บทย่อ
“ตื่นเดี๋ยวนี้นะหมอต่อ” “อือ...มานิดาอยากได้ผัวตอนเช้าเหรอ ได้สิ หมอต่อคนนี้ยังมีแรงเหลือเฟือ” เขาตอบทั้งๆ ที่หลับตาและกระชับกอดคนที่ทาบทับบนอกของตนเองเข้าหาแนบแน่นโดยไม่สนใจว่ามือน้อยๆ จะทุบตีรัวอกของตนเอง “อือ...ปล่อยมานิดานะหมอต่อ ปล่อยแล้วมาคุยกันให้รู้เรื่อง” ทั้งทุบทั้งตีและดันตัวเองออกจากอ้อมแขนแข็งแรงของหมอไร้จรรยาบรรณคนนี้ “อือ...ก็นึกว่าอยากได้ตอนเช้าอีก จะคุยอะไรก็คุยตอนนี้แหละ พูดมาเลย หมอต่อฟังมานิดาเสมอ” เขาลืมตาจ้องมองหน้าของคนที่นอนทับเกยอยู่บนอกตัวเอง และก็ได้เห็นสายตามองแรงกรุ่นโกรธมาทางตัวเอง เธอกำลังโกรธเขา แต่เขาไม่สนใจหรอกก็แค่โกรธเอง “ฟังแต่หมอต่อไม่เคยทำตามที่มานิดาบอกและขอร้องสักครั้ง” เธอบอกเขาและพยายามดิ้นให้ตัวเองหลุดจากอ้อมแขนแข็งแรง “ก็หมอต่อฟังเสมอไง แต่ไม่รับปากว่าจะทำตาม” เขาบอกเธออย่างคนเจ้าเล่ห์ “หมอต่อ...” น้ำเสียงที่ดังและจริงจังกว่าทุกครั้งของมานิดาทำให้เขารีบปล่อยเธอทันที และทันทีที่ได้รับอิสระ มานิดาก็รีบถอยห่างเขาดึงผ้าห่มตามตัวเองมาด้วย เพราะตอนนี้เธอโป๊อยู่ ซึ่งหมอหนุ่มก็เช่นกัน “อ่ะ...มีอะไรก็ว่ามามานิดา หรือถ้าให้หมอต่อใช้เครื่องมือแพทย์ส่วนตัวตรวจตอนเช้าได้นะ หมอต่อพร้อม” “ทำไมหมอต่อทำอีก มานิดาบอกว่าห้ามแตะต้องมานิดาอีกยังไงคะ” คนได้ฟังก็ย่นคิ้วกลอกตาไปมากับคำพูดของมานิดา เขาทำเหมือนมันเป็นเพียงอากาศที่พัดผ่านแล้วก็ยิ้มทรงเสน่ห์ให้เธอโดยไม่พูดไม่จาโต้ตอบ “หมอต่ออธิบายมาสิคะ ว่าทำแบบนั้นทำไมเมื่อคืนนี้ อีกอย่างไปอ่างมาแล้วทำไมต้องมาทำแบบนั้นกับมานิดาอีก สกปรก!” เธอบอกเขาแล้วก็อดน้อยใจเสียใจเมื่อนึกว่าก่อนที่เขาจะมานอนกับตัวเอง เขาไปมีความสุขกับผู้หญิงคนอื่น ให้ตายสิมานิดา เธอมีความคิดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ และคิดได้ยังไง เธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน “ก็มานิดายังไม่ท้อง หมอต่อต้องขยันเพื่อที่ลูกของหมอต่อจะได้มาเกิดในท้องของมานิดาไวๆ ไง อีกอย่างหมอต่ออาบน้ำแล้ว สะอาดไม่สกปรก แถมที่อ่างน้องๆ หนูๆ ก็อาบน้ำขัดขี้ไคลให้หมอต่อทุกซอกทุกมุม ไม่สกปรกแน่นอน หรือหึงหมอต่อฮึ” เขาถามในท้ายประโยคพร้อมขยับตัวลุกขึ้นพิงหัวเตียงจ้องมองคนที่นอนหลบสายตาตัวเองอยู่ “ไม่ได้หึงสักหน่อย ......" ความรักล้นๆ เหลือๆ ของหมอต่อด้วยนะคะ หมอต่อผู้ทิ้งจรรยาบรรณไว้ข้างเตียงทุกครั้งเวลาอยู่กับมานิดา กับคนอื่นเขามีจรรยาบรรณความเป็นหมอ แต่กับมานิดาเขามีแต่ความหื่นความต้องการเท่านั้น
1 - หมอต่อ
