บทที่3. เหตุการณ์ที่ทำให้รัชนิชลมองตากล้องรูปหล่อเปลี่ยนไปจากเดิม....
“หยิ่งเสียด้วยนะคนสวย ถามแล้วก็ไม่ตอบ แต่พี่ชอบผู้หญิงแบบนี้อะนะ มันเร้าใจดี!!?”
“ขอโทษนะคะพี่ น้ำค้างจะกลับบ้านค่ะ ขอทางหน่อยได้ไหมคะ”
เธอเอ่ยปากร้องขอเมื่อไม่สามารถฝ่าวงล้อมของกลุ่มคนออกไปได้ เมื่อชายหนุ่มทุกคนตีวงล้อมเธอเอาไว้ทุกๆ ทางจนหาทางหลบไปทางไหนก็ไม่ได้เลย
“บ้านอยู่ไหนละจ้ะ เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง พี่ใจดีชอบบริการสาวๆ”
“ขอบคุณค่ะพี่ น้ำค้างพักโรงแรมข้างหน้านี่ละค่ะ ไม่ต้องไปส่งหรอก น้ำค้างกลับเองได้”
“บ๊ะ! นอนโรงแรมด้วย พี่ไปส่งถึงห้องเลยก็ยังได้นะจ้ะ อยากลองนอนห้องแอร์เย็นๆ บ้างอะ”
“อย่าเลยค่ะพี่ ไม่รบกวนดีกว่า”
รัชนิชลเอ่ยตอบอย่างเสียไม่ได้ เธอพยายามแทรกออกจากวงล้อมด้วยความหวั่นกลัว
“แอ๊…บอกว่าจะไปส่งก็ไปส่งซี พูดไม่รู้เรื่องหรือไงอีนี่!”
เรียวแขนงามเสลาถูกกระชากแรงๆ ด้วยฝ่ามือหยาบกร้านจนเรือนกายโปร่งบางถลาตามแรงดึงจนตัวปลิดปลิว
เธออ้าปากตะโกนร้องขอความช่วยเหลือสุดกำลังที่ที่มี พร้อมกับดิ้นรนเอาตัวรอดจากลุ่มคนแปลกหน้าที่เข้ามาคุกคาม
“ช่วยด้วยค่ะ ชวยด้วย!!?”
แคสเตอร์เงยใบหน้าจากกล้องถ่ายรูปที่เขาเผลอหยิบติดมือลงมาด้วย ขณะที่กดสไลด์เช็คภาพที่ถ่ายไว้ตามความพอใจ ยามที่เห็นวิถีชีวิตของคนกลางคืนที่ต่างแข็งขันทำมาหากินเลี้ยงชีพ โดยการขายอาหารการกินเต็มสองข้างทาง คิ้วเข้มๆ ขมวดแน่น มองกลุ่มคนที่เยื้อยุดผู้หญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มอย่างไม่เข้าใจ!!? ทันทีที่ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แคสเตอร์รีบเก็บกล้องถ่ายรูปลงกระเป๋าเป้ ถลันตัวออกวิ่งเข้าไปช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ
“เฮ้ย!!? …หยุด...ผู้หญิงเขาไม่เต็มใจ ก็ปล่อยเขาไปเถอะน่า…”
เสียงทรงพลังแม้จะไม่ชัดเจน เพราะภาษาไม่คุ้นเคยเท่าที่ควร ทำให้ชายหนุ่มทั้งกลุ่มพร้อมใจกันหยุดและหันกลับมามองเป็นตาเดียว
“ฮ่าๆ …เห้ย! ไอ้ตี๋นี่อยากเป็นพระเอกเว้ยเห้ย! จัดให้มันหน่อยสิ”
หนุ่มผอมแห้งใบหน้าตอบๆ และดูเหมือนเขาจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม มันร้องสั่งเสียงลำพองใจเมื่อมีคนจำนวนมากกว่า แคสเตอร์ร่างกายกำยำสมส่วนแต่...มีแค่คนเดียว!!
