ไอ้คนใจดำอำมหิต !
ชดช้อยใจเต้นระรัว บวกจำนวนเหยื่ออยู่ในใจ ใครจะไปจำได้วะ รู้แค่ว่าทำจนมีเงินเก็บในบัญชีหกหลักก็แค่นั้นแหละ ก่อนที่เธอจะได้ถามอะไร มันก็ชิงพูดต่อ
“ มันจะเป็นยังไงน้าถ้าคุณติดอยู่ในคุก แล้วปล่อยแม่กับน้องเผชิญชะตากรรมกันเพียงลำพัง ”
ชดช้อยหัวใจกระตุกวูบ ไอ้บ้า อย่าเอาจุดอ่อนฉันมาล้อเล่นเชียว น้องกับแม่สำคัญกว่าอะไรใด ๆ ในโลก
“ คุณต้องการอะไร บอกมาตรง ๆ ”
เป็นครั้งแรกที่มันหันหน้ามาหาเธอตรง ๆ แต่ก็ยังเห็นอะไรไม่ชัดนัก เพราะหนวดเคราที่รกครึ้มล้อมกรอบใบหน้ายาว หมวกแก๊บก็ถูกดึงลงมาปิดจนถึงคิ้ว
“ ผมอยากให้คุณร่วมมือกับเรา เป็นนางนกต่อเข้าไปสืบในกิจการอาบอบนวดของเสี่ยวิชิต เสี่ยเจ้าของคาสิโนและอาบอบนวดรายใหญ่ เพราะทางเราสงสัยว่าจะแอบแฝงกระบวนการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะเด็กต่ำกว่าสิบแปดปี ถ้าคุณยอม คดีที่คุณก่อมาทั้งหมดจะถูกจำหน่ายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ”
“ อะไรนะ เสี่ยวิชิตเนี่ยนะ แกเป็นมาเฟียชื่อดังเลยนะ ถ้าแกรู้ว่าฉันเป็นสายสืบให้ตำรวจ ฉันตายแน่ ๆ แล้วฉันก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน ”
“ ก็แล้วแต่คุณ มีสองทางเลือก หนึ่งโดนคดีรูดทรัพย์ซึ่งโดนแน่ ๆ อยู่แล้วเพราะผมมีหลักฐานเพียบ หลายรายด้วย สอง ยอมเข้าไปสืบคดีให้กับทางเจ้าหน้า แล้วคดีที่คุณก่อก็จะสลายหายไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ”
“ ทางไหนก็มีแต่แย่กับตายรออยู่ ”
“ ถ้าคุณร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ คุณกับเพื่อนจะไม่มีวันเดินลำพัง เราจะคอยช่วยเหลือคุณตลอด ขอเพียงคุณได้ข้อมูลเพื่อเอาผิดคนชั่ว แค่นั้นเกมส์ก็จบ คุณขาวสะอาด แถมยังได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ช่วยเหลือบ้านเมืองด้วย ”
“ ขาวสะอาด ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และบ้านเมือง เป็นพลเมืองดี เป็นคนดีของสังคม มันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่ฉันต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงกับมาเฟีย ไม่รู้จะมีโอกาสออกมาหรือเปล่า พวกมาเฟียมันโหดจะตาย ฉันเคยดูในละครถ้ามันจับฉันได้ละก็ต้องตายอย่างทุกข์ทรมานแน