“ไอ้ต่อ ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้ว” เสียงเหี้ยมเอ่ยถามลูกชายคนเดียวขณะวนมือไปมาบนปากแก้วบรั่นดี วันนี้ภวัตไปงานเลี้ยงรุ่นมา แล้วก็โดนเพื่อนๆ ทุกคนพูดเยาะเย้ย เขาจึงกลับมาตั้งแต่บ่าย และพอมาถึงบ้านก็โทรเร่งลูกชายให้รีบกลับมาบ้านทันที เพราะเขามีเรื่องบังคับลูกชาย จากที่คิดมาดีแล้วว่าปีนี้ต้องมีหลานเหมือนเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันให้ได้
“สามสิบเอ็ดครับพ่อปีนี้”
“อะวุ! มึงแก่แล้วไอ้ต่อ”
“พ่อก็แก่เหมือนกันนั่นแหละ ปีนี้หกสิบแล้วไม่ใช่เหรอ ดื่มให้มันน้อยๆ หน่อย เที่ยวอ่างก็เพลาๆ ลงบ้าง อายุไม่ใช่น้อยๆ แล้วอย่าซ่ามากนักพ่อ”
ภพธร เกริกฤทธิ์ หรือหมอต่อ ที่ใครๆ เขาเรียกกัน หรือไอ้ต่อของพ่อภวัตนั่นเอง ชายหนุ่มเป็นถึงเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์มือหนึ่งของโรงพยาบาล ที่ตอนนี้เขานั่งเป็นผู้บริหารอยู่ เขารับช่วงบริหารโรงพยาบาลของครอบครัวต่อมาจากผู้เป็นพ่อ ที่นั่งดื่มไม่ดูวัยข้างๆ ตนเอง พ่อของเขายกทุกอย่างให้เขาทันทีที่เขากลับมาจากเรียนต่อที่อเมริกา โดยไม่มีเหตุผล หรือมีก็ได้ คือพ่อของเขาอยากเที่ยว อยากใช้ชีวิตหนุ่มโสดลูกติดให้คุ้มค่า พ่อของเขาเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่ไม่เหมือนใคร ท่านเลี้ยงหมอหนุ่มให้โตมากับอาบอบนวด นางงามตู้กระจกพวกนี้ แม่ของเขาน่ะเหรอ ท่านกับพ่อหย่ากันเพราะทนความเจ้าชู้ของพ่อไม่ไหว และตอนนี้แม่ก็แต่งงานใหม่อยู่กินกับสามีใหม่ที่สเปน มีลูกใหม่สองคน ชื่อไมเคิลกับเชลีน ส่วนเขาอยู่กับพ่อ ซึ่งพ่อเลี้ยงเขามากับมือ บ้างก็ให้สาวๆ ของพ่อมาช่วยเลี้ยงบ้าง ตอนนี้เขากับพ่อถอดแบบกันมาเป๊ะๆ นิสัย หน้าตาก็ราวกับแฝด ผิดแต่อายุที่ต่างกัน
“มึงควรมีลูกได้แล้วไอ้ต่อ ควรหาสะใภ้สวยๆ มาให้พ่อเชยชม เอ้ย! ชื่นชม” ภวัตขยับตัวเล็กน้อยพร้อมยกขาไขว่ห้าง
“ไม่เอาหรอก มีเมียก็ต้องนอนกับเมียคนเดียว ซ้ำซากจำเจ อาหารจานเดิมๆ ผมไม่ชอบ พ่อก็รู้”
“มึงนี่เหมือนพ่อจริงๆ ว่ะ แต่พ่ออยากมีหลาน อยากอุ้มหลาน ใจคอจะไม่ให้พ่อได้เห็นหน้าหลานก่อนตายรึไงไอ้ต่อ”
“พ่ออยากมีหลาน ผมมีให้ได้ไม่ใช่ปัญหา แต่ผมไม่แต่งงาน ไม่มีเมียเด็ดขาด”
“แล้วมึงจะทำยังไง”
“พ่อ...ผมเป็นหมอนะพ่อ เป็นถึงเวชศาสตร์เจริญพันธุ์มือหนึ่งของโรงพยาบาลเลยนะครับ ใครๆ ก็ต่างมาให้ผมทำลูกให้ มีลูกยาก ลูกไม่ติดก็คิดถึงไอ้หมอต่อคนนี้ กับแค่ลูกตัวเอง ทำไมผมจะทำไม่ได้”