ชายหนุ่มตั้งหลักมั่น เขารอรับการจู่โจมด้วยความระมัดระวัง ดวงตายาวรีหรี่ลง และจับตามองอากัปกิริยาฝ่ายตรงข้ามเพื่อประเมินฝีมืออีกฝ่าย
“ไปตามคนมาช่วยไป!! …ผมคนเดียวคงรับมือไมไหวหรอก”
แคสเตอร์ร้องบอกหญิงสาวเมื่อมองเห็นว่าคนที่เขาเข้ามาช่วยเหลือเป็นใคร?
รัชนิชลมุดรอดฝ่าวงล้อมออกไปจนได้ เมื่อชายหนุ่มทุกคนหันไปตีวงล้อมหนุ่มรูปหล่อที่เข้ามาใหม่ จึงหมดความสนใจหญิงสาวเพียงคนเดียวไปโดยปริยาย เธอพะว้าพะวังเป็นห่วงตัวเองและชายหนุ่ม แต่เมื่อเหตุการณ์มันคับขันและอาจจะเลวร้ายมากขึ้นกว่านี้ จึงจำต้องรีบออกวิ่งไปหาคนมาช่วย เมื่อคนกลุ่มใหญ่กำลังลงมือทำร้ายชายหนุ่มเพียงคนเดียวอย่างไม่นึกละอาย
“ช่วยด้วย!!? ช่วยด้วยค่ะ มีวัยรุ่นกำลังรุมทำร้ายพลเมืองดี อยู่ทางด้านนู้นค่ะ”
รัชนิชลตะโกนลั่น เมื่อมาถึงป้อมรปภ.ด้านหน้าโรงแรม เธอยืนหอบแฮกๆ เมื่อออกวิ่งมาจนเหนื่อยแทบขาดใจ
“ทางไหนครับคุณ!!?”
รปภ.ใจดีรีบคว้าอุปกรณ์ป้องกันตัวเต็มสองมือ ทั้งตะบองอันใหญ่อาวุธคู่กายและไฟฉายแรงสูง ฉวยหยิบออกมาจากป้อมได้ก็รีบชักชวนเพื่อนร่วมงาน ออกไปช่วยเหลือลูกค้าของโรงแรมด้วยความเต็มใจ รัชนิชลชี้บอกตำแหน่งสถานที่ให้แล้วจึงวิ่งเหยาะๆ ตามมาทีหลังเพื่อดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะกำลังเป็นห่วงเพื่อนร่วมงานหนุ่มหล่อ
“เฮ้ย! หยุดนะเว้ย ล้อมจับมันส่งตำรวจให้ได้นะ มาก่อกวนหลายครั้งแล้วไอ้พวกนี้ ไอ้แก๊งป่วนเมืองแก๊งนี้น่ะ”
เสียงตะโกนของ รปภ. ดังลั่น ทำให้แก๊งวัยรุ่นแตกกระจาย เสียงวิ่งตุ๊บตั๊บชุลมุนกับเสียงโหวกเหวกโวยวายของกลุ่มคนทั้งหมดและเสียงสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ดังขรม คนทั้งฝูงแตกกระจายหนีความผิดกันอลหม่าน รัชนิชลหยุดดูอยู่ห่างๆ ก่อนจะวิ่งหน้าตั้งเข้าไปเมื่อเห็นร่างใหญ่โตของแคลเตอร์ ชางนอนอยู่บนพื้นคอนกรีต
“คุณเป็นอะไรมากไหมคะ!? …”
เธอประคองร่างใหญ่โตของตากล้องมือดีขึ้นมาจากพื้น พร้อมทั้งเอ่ยซักถามอย่างเป็นห่วง เมื่อมองเห็นมีหยดเลือดไหลซึมออกมาทางมุมปากหนาหยักของชายหนุ่ม