2
และไม่รู้ด้วยเหตุใด ในขณะที่ฟ่านหรันซีเจียนจะสิ้นลมหายใจจากการทรมานของเยว่ไป๋เหวิน สุดท้ายคนที่ยื่นมือมาช่วยเหลือนางก็คือ ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี ทั้งหมดที่นางพอจะทำความเข้าใจได้ หลี่สิงหยางยืมมือมารดาเลี้ยงสั่งสอนนางนั่นเอง ชีวิตอัปยศเช่นนี้ แม้มีอยู่ก็เหมือนฟ่านหรันซีต้องตายทั้งเป็น
ผู้เป็นสามีนาง คือองค์ชายห้าผู้สง่างาม แต่มีกลิ่นอายปีศาจ และเขากระหายการเข่นฆ่า ทั้งยังชอบทรมานผู้คน ความวิปริตของเขา ส่งผลให้ศัตรูขยาดยิ่งนัก ในการออกศึก มักมีคนกล่าวขานว่า หยางอ๋องนั่งบนอาชาโลหิตถือทวนคู่ใจ ห้ำหั่นศัตรูได้คราวละสิบชีวิต ผู้ใดก็ไม่กล้าเข้าใกล้ บ้างก็ว่าเขากินเลือดเนื้อคนเป็นอาหาร เรื่องนี้ส่งผลให้หลี่สิงหยาง กลายเป็นองค์ชายที่ไม่มีใครคิดต่อกร หากสุดท้ายจุดอ่อนของเขาก็คือสตรีจากตระกูลฟ่าน
โอ้ สวรรค์ลิขิตเรื่องโง่เขลาไว้เช่นนั้น
“เอาเถิด มีปัญญาทนได้จงอดทนต่อไป อย่างน้อยที่สุด
เพื่อแผ่นดินบ้านเกิด แต่บอกไว้ก่อน เจ้ายังมีโอกาสได้ใช้ชีวิตที่
ดีกว่านี้เสมอ ขอเพียงเปิดปากบอกความจริงของเสี่ยวรั่วว่าเหตุ
ใดนางถึงกล้าหักหลังข้า ทั้งที่คราแรกต้องเป็นนางที่มาชดใช้
กรรมแทนสิ่งที่บิดาและมารดาเคยทำเอาไว้ ทว่าเป็นเจ้าที่โง่
เขลา ทั้งอวดดี และอย่าได้คิดว่า ข้าจะไม่กล้าทำในสิ่งที่มุ่งหวัง
ไว้ อีกอย่างต้องเสียใจด้วย ข้า...ไม่เคยคิดว่าเจ้าคู่ควรเป็นพระ
ชายาของข้าสักครั้งให้ดีที่สุด ก็คือสาวใช้อุ่นเตียง”
บุรุษผู้นั้นกล่าวด้วยเสียงเหี้ยม เขายกยิ้มมุมปากข้างหนึ่ง ซึ่งมันขับให้ใบหน้าเขาชั่วร้ายทั้งดูน่ากลัวกว่าเดิมหลายขุม
แน่ละ หลี่สิงหยาง... คือชายที่ไม่ควรได้ความรักจากผู้ใด
“หม่อมฉันย่อมรู้ฐานะตนดี ทว่าถึงแม้หยางอ๋องและพระสนมเยว่จงใจหาทางกำจัดมารหัวขนในครรภ์นี้ หากสุดท้าย เขาก็อายุได้เกือบห้าเดือน ยามนี้ ท่านจงเลือกเอาเถิดว่า อยากให้เขาลืมตาขึ้นมาดูโลกนี้ หรือตายไปพร้อมกับข้า”
นั่นคือสิ่งที่นางบอกแก่เขา แล้วชีวิตนางนับจากนั้นก็เปลี่ยนไป
และไม่น่าเชื่อว่า การตั้งครรภ์ครั้งนี้ รักจากเคยแท้งมาหนึ่งหน กลายเป็นเกราะคุ้มภัยฟ่านหรันซีให้รอดพ้นการถูกทรมานจากพระสนมเยว่ รวมถึงผู้อื่นก็ไม่อาจกระทำสิ่งต่ำช้ากับหญิงสาวได้อีก กระทั่งเวลาผ่านไปจนฟ่านหรันซีใกล้คลอด และสถานการณ์ต่างๆ นับว่ามากด้วยปัญหา รวมถึงการสูญเสียที่นับไม่ถ้วน
ยามนี้ ฟ่านหรันซีดึงตนเองกลับมาในช่วงเวลาปัจจุบัน
ตอนนี้ภาพเบื้องหน้าน่ากลัวยิ่งนัก อีกทั้งสถานการณ์ด้านนอกก็มีเสียงลั่นกลองรบ เสียงโห่ร้อง สลับการกรีดร้องโหยหวนของผู้ที่ได้รับการบาดเจ็บเพื่อการปกป้องตำหนักแห่งนี้เอาไว้ เพื่อไม่ให้ผู้ร้ายบุกมาถึงตัวนางและผู้เป็นสามี ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงองค์ชายห้า และยิ่งกว่านั้น เขาได้รับราชโองการเร่งด่วน ให้ขึ้นเป็นองค์รัชทายาท โดยยามนี้ฮ่องเต้ประชวรหนัก!
ขณะเดียวกัน ผู้ที่มีสายเลือดมังกรแคว้นต้าอู่ กำลังใช้ดาบยาวที่คมของมันอาบด้วยเลือดสดๆ ภายในห้องทำคลอด จึงมีกลิ่นคาวคลื่นเหียนชวนให้สะอิดสะเอียดอบอวลไปทั่ว อึดใจต่อมา เขาตวัดปลายแหลมคมใส่ร่างขันทีและสาวใช้นับสิบคน เรื่องทั้งหมดนั้น เป็นเพราะเขาต้องการหาต้นตอที่ทำให้ฟ่านหรันซีเกิดอาการครรภ์เป็นพิษ อันเป็นแผนร้ายแยบยลที่ถูกวางไว้นานนับเดือน ทั้งที่เขามั่นใจว่า เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นแล้ว แต่สุดท้ายคนที่อยากให้นางตายก็ทำเรื่องชั่วจนได้
จากนั้น หมอหลวงคนสุดท้ายที่ยังคงมีชีวิตรอดแจ้งว่า ต้องเปิดปากทางขยายให้กว้างขึ้น หรือไม่ก็เสี่ยงอันตรายให้มากกว่านั้น ด้วยการผ่าหน้าท้องฟ่านหรันซีแล้วดึงทารกออกมา!
ดวงตาคมกริบตวัดมามองฟ่านหรันซีแวบหนึ่ง และส่งไอสังหารรุนแรงถึงนาง อนิจจาราชันย์ผู้องอาจ กำลังคลั่ง ดังนั้นใครขวางหน้าเขายามนี้โอกาสรอดย่อมแทบไม่เหลือ
ก่อนหน้านั้น หลี่สิงหยางถูกพิษร้ายเล่นงาน และมันกำเริบหนัก ฝ่ายฟ่านหรันซีประเมินแล้ว ยิ่งโทสะเขาเดือดพล่านมากเท่าใด ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าย่อมพังทลายลงราวกับหน้ากลอง
กล่าวกันตามตรง ก็ดูเหมือนว่าฟ่านหรันซีมิอาจรักษาทั้งลมหายใจของตน อีกทั้งเป็นการยากหากจะยื้อทารกในครรภ์เอาไว้ สุดท้ายเหตุการณ์ครั้งนี้คงไม่พ้น หนึ่งศพสามชีวิต
ในขณะผู้เป็นสามี คลุ้มคลั่งจัด ใช้ดาบฟันร่างของขันทีราวกับคนเสียสติ
หญิงสาวกัดฟันแล้วลุกขึ้น นางเลิกสนใจเหตุการณ์ในห้อง ส่วนคนอื่นๆ ก็พยายามหนีตายเอาตัวรอด จึงไม่มีใครคิดห้ามไม่ให้นางออกจากห้องทำคลอด
และฟ่านหรันซีรู้ว่า การจะหยุดยั้งการบ้าเลือดของคนอย่างหลี่ ก็คือนางต้องจากไปเสีย มิเช่นนั้น อีกไม่นานที่นี่คงมีศพกองเป็นภูเขา และพื้นกลายเป็นทะเลเลือด
นอกเหนือจากนั้น หากนางตายไปเสียการต่อสู้ข้างนอกย่อมยุติลง ไม่มีใครต้องล้มตายอีก การเสียสละของนางจึงเป็นสิ่งจำเป็น และนางก็ทำมาตั้งแต่ต้นแล้ว ไฉนจะกัดฟันเดินหน้าต่อไปอีกไม่ได้
“ทะ ท่านอ๋อง พระชายาหายตัวไปขอรับ”
เสียงหนึ่งดังเตือนสติหลี่สิงหยาง เมื่อได้ยิน เขาจึงเขวี้ยงดาบทิ้ง แล้วออกตามหาสตรีที่ยามนี้เขารับรู้ทั้งหมดแล้วว่า ตนกระทำผิดต่อนางมากเพียงใด
“หรันซี... จะ เจ้าอยู่ที่ใด”
เสียงดังกลาวร้อนรน ทั้งเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
กระทั่งได้เห็นว่าร่างในชุดเสื้อผ้าขาว ซึ่งย้อมด้วยสีเลือดของนางก้าวอย่างลำบากขึ้นไปบนกำแพงสูง แม้ขนาดท้องที่ใหญ่โตแต่นางกัดฟันใช้แรงเฮือกสุดท้ายพาตนเดินไปข้างหน้าอย่างมีจุดหมาย
โอ้ ภาพนี้ซ้อนทับฉากจบชีวิตของมารดาเขา และชายหนุ่มย้อนความทรงจำอันแสนเศร้าและชวนให้หัวใจสลาย นางถูกคนบังคับให้ขึ้นไปบนกำแพง ก่อนที่ใครอีกหลายคนจะใช้สายธนูดึงรั้งลำคอระหงไว้เพื่อให้ขาดอากาศ สุดท้ายก็จับห้อยร่างแขวนคอบนกำแพงสูง
“หรันซี!”
ชายหนุ่มเข้าใจเจตนาของนางแล้ว ยามนั้นจึงใช้ความเร็วของตนตามนางไปอย่างไม่ลดละ ทว่าฟ่านหรันซีเป็นลูกสาวของแม่ทัพ ทั้งยังเป็นสตรีที่เด็ดเดี่ยว จิตใจนางหนักแน่น เมื่อตั้งมั่นทำสิ่งใดก็ไม่คิดหันหลังกลับ
หลี่สิงหยางอยู่ห่างฟ่านหรันซีเกินไป เขาจึงไม่อาจคว้าร่างของนางได้
และสิ่งที่อยู่ในมือเขากลับเป็นเพียงแขนเสื้อคลุมตัวนอกของนางที่ถอดออก พร้อมจดหมายฉบับหนึ่งที่จงใจทิ้งไว้ต่างหน้าเขา ซึ่งนางคงเขียนมันไว้ก่อนหน้านี้
“ชาตินี้มิอาจหย่าขาดสำเร็จ แต่สุดท้าย ข้ากับลูกก็เป็นอิสระจากหยางอ๋องแล้ว!”
และนางล่วงหล่นลงจากกำแพงสูง เบื้องล่างมีกระถางน้ำมันเดือดพล่านและเปลวไฟกำลังดิ้นเร่าๆ รอรับร่างฟ่านหรันซีกับอีกสองชีวิตที่อยู่ในครรภ์นาง!
“หรันซี!”
หลี่สิงหยางตะโกนสุดเสียง ดวงตาเขากลายเป็นสีแดงก่ำ น้ำตาที่ไหลออกมาก็เป็นดั่งเลือด
และฉากจบของฟ่านหรันซีในชาติก่อน... ถูกบันทึกไว้เพียงเท่านี้
ส่วนชีวิตของหลี่สิงหยางต่อจากนั้นคือการเข่นฆ่า คนที่มุ่งร้ายต่อเขา และขัดขวางการขึ้นเป็นรัชทายาท โดยภายหน้าคนผู้นี้ จะกลายเป็นราชาอำมหิตที่ทำให้ทั้งฟ้าสวรรค์ หรือแม้กระทั่งนรกยังต้องสั่นสะเทือน!