7
เรื่องนี้น่าประหลาดใจและชวนให้หงุดหงิด ก็คือการที่ฮั่วหยางเฟิ่งถามออกไปแล้ว กลับไร้คำตอบ ทั้งซานซือ และ
หนิเจี้ยนต่างทำท่าเหมือนคนน้ำท่วมปาก
เมื่อเป็นเช่นนี้ เขารู้ว่าตนคงต้องคอยมองว่า แมวเทาตัวนั้นจะโผล่มาอีกเมื่อใด ซึ่งแน่นอน หนูที่อาละวาดย่อมเป็นฝีมือแมวปีศาจ เมื่อส่งขนมหัวผักกาดและลูกอมถั่วที่โรงเตี้ยม กับเหลาอาหารเรียบร้อย ฮั่วหยางเฟิ่งต้องพบเรื่องที่ไม่คาดฝันอีกหน คราวนี้กลายเป็นว่าเขาไม่อาจเดินทางกลับเรือนบรรพชนสกุลจ้าวได้ในทันที นั่นเป็นเพราะหนิงเจี้ยนปวดท้องอย่างหนัก
สถานการณ์เช่นนี้ ไม่น่าไว้วางใจ ดังนั้นจึงให้ซานซือ เปิดห้องพักพาหนิงเจี้ยนไปรอพบหมอตำแย แต่ทุกอย่างกลับไม่ง่ายดาย เนื่องจาก จู่ๆ ประตูเมืองเปิดต้อนรับ คนแปลกหน้า ทั้งพ่อค้า ชาวต่างแคว้น และมือสังหารไม่ทราบฝ่าย ที่เป็นเช่นนี้ เพราะการมาเยือนของทหารที่มีเผยอี้ฮุ่ยนำทัพนั่นเอง
ร้านค้าต่างๆ จึงปิดเร็วกว่าปกติ ใครที่ไม่อยากมีเรื่องกับพวกขุนนางพากันเก็บตัวเงียบ
“ไหวหรือไม่”
หนิงเจี้ยน ถูกทรมานร่างกายจากสามีมาไม่น้อย ครั้งหนึ่งฝ่ายนั้นแจ้งความประสงค์ว่า ไม่ต้องการให้เขาตั้งครรภ์ จึงหาทางทำลายมารหัวขนตลอดมา ทั้งป้อนยา ตบตี ซึ่งมันคงส่งผลร้ายถึงเขาโดยตรง
“ท่านผู้มีพระคุณข้าคงไร้วาสนา และไม่อาจตอบแทนท่าน ใกล้ค่ำแล้ว กลับเรือนของท่านไปก่อนเถิด ปล่อยให้ข้าอยู่ที่นี่ ชีวิตข้าไม่อาจมีค่าเท่าความปลอดภัยท่าน”
หนิงเจี้ยนเอ่ยเช่นนั้น เพราะประเมินได้ว่าเผยอี้ฮุ่ยเป็นคนกัดไม่ปล่อย สายตาที่อาฆาตแค้นก่อนหน้าที่เขาจะจากไป แจ้งชัดว่าต้องมีการเอาคืนแน่นอน
“เหลวไหล ข้าช่วยเจ้าแล้ว ไฉนจะทิ้งกันง่ายๆ อีกอย่างเด็กในท้องย่อมบริสุทธ์ เขาสมควรได้มีโอกาสลืมตาขึ้นมาดูโลก”
“ท่านยังไม่เข้าใจ” หนิงเจี้ยนเอ่ยและเสียงเขาเศร้า สีหน้าซีดราวกับศพ นั่นเป็นเพราะสังหรณ์ใจว่าอาจเกิดเรื่องร้ายทั้งกับตน และผู้มีพระคุณ อีกอย่างที่เขาสืบรู้ก่อนหน้าคือ ยามนี้พวกที่ตายแล้วฟื้นกำลังจะคืนชีพ
“อย่าได้ห่วงข้า หรือผู้อื่น เป็นเจ้าที่ต้องดูแลตนและลูกในท้องให้ดี” ฮั่วหยางเฟิ่งเอ่ย พลางมองไปที่ประตู จนป่านนี้ซานซือซึ่งไปตามหมอตำแยยังไม่โผล่หน้ามา
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามได้ หนิงเจี้ยนพลันตัวสั่น และร้องว่าปวดท้องอย่างหนัก
“ตลอดเวลาข้าอยากมีลูกให้เขา แต่ทุกอย่างไม่ได้ง่าย นับแต่คืนนั้นที่ข้า...”