ภพธรกับพ่อสนิทสนมกันมากคำพูดคำจาเลยเหมือนกับเป็นเพื่อนต่างวัยกันมากกว่าจะเป็นพ่อลูก ก็นะ พวกเขามีกันแค่สองคน เวลาพ่อของเขาไปไหนหรือไปเที่ยวไหนก็มักจะหอบหิ้วเขาไปด้วย ตั้งแต่แปดขวบที่พ่อของเขาพาไปเที่ยวอาบอบนวด ไปให้สาวๆ ของพ่อแทะโลมเขาตั้งแต่เด็ก และเขาก็ชอบพี่สาวใจดีพวกนั้น เพราะแต่ละคนเต้าโตๆ ทั้งนั้น เขาชอบไป เมื่อโตมาเขาเลยเดินตามรอยของพ่อ และทุกวันนี้ก็ไปเที่ยวกับพ่อเป็นประจำ ไม่ไปกับเพื่อนก็ไปกับพ่อ แต่จะบ่อยคือไปกับพ่อบังเกิดเกล้าของเขานั่นเอง
“แล้วทำได้ไหมล่ะ ปีนี้พ่อต้องได้อุ้มหลานนะไอ้ต่อ ถ้าไม่ได้ ทุกอย่างที่พ่อยกให้มึงตอนนี้ พ่อจะยึดคืนแล้วยกให้การกุศลหมดเลย”
“พ่อเอาจริง”
“เอาจริงสิวะ อายุพ่อก็ไม่ใช่น้อยแล้ว ถึงจะเที่ยวเด็กๆ เอ๊าะๆ แต่พ่อก็อยากกลับมาบ้านมีหลานให้หยอกให้อุ้มให้สปอยเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกันบ้าง”
“พ่อ...แล้วใครจะเลี้ยง ผมไม่มีเวลามาเลี้ยงลูกหรอกนะ ผมต้องทำงาน พ่อก็เที่ยววันเว้นวันแบบนี้”
“ก็จ้างพี่เลี้ยงมาสิวะ เรามีเงิน”
“พ่อไม่เห็นในข่าวเหรอ พี่เลี้ยงเด็กตีเด็กจนตาย พ่ออยากให้หลานพ่อถูกตีเหรอ”
“แสดงว่ามึงจะมีหลานให้พ่อใช่ไหมที่พูดแบบนี้”
“แน่นอน และสมบัติทุกอย่างก็ต้องเป็นของผมเหมือนเดิม ผมไม่ยอมให้ทุกอย่างตกไปเป็นของการกุศลหรอก”
“ดีมากไอ้ลูกชาย ปีนี้นะ พ่อต้องการหลานปีนี้ พ่อก็อยากรู้เหมือนกันว่าหมอมีฝีมืออย่างมึงจะเก่งแค่ไหนกัน”
“เก่งอยู่แล้วพ่อ ขนาดอยู่ต่างประเทศยังตามมาให้ผมช่วยเลย และผมก็ช่วยแค่ครั้งเดียว พวกเขาก็มีลูกแล้ว จากที่ไปหาหมอมาหลายที่ก็ไม่ติดลูก พอมาหาผมติดลูกทันทีเลย ถ้าระดับมือหมอต่อแล้วพ่อสบายใจได้”
“แล้วมึงจะทำยังไงไอ้ต่อ”
“เดี๋ยวนี้เขามีอาชีพอุ้มบุญ ผมก็แค่หาคนมาอุ้มบุญ สมัยนี้คู่สามีภรรยาที่มีลูกยากก็เลือกวิธีนี้กันทั้งนั้น”
“แล้วจะไปหาจากไหนไอ้ต่อ”
“เดี๋ยวผมให้เว็บไซต์ประกาศหา แล้วเข้ามาให้ผมดูตัว ผมจะคัดเอง คนจะมาอุ้มท้องลูกผม ผมต้องคัดเอง ว่าแต่พ่อเอาจริงเหรอหลานน่ะ” ภพธรถามย้ำพ่ออีกครั้ง เพราะยังไม่อยากเชื่อว่าเขาต้องทำแบบนี้จริงๆ เหรอ
“มึงคิดว่าพ่อพูดเล่นรึไงไอ้ต่อ”
“โอเค ภายในปีนี้ใช่ไหมครับ”
“ใช่ ถ้าปีนี้มึงยังไม่มีลูกมาให้พ่อ มึงจะหมดเนื้อหมดตัว ทุกอย่างกูจะยึดคืน”
“พ่อจะใจร้ายกับผมไม่ได้นะ”
“กูพูดจริง”
“พ่อเรียกผมกลับมาบ้านบอกว่าอยากดื่มด้วย คือพ่อต้องการจะพูดเรื่องนี้กับผมเหรอ” เขากลอกตาถามพ่อ ที่วันนี้โทรเร่งตามเขากลับมาตั้งแต่บ่ายโมง ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเขายังติดผู้ป่วยอยู่
