บท
ตั้งค่า

6

รุ่งเช้าวันต่อมา

ฟ่านหรันซีขังตนเองไว้ในห้อง หวานหว่านร้อนใจหนัก นางไม่รู้จะทำเช่นไร แม่ทัพฟ่านก็ไปประจำป้อมทางใต้ ห่างจากจวนแห่งนี้ห้าร้อยลี้ แม้ไม่ไกลมาก แต่จะให้กลับมาจวนปุบปับก็ใช่ว่าจะกระทำได้โดยง่าย เรื่องบางเรื่องฮูหยินผู้เฒ่าและคุณชายรองฟ่านจะจัดการเอง ทว่าเป็นเหตุบังเอิญที่ท่านย่าของฟ่านหรันซีไปงานศพงานญาติ ส่วนผู้เป็นพี่รองของหญิงสาวถูกเรียกตัวด่วน เนื่องจากมีคนจากแคว้นต้าอู่มาที่ชิงซาน และฝ่ายนั้นก็คือเหล่าท่านอ๋อง และขุนนางชั้นสูง

“คุณหนูสาม... เปิดประตูให้บ่าวเถิดเจ้าค่ะ”

หวานหว่านร้องอยู่หลายหน กระทั่งรับรู้ได้ว่าเสียงด้านในเงียบผิดปกติ นางจึงต้องเรียกคนมาช่วยกันงัดแงะเข้าไปด้านใน และในยามนั้นพบว่า ห้องคุณหนูสาม มีสาวใช้คนหนึ่งถูกมัดมือมัดปากไว้ และนอนอยู่บนเตียง ส่วนฟ่านหรันซีหายตัวไป

ฟ่านหรันซีแม้อยู่ในร่างที่สูญเสียความทรงจำไปบางส่วนจากอุบัติเหตุรถม้าพลัดตกเขา แต่เรื่องราวในชาติภพก่อนนางล่วงรู้ว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้าง ถึงอย่างนั้นหลายได้เปลี่ยนไป เรียกว่าการย้อนคืนมามีลมหายใจของนางกระทบต่อหลายสิ่ง กระนั้นยังมีผู้คนที่นางต้องขัดขวางไม่ให้พวกเขาได้สร้างความทุกข์ร้อน ต่อตนเองและคนที่รัก

ยามนี้ที่นางต้องจับตาเป็นพิเศษก็คือฟ่านจื่อรั่ว สตรีที่หญิงสาวต้องไปเป็นเจ้าสาวแทนอีกฝ่าย

เป็นยามฟ้าสางที่นางพาตนเองออกจากทางหมารอดและมาพบกับคนเลี้ยงม้าของบิดา ซึ่งก็คือเหล่าตง (ตงเหลียง)

“เอ๋ คุณหนูสาม ท่านออกมาที่นี่ได้อย่างไร”

หญิงสาวยิ้มตาใส พร้อมชี้ไปที่ม้าตัวโตของตน ความคุ้นเคยกับสัตว์สี่เท้าทำให้นางมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

“บ่าวให้ม้าไม่ได้ขอรับ” ตงเหลียงยืนกราน แต่น้ำเสียงเบา สีหน้าดูผ่อนปรนมาก

“เชื่อข้าเถิด จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ อีกอย่าง... ขะ ข้าจะไปช่วยพี่รอง แล้วหน้าที่เหล่าตงคือ ส่งข่าวถึงพี่ใหญ่ รวมถึงท่านย่า”

“โถ คุณหนูสาม บ่าวชราแล้ว เมียก็ตายจาก ลูกไปเป็นทหาร หลานยังเล็ก คนหนึ่งก็พิการ อีกคนพูดยังไม่ได้ ต้องหาเลี้ยงพวกเขาไปอีกหลายสิบปี อย่าให้บ่าวต้องเสี่ยงภัยเลยขอรับ”

ได้ฟังเหล่าตงกล่าวเช่นนั้น ฟ่านหรันซีก็หลุดหัวเราะเสียงดังลั่น ใช่แล้ว ตงเหลียงผู้นี้ ไม่ได้เปลี่ยนนิสัยไปจากเดิมสักนิด พูดมากเป็นที่สุด ทั้งขึ้นชื่อว่าตาแก่เจ้าจอมเล่ห์ เป็นผู้แอบสอนวิชายุทธ์ให้นาง โดยอยู่ในการดูแลของบิดา รวมถึงเรื่องม้านั้น เขาก็จัดหาไว้ให้ และนางขี่เป็นตั้งแต่อายุได้เพียงแปดเก้าขวบ

“ถะ ถึงเวลา ทะ ที่ข้าต้องเป็นจอมยุทธ์หญิง”

โอ้ ตงเหลียงนึกว่าตนหูฟาด อนิจจาบิดานางคือแม่ทัพใหญ่ ส่วนในอดีตมารดาผู้ล่วงลับเป็นยอดนางโจรภูเขา ยามนี้ชายชราตกที่นั่งลำบากแล้ว และเขาได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ฝึกสตรีน้อยผู้นี้

“แต่คุณหนูสามยังไม่หายป่วย ทั้งความคิดอ่านนั้น เหมือนเด็กเล็กวัยสามขวบ บ่าวไม่อาจปล่อยไปจากจวนได้ และเรื่องขี่ม้ายิ่งไม่มีวัน”

ฟ่านหรันซียยิ้มอีกหน และรู้สึกเป็นสุขในรอบหลายปี นางได้ย้อนเวลามามีลมหายใจอีกคน ได้พบว่าตนยังเป็นสตรีเด็ดเดี่ยว ทั้งพอมีฝีมือเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่างๆ สมแล้วที่นางเป็นบุตรสาวของแม่ทัพ สตรีเช่นนางหากชาติก่อนไม่ต้องขึ้นเกี้ยวเข้าหอแทนผู้อื่น ย่อมได้เป็นแม่ทัพหญิงแกร่ง ส่วนถ้อยคำที่คนแซ่หลี่ดูถูกนางไว้ ล้วนเป็นความเท็จ และเขาคงไม่พ้นต้องชดใช้มันแก่นาง

“เหล่าตง แม้ดูเผินๆ สมองข้า คล้ายเด็กเล็ก ทว่ามิใช่สตรีเบาปัญญา หรือท่านเห็นว่าข้าเป็นเช่นนั้น”

ตงเหลียงคล้อยตาม และเริ่มจะเอะใจหลายส่วน ท่าทางนางคำพูด การใช้น้ำเสียงราวกับคนที่ผ่านโลกมามิน้อย ไม่ใช่ดรุณีแรกรุ่นอย่างที่เขารู้จัก ด้วยอย่างไร ฟ่านหรันซีก็คือลูกศิษย์ของเขา ความคุ้นเคยย่อมมี

“คุณหนูสาม อย่างไรข้าก็เป็นอาจารย์ของท่าน ดังนั้นขอให้สิทธิ์ ของเหล่าซือห้ามไม่ให้ทำสิ่งใดโดยพละการ”

หญิงสาวถอนหายใจแรงๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel