2บุญคุณหรือความแค้น(2)
“สายป่านทำไมยังไม่ลงมากินข้าวพ่อกับแม่มานั่งรอที่โต๊ะอาหารนานแล้วนะ”
ผกาเดินขึ้นมาเรียกลูกสาวที่ห้องนอนเมื่อได้เวลาอาหารเย็นแต่กลับไม่พบว่าสายป่านไปนั่งรอเหมือนเช่นทุกวันทั้งที่แม่บ้านได้จัดกับข้าวไว้เรียบร้อยแล้ว
“คุณพ่อคุณแม่กินก่อนเลยค่ะ ป่านไม่ค่อยสบายขอนอนพักสักพักถ้าหิวแล้วจะไปหากินในครัวเองค่ะ”
ความจริงที่เพิ่งได้ยินเมื่อช่วงบ่ายไม่สามารถทำให้หญิงสาวบังคับให้ตัวเองปั้นหน้ายิ้มแย้มสดชื่นเหมือนเช่นทุกวันต่อหน้าพ่อและแม่ที่ไม่ใช่สายเลือดของเธอและนอกจากนั้นทั้งคู่ยังเป็นคนทำให้บุพการีของเธอจากไปอย่างไม่มีวันกลับอีกด้วย
“เป็นอะไรลูกไปหาหมอไหม”
คนเป็นแม่ทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเดินเข้ามาใกล้พร้อมใช้หลังมือแตะลงที่หน้าผากของลูกสาว
“ป่านไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะคุณแม่ไปกินข้าวเถอะเดี๋ยวคุณพ่อจะรอ”
สาวน้อยไม่อยากพูดจาอะไรกับคนตรงหน้ามากไปกว่านี้เธอจึงเลือกที่จะเดินถอยหลังเข้าห้องและรีบปิดประตูห้องนอนทันที
ผกาในฐานะแม่ที่เลี้ยงดูเด็กน้อยมาตั้งแต่ยังแบเบาะเธอสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงจึงพยายามบอกกับสามีแต่อุดมกลับมองว่าเวลานี้สายป่านกำลังเป็นสาวคงแค่ต้องการใช้เวลาส่วนตัวไม่อยากสุงสิงกับพ่อกับแม่เหมือนอย่างเช่นสาว ๆ ทั่วไปมากกว่า
“คุณอุดมแน่ใจใช่ไหมว่าลูกไม่ได้รู้อะไรเพราะถ้าลูกรู้ ความจริงตอนนี้รับรองว่าไม่มีทางที่สายป่านจะยอมแต่งงานและเราคงไม่มีโอกาสได้บ้านกับที่ดินคืนมาแน่ ๆ”
บ้านและที่ดินเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ตอนนี้ทั้งผกาและอุดมมีอยู่เพราะตั้งแต่อุดมหันหน้าให้กับการพนันความร่ำรวยของครอบครัวนี้ก็เริ่มลดน้อยลงจนในที่สุดก็แทบจะหมดตัวโชคดีที่ยังมีสมบัติเก่าให้พอขายได้กินไปวัน ๆ และนับจากนี้ทั้งคู่ก็หวังพึ่งลูกสาวที่เหลืออีกแค่เพียงหนึ่งปีก็จะเรียนจบ
“อย่าคิดมาก พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปคุยกับไอ้ศิลาเรื่องข้อตกลงที่มันต้องการแต่งงานกับลูกสาวเรา”
อุดมตัดสินใจที่จะยอมทำตามที่ศิลาเจ้าหนี้ที่เขาเอาสมบัติชิ้นสุดท้ายไปจำนองไว้โดยที่ยังไม่ได้มีโอกาสคุยกับสายป่านเลยแต่คนเป็นพ่อมั่นใจว่าเขาสามารถหาวิธีทำให้ลูกสาวยอมทำทุกอย่างตามที่เขาต้องการได้แน่นอน
“คุณมีแผนใช่ไหมถึงได้มั่นใจว่าทุกอย่างจะสำเร็จตามที่คุณต้องการ”