บทนำ ให้ข้าอุ่นเตียงให้ท่านนะเจ้าคะ | 2
สิ่งที่เขาเห็นกลับเป็นดวงตากลมโตสว่างไสวราวกับดวงดาวบนท้องฟ้ากว้าง กำลังจ้องมองมายังเขาอย่างรอคอย ใบหน้าหวานล้ำแต่งแต้มไว้อย่างงดงาม ริมฝีปากอิ่มค่อยๆ แย้มยิ้มเล็กน้อยด้วยอาการเขินอาย ก่อนที่นางจะค่อยๆ เม้มริมฝีปากจนแก้มกลมๆ ของนางป่องออก
‘นางไม่กลัวข้าหรือ!’
เป็นคำถามที่ดังก้องอยู่ภายในใจกระนั้นเขากลับไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใดออกไปแม้เพียงครึ่งคำ เขาและนางต่างมองสบตากันเนิ่นนาน ก่อนที่จู่ๆ นางจะผุดลุกขึ้นยืน
และแน่นอนว่าแม่ทัพหม่าถึงกับตกใจผงะ รีบก้าวถอยหลังทันที
“ข้ามีนามว่าอวิ๋นช่างเป่ยเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ”
หญิงสาวค่อมกายลงอย่างอ่อนช้อยพลางแนะนำตัวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เป็นชายหนุ่มเสียเองที่รู้สึกราวกับถูกต้อนให้จนมุมจนทำอะไรไม่ถูก เพราะนี่เป็นสถานการณ์ที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน
“ให้ข้ารินสุราให้นะเจ้าคะ”
ช่างเป่ยไม่ได้บุ่มบ่ามพุ่งไปจู่โจมปล้นจูบสามีดังที่วางแผนไว้ นางพยายามรักษากิริยาอาการด้วยการค่อยๆ ย่างเท้าไปรินสุรา ก่อนจะยื่นจอกให้เขา
“ขอบใจ”
แม่ทัพหม่ารับสุรามาแล้วยกดื่มรวดเดียวก่อนจะตัดสินใจเอ่ยออกไปว่า
“วันนี้แม่นางคงเหนื่อยมาทั้งวัน ขอให้พักผ่อนให้เต็มที่เถอะ ถือว่าจวนหลังนี้คือบ้านของแม่นาง”
พูดจบก็หมุนตัวเตรียมจะก้าวออกจากห้องหอ ทว่าคนตัวเล็กกลับไวกว่านางยื่นมือออกไปคว้าชายแขนเสื้อของเขาเอาไว้ได้ทันท่วงที
“ทะ...ท่านแม่ทัพได้โปรดให้ข้าอุ่นเตียงให้ท่านเถอะนะเจ้าคะ”
พูดออกไปแล้วก็รู้สึกเหมือนกำลังจะตายเสียให้ได้ ใบหน้าเห่อร้อน หัวใจเต้นแรง แต่หนทางมีชีวิตรอดมีเพียงหนึ่งเดียว คือนางต้องอุ้มท้องบุตรของเขาเท่านั้น
“อะ...อะไรนะ!”
คนตัวโตหมุนกายกลับมา พลางเอ่ยถามด้วยความมึนงงสับสน แม่นางผู้มีใบหน้าจิ้มลิ้มผู้นี้เสียสติไปแล้วหรืออย่างไร จึงอยากจะอุ่นเตียงให้ชายที่มีใบหน้าอัปลักษณ์เช่นเขา
“ได้โปรดทำให้ข้าเป็นภรรยาของท่านด้วยเจ้าค่ะ”
ช่างเป่ยรวบรวมความกล้าแล้วพูดออกไปอีกครั้งโดยไม่หลบตาเขา เป็นแม่ทัพเสียเองที่ใบหน้าแดงก่ำ ร้อนผ่าวไปจนถึงใบหู
“วันนี้เจ้าคงเหนื่อยมากจึงได้พูดจาอะไรออกมาโดยไม่ไตร่ตรอง หรือไม่...ท่านแม่ของข้าคงยังไม่ได้บอกเจ้าถึงข้อตกลงในการแต่งงานของเราสองคน เจ้าเพียงเข้าพิธีแต่งงานกราบไหว้ฟ้าดินร่วมกับข้าเพื่อแก้คำสาปเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องหลับนอนกับข้าโดยที่เจ้าไม่สมัครใจ เพราะเมื่อถึงวันหนึ่งที่เราต้องหย่ากัน ข้าก็อยากให้เจ้าเก็บพรหมจรรย์นั้นไว้สำหรับชายที่เจ้ารัก”
หม่าหยางเหวินอธิบายยืดยาวด้วยเข้าใจว่ามารดาอาจไม่ได้พูดถึงข้อตกลงแก่ตระกูลอวิ๋น คนตัวเล็กตรงหน้าจึงได้พยายามทำหน้าที่ภรรยา
“ข้าสมัครใจที่จะเป็นภรรยาของท่านเจ้าค่ะ ข้าพร้อมแล้ว ดังนั้นท่านไม่ต้องกังวลใดๆ เลย แค่หลับนอนกับข้าก็พอ”
ไม่พูดเปล่าแต่หญิงสาวจัดการตวัดปิ่นปักผมออก ปล่อยให้ผมสีดำขลับยาวสยายจนถึงแผ่นหลัง จากนั้นจึงจัดการปลดผ้ารัดเอว แล้วถอดเสื้อคลุมเจ้าสาวสีแดงมงคลตัวนอกทันที
“ยะ...หยุดก่อนแม่นาง!”