หนิงเจี้ยน ไม่อยากเอ่ยถึงแต่เขาก็จำได้ติดตาว่า ตนกับสามีออกเดินทางไปต่างเมือง คืนนั้นโรงเตี้ยมเต็ม จึงพักอาศัยที่อารามร้าง เมื่อกลางดึกเกิดเรื่องไม่คาดฝัน ด้วยผู้ที่กำลังสับสะโพกใส่เขาหาใช่คนรัก แต่เป็นบุรุษอื่นที่หื่นกระหาย และมีไฟราคะลุกโชน
น้ำวิสุทธิ์ของอีกฝ่าย ไม่ได้ถูกปลดปล่อยใส่เพียงแค่ในกลีบเบญจมาศ หากทั้งทางปาก เขาก็ถูกบังคับให้กลืนกิน
ความน่าอดสูที่เกิดขึ้น คือภาพความทรงจำที่เลวร้าย
แม้สามีจะทราบเรื่อง และบอกว่าให้อภัยแก่เขา ทว่าลึกๆ แล้ว ไฉนหนิงเจี้ยนจะไม่ล่วงรู้ การที่เขาถูกทำร้ายร่างกายบ่อยๆ ครั้ง อีกทั้งโดนตามล่าจากผู้ไม่เปิดเผยตัว จนสามีต้องเสียชีวิต อาจเป็นฝีมือของชายชั่วที่ข่มเหงเขา และฝ่ายนั้นอาจส่งคนมาตามตัวหนิงเจี้ยน กลับไปเพื่อเป็นทาสราคะ หรือไม่ก็ต้องการเด็กในท้องเขา เพื่อใช้ประโยชน์
เสียงพลุ และเสียงร้องรำทำเพลงดังขึ้นอยู่บนถนน สร้างความรำคาญอย่างหนัก ทั้งหมดมาจากกลุ่มคนที่หลั่งไหลเข้ามาในเมืองเผิง พลอยให้ฮั่วหยางเฟิ่งไม่สบายใจ เมืองนี้ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่นัก แต่ดูไม่น่าปลอดภัย เมื่อมีคนชั่วปะปนอยู่ในทุกพื้นที่
กระทั่งหมอตำแยวัยชราก้าวมาพร้อมซานซือ ใบหน้างดงามจึงผ่อนคลาย
“ร่างกายเขาอ่อนแอ อีกทั้งมีแผลฟกช้ำหลายแห่ง ที่สำคัญ ข้าจำเป็นต้องตรวจร่างกาย ผิดแต่คนผู้นี้เป็นบุรุษ”
หมอตำแยกกล่าว น้ำเสียงเครียดอยู่สักหน่อย
“ท่านรักษาเขาไม่ได้หรือ”
“โถ คุณชาย ข้าเป็นเพียงหมอตำแย อีกอย่างอาการเขาแจ้งชัดว่า ตั้งครรภ์และทารกที่อยู่ข้างในอาจมีอันตราย ข้าถนัดเพียงแต่ทำคลอด ไม่ใช่จะตรวจร่างกายผู้อื่นได้ โดยเฉพาะหากฝ่ายนั้นเป็นบุรุษ”
หมอตำแยไม่อยากกล่าวว่า พวกที่เป็นบุรุษต่ำต้อยทำหน้าที่บำเรอกามให้แก่กลุ่มชนชั้นสูง และต้องตั้งครรภ์ ซึ่งยุคสมัยนั้น ตีค่าว่า ไม่ต่างจากหมา แมว หากยิ่งไร้คู่ครอง หรือเป็นหม้ายด้วยแล้ว เหล่าชายที่ตั้งครรภ์ได้ ไม่มีใครอยากคบค้า มักถูกเอารัดเอาเปรียบเสมอ จึงไม่ต่างจากทาสรับใช้ ที่ไม่มีวันสุขสบายตลอดชาติ
“เท่าที่ข้าดูด้วยสายตา หากอยากให้น้องชาย คนนี้รอด จงรีบป้อนยาขับเลือดให้เขาเสีย ท้องยังไม่โตมาก หนึ่งชีวิตแลกหนึ่งชีวิต นี่คือสิ่งที่ข้าพอจะช่วยได้!”
