซึ่งน่าจะหมายถึง ส้มสายน้ำผึ้ง
เวลา 12 : 40 น. โรงอาหาร
“คุณจอมเจ้า วันนี้กินหยังดีเจ้า” แก้วตา หญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกับสมชาย ที่พอเรียนจบมัธยมปลายก็มาช่วยมารดาทำอาหารขายให้กับคนงานในไร่ แห่งนี้ เอ่ยถามเจ้าของไร่สุดหล่อเหมือนเช่นทุกๆ วัน
“เอ่อ...วันนี้ห่อข้าวมาเองครับ” จอมพลหันไปตอบ ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะด้านใน
“เอาน้ำเสาวรสสองแก้ว” สมชายเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหนึ่งเสี่ยใหญ่ที่สั่งเครื่องดื่มกับเด็กเสิร์ฟ
“รอกำ!” แก้วตามองค้อนก่อนจะเดินไปตักน้ำเสาวรสที่เย็นเฉียบใส่ลง ในแก้ว
“ขะใจ้โวยๆ” สมชายเอ่ยเร่งเสียงดังอย่างต้องการจะแกล้งเพื่อนสาวที่ครั้งหนึ่งเคยดูถูกตนว่าเป็นพวกการศึกษาน้อย ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เรียนจบแค่มัธยมปลายเท่านั้น
“แล้ววันนี้บ่ากินข้าวกะ” แก้วตาถามอย่างด้วยสีหน้าตึงๆ พร้อมกับส่งแก้วน้ำเสาวรสไปให้
“บ่! เลิกกินแล้ว เลี่ยน!” สมชายบอกก่อนจะสะบัดหน้าเดินหนีไปนั่งร่วมโต๊ะกับผู้เป็นนาย
“บ่าพายสม!” แก้วตากัดฟันต่อว่าอย่างเจ็บใจ ที่เห็นอีกฝ่ายเชิดใส่ตน ‘หน้าตากะปานวอกยังจะมายะนิสัยจะอี้แฮ๋ม บ่าห่านิ’
“สวัสดีครับคุณจอม” ชัยนาทถือจานข้าวเข้ามานั่งกับผู้เป็นนายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“อ้าว! มากินข้าวด้วยกันครับพี่ชัย” จอมพลเอ่ยชวนพร้อมกับแกะปินโตเครือใหญ่ที่สาวเจ้าห่อมาให้อย่างรู้สึกเขินๆ
“โห...ไปซื้อมาจากร้านไหนครับเนี่ย” ชัยนาทมองพะแนงไก่กับไข่ดาวอย่างรู้สึกอึ้งๆ ร้อยวันพันปี ไม่เคยเห็นผู้เป็นนายจะหิ้วปิ่นโตมาโรงอาหารเลยสักครั้ง
“เอ่อ...ร้านในเมืองน่ะครับ” จอมพลบอกพร้อมกับหันไปขยิบตาส่งซิกให้สมชายที่เข้ามานั่งร่วมวง จากนั้นก็ตักพะแนงไก่กับไข่ดาวให้หัวหน้าคนงานที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ริเริ่มโครงการทำสวนใหม่ๆ
“ขอบคุณครับ” ชัยนาทฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจที่ผู้เป็นนายแบ่งอาหารให้ชิม
“เจ้านี้อร่อยสุดๆ ครับพี่ชัย” สมชายไหลตามน้ำ
“อื้ม! อร่อยจริงๆ ครับ” ชัยนาทยกนิ้วให้หลังจากที่ชิมเสร็จ