แม่ทัพหนุ่มรีบยื่นมือไปหมายจะคว้าข้อมือบางที่กำลังแหวกสาบคอเสื้อตัวในออก ทว่าจังหวะนั้นหญิงสาวกลับชักมือหนีทำให้มือหนาคว้าหมับเข้าที่เจ้าก้อนกลมนุ่มนิ่มเต็มมือ
“เฮ้ย!”
แม่ทัพหนุ่มถึงกับร้องเสียงหลงรีบดึงมือกลับ ในขณะที่อวิ๋นช่างเป่ยอ้าปากค้างด้วยไม่คาดคิดว่าเจ้าบ่าวจะใจร้อน ข้ามขั้นมาจับนมก่อนที่จะจูบเช่นนี้
“ทะ...ท่านแม่ทัพช่างใจร้อนนัก”
หญิงสาวก้มหน้างุดเอียงอาย คลายความกดดันลงไปกว่าครึ่ง คราแรกนางคิดว่านางคงต้องไล่ปล้ำเจ้าบ่าวของตนเอง แต่ดูเหมือนว่าเขาเองก็หิวกระหายในตัวนางเช่นกัน
นี่แหละข้อดีของการที่ข้าเกิดมาเป็นหญิงงาม
ทว่า...
ฉ่า!
ราวกับมีหม้อไฟร้อนๆ เดือดอยู่บนใบหน้า แม่ทัพหม่าหน้าแดงก่ำ หูอื้อ ตาลายพร่ามัวที่จู่ๆ ก็ได้จับนมสตรีโดยไม่ทันตั้งตัว อีกทั้งยังถูกหญิงสาวเข้าใจผิดคิดว่าเขากำลังมีความต้องการทางเพศอีกด้วย
“มะ...แม่นาง ยะ...อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ขะ...ข้า”
เสี้ยวลมหายใจนั้นเองอวิ๋นช่างเป่ยผู้ตั้งมั่นว่าจะอุทิศกายช่วยมวลมนุษยชาติก็สาวเท้าเข้าหาเจ้าบ่าว หมายจะเริ่มจากการจูบเขา ตะ...แต่
เขาสูงเกินไป!
นางจูบเขาไม่ถึง!
หญิงสาวพยายามเขย่งปลายเท้า สองมือยื่นไปจับบ่าทั้งสองข้างของเขาเอาไว้ แต่เขย่งยังไงก็ไม่ถึง นางจึงหลับตาแล้วยื่นปากน้อยๆ หมายให้เขาก้มลงมาจูบอย่างดูดดื่ม
แม่ทัพหม่ากลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่พิพักพิพ่วนเหลือกำลัง พลางมองใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักของหญิงสาวแล้วรู้สึกหน้ามืด ยิ่งนางหลับตา ทำปากจู๋ แก้มป่องก็ยิ่งน่ารักน่าชังราวกับเด็กสาวยังไม่พ้นวัยปักปิ่น
นางไม่ใช่สาวงามเฉกเช่นเจ้าสาวคนที่แล้วๆ มา แต่นางเป็นหญิงสาวที่น่ารักและ....บ้า!