“เออ! ก็วันนี้กูไปงานเลี้ยงรุ่นใช่ไหมไอ้ต่อ แล้วเพื่อนๆ พ่อก็พาหลานไปด้วย ซึ่งทุกคนก็ถามพ่อของมึงว่ากูมีหลานรึยัง กูไม่อยากให้พวกมันถามบ่อย เพราะปีก่อนๆ ก็ถามแต่เรื่องนี้ ฉะนั้นปีนี้พ่อขอหลาน ขอแค่หลานจริงๆ พ่ออยากมีหลาน”
“พ่ออยากมีหลานน่ะ ผมเข้าใจ แต่พ่อดูผมด้วยว่าจะเป็นพ่อที่ดีได้ไหม แล้วพ่อก็จะเป็นปู่ที่ดีเป็นต้นแบบที่ดีของหลานได้ไหม”
“ได้สิ ถ้าเป็นผู้ชายก็เลี้ยงแบบมึงไงไอ้ต่อ โตในอ่าง โตมากับนางงามตู้กระจก พ่อก็ยังไม่เห็นมึงมีปัญหาอะไร มึงโตมาเลยชอบติดอ่าง”
“พ่อเคยซีเรียสจริงๆ บ้างไหม”
“ก็ตอนนี้กูก็ซีเรียสป่ะ สรุปง่ายๆ สั้นๆ ปีนี้มึงต้องมีหลานให้พ่อนะไอ้ต่อ ชายหญิงก็ได้ ผู้หญิงก็ดีเหมือนกัน โตมาต้องสวยแน่ๆ เพราะปู่กับพ่อมันหน้าตาดี ไปล่ะ พ่อนัดเด็กๆ ของพ่อไว้ คืนนี้จะบริหารเอวสักหน่อย” พูดจบก็ลุกขึ้นล้วงกระเป๋าเดินออกไปจากบาร์ของบ้านทันที
“พ่อ...”
“ให้เวลาปีนี้เท่านั้นไอ้ลูกชาย”
ภวัตโบกมือบอกลูกชายขณะเดินออกไป ส่วนภพธรผู้ต้องแบกรับความหวังของพ่อ และเขารู้ว่าพ่อพูดจริง ถึงพ่อจะพูดเหมือนไม่จริงจัง แต่ท่านทำจริงทุกอย่าง ให้ตายสิ เขาต้องหาคนมาอุ้มบุญลูกของเขา ว่าแล้วก็โทรหาเลขาส่วนตัวทันทีให้ประกาศรับสมัครคนอุ้มบุญ และให้ผู้สมัครมาสมัครด้วยตัวเองที่โรงพยาบาลเกริกฤทธิ์ เขาจะคัดเลือกเองว่าใครเหมาะสม และผู้หญิงที่จะมาควรตรวจร่างกายมาแบบละเอียด รวมถึงตรวจเลือดมาด้วย
หลังเรียนจบตั้งใจจะหางานทำเพื่อตอบแทนแม่ที่เลี้ยงดูและส่งเสียให้เรียนจนจบปริญญา แต่ผ่านมาสองเดือนกว่าแล้วยังหางานทำไม่ได้เลย หญิงสาวเรียนจบสาขาบัญชี สมัยนี้ยุคนี้งานหายาก แถมข้าวของก็แพง เธอเครียดมาก แล้วก็ยิ่งมาเครียดเมื่ออยู่ดีๆ แม่ก็ล้มแล้วพาไปโรงพยาบาลหมอบอกว่าเส้นเลือดในสมองแตกต้องรีบผ่าตัดด่วน และต้องใช้เงินห้าแสนในการผ่าตัด เธอจะไปเอาที่ไหนมาให้ จะไปหามาจากไหน สองมือกุมขมับแล้วก็ค้นหางานทำในอินเทอร์เน็ตต่อไป แล้วก็มาสะดุดตากับอาชีพอุ้มบุญ และมีคนกำลังต้องการ พร้อมจ่ายให้ทันทีห้าแสนบาท ถ้าผ่านเกณฑ์ เธอรีบจดที่อยู่ของที่ไปสมัครทันที และที่ที่ไปสมัครก็คือโรงพยาบาลที่แม่เธอรักษาตัวอยู่ ตอนนี้งานอะไรก็ได้ทั้งนั้นขอแค่ให้ได้เงินมาผ่าตัดแม่ มานิดา กิ่งหยก หรือนิดา วัย 22 ปี นิสิตนักศึกษาที่เพิ่งจบใหม่ยิ้มอย่างมีหวังเมื่อเห็นค่าตอบแทนในการอุ้มบุญครั้งนี้
“แม่จ๋า...แม่ต้องได้ผ่าตัด แม่เนียนต้องหาย” เธอพึมพำกับตัวเองแล้วลุกขึ้นเดินไปอาบน้ำเพื่อแต่งตัวจะไปตรวจร่างกายแล้วไปสมัครอุ้มบุญ เธอไม่รู้หรอกว่าตัวเองจะได้รึเปล่า คุณสมบัติเธอจะผ่านรึเปล่า แต่มันคือทางเดียวที่จะได้เงินมารักษาแม่ของเธอ