“น้ำส้มเจ้าอ้ายชัย” แก้วตายกน้ำส้มมาวาง พลางจ้องมองอาหารที่เจ้าของไร่ห่อมาอย่างรู้สึกช็อก! ราวกับกำลังถูกใครสักคนลากไปตบประจานที่กลางสี่แยกไฟแดง เพราะเมนูที่อยู่ในปิ่นโตนั้นหน้าตาน่าทานกว่าอาหารที่เธอทำเป็นไหนๆ
“ขอบคุณครับ” ชัยนาทหันไปส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้กับแม้ค้าที่ตนฝากท้องเป็นประจำอย่างทำตัวไม่ถูก กระทั้งอีกฝ่ายเดินกลับไป
“ที่สวนองุ่นเป็นไงบ้างครับพี่ชัย” จอมพลถามก่อนจะลงมือทานข้าวอย่างรู้สึกหิว
“อีกสามวันก็เก็บได้แล้วครับ นายปริ้นออเดอร์ออกมาให้ผมได้เลย เดี๋ยวผมจะให้เด็กเอาไปขึ้นบนกระดานรอ” ชัยนาทรีบบอก
“ได้ครับ พรุ่งนี้เช้าผมจะให้สมเอาไปให้ ว่าแต่...มีองุ่นที่สุกได้ที่สัก 4-5 พวงไหมครับ” จอมพลถามยิ้มๆ
“มีครับมี เดี๋ยวผมให้คนงานเอามาให้ หรือว่านายจะไปแวะดูที่สวนองุ่นเองครับ” ชัยนาทเลิกคิ้วถาม
“พอดีนายมีงานน่ะพี่ชัย เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วผมตามพี่ไปเอาให้นายดีกว่า” สมชายชิงตอบ
“แหม...ขอบใจนะสม” จอมพลบอกอย่างซาบซึ้งใจ คิดว่าหลังทานข้าวเสร็จ ตนจะขับรถตรวจงานคร่าวๆ จากนั้นก็จะตรงกลับบ้านไปหาจีอาน่า
“เปลี่ยนเป็นมื้อเย็นสักมื้อก็พอครับ” คนที่มีเงินเหลือติดกระเป๋าไม่ถึงร้อยยี่สิบบาทบอกยิ้มๆ
“เย็นนี้กูจะต้มมาม่ากิน มึงจะเอารสอะไร เดี๋ยวจะต้มรอ” จอมพลบอกอย่างรู้สึกหมั่นไส้
“ฮ่าๆๆ” ชัยนาทหัวเราะขึ้นอย่างขบขันเมื่อเห็นสมชายมองค้อนผู้เป็นนาย แล้วทำหูทวนลม ก้มหน้าก้มตาทานข้าวต่อ
จอมพลกลอกตาอย่างเริ่มสังหรณ์ใจแปลกๆ กลัวว่าลูกน้องคนสนิทจะโผล่ไปเป็นกางขวางคอในตอนเย็น ‘เฮ้อ...หวังว่าไอ้สมมันจะแค่พูดเล่นหรอกนะ’
กรุงเทพฯ. โรงแรมมะลิฉัตร แกรนด์ เวลา 13:11 น.
“ท่านครับ กินอะไรสักหน่อยเถอะครับ” คมสันบอกผู้เป็นนายอย่างรู้สึกเป็นห่วง เมื่อเห็นอีกฝ่ายแทบจะไม่แตะอาหารที่ตนสั่งมาให้
“ฉันไม่หิว! สรุปมีใครได้ข่าวของจีอาบ้างหรือยัง?” ทัศเทพถามเรื่องที่ทำให้ตนนอนไม่หลับมาทั้งคืน
“ยังครับ! ตอนนี้ผมแจ้งกรมตำรวจทุกแห่งให้รายงานความคืบหน้าทุกๆ ครึ่งชั่วโมง รวมถึงสั่งคนออกตามหาตามสถานที่ต่างๆ ที่ เอ่อ...มักจะมีคนไปฆ่าตัวตายครับ” คมสันกัดฟันรายงานสถานการณ์ตามตรง
“สะพานที่เชียงใหม่ ให้คนเฝ้าเอาไว้ตลอด 24 ชั่วโมงเลยนะ” ทัศเทพเอ่ยย้ำพร้อมกับถอนหายใจอย่างรู้สึกเครียด