หญิงชรากล่าว และทำให้ทั้งห้องพักเงียบลงราวกับอยู่ในป่าช้า
“มารดาท่านเถอะ อาชีพท่านคือ ทำคลอดให้ผู้อื่น ไฉนถึงมีวาจาราวกับสุนัขที่ชอบกินอาจม”
ฮั่วหยางเฟิ่งทำให้ทั้งหมอตำแยและผู้อื่นทึ่ง แต่เดิมเขาสงบปากสงบคำ ไม่ชอบด่าทอ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ด้วยกดดัน ทั้งยังเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ซึ่งมันเป็นบาปกรรมใหญ่หลวง
“ฮึ คุณชายท่านนี้ หากเจรจากันไม่รู้ความ ข้าก็ไม่อาจช่วยเหลือได้ ขอตัวก่อน” หมอตำแยกล่าวจบ ก็เตรียมผละออกจากห้องพัก แต่ซานซือยกมือห้ามนางไว้
“ข้าเสียเวลาตามเจ้ามา ก่อนหน้านี้ก็อวดอ้างว่าตนมีฝีมือเป็นเลิศในเมืองเผิง ไฉนถึงคิดปัดก้นแล้วเดินหนีไปง่ายๆ”
“ข้ารับงานมานับสามสิบปี ช่วยเหลือหลายชีวิตมามิน้อย ชื่อเสียงย่อมประจักษ์แจ้ง ส่วนหนุ่มน้อยคนนี้ อย่างที่บอก หากอยากให้เขารอด ต้องสละชีวิตในครรภ์เสีย มิอย่างนั้น จงไปหาหมอจากสำนักแพทย์มาช่วย แต่เขาต้องเปลื้องผ้าตรวจร่างกายอย่างละเอียด ต่อหน้าคนอื่น จึงจะได้รู้ว่า ครรภ์ผิดปกติส่วนใดบ้าง”
เมื่อได้ยินว่าต้องเปลืองผ้าให้ผู้อื่นเห็น ทั้งหนิงเจี้ยนและฮั่วหยางเฟิ่งพลันใจหล่นหาย สิ่งสำคัญ เมื่อพวกเขาเป็นบุรุษที่ตั้งครรภ์ได้ คือการรักษาร่างกายให้สะอาด และปกปิดเรือนร่างจากสายตาคนที่ไม่ใช่คู่ชีวิต
“ข้ายอมตายเสียดีกว่า หากต้องเสียศักดิ์ศรี ให้ผู้อื่นย่ำยี”
“ฮึ หนุ่มน้อย เช่นนั้น ข้าก็สนับสนุนเจ้าอย่างเต็มที่”
หมอตำแยกล่าวจบ นางหมายผละจากไป แต่ไม้เท้าของซือซานยื่นไปขวางทางนางไว้เสียก่อน
“ยังรักษาไม่เรียบร้อย อย่าคิดว่าจะก้าวออกไปจากห้องพักนี้ได้ หากดื้อดึง เจ้าก็ไปได้เพียงแต่วิญญาณที่ไร้ร่างกาย!”
เสียงเหี้ยมที่ดุดันนั้นมาจากฮั่วหยางเฟิ่ง พลอยให้ทุกคนที่ได้ยินอดครั่นคร้ามใจไม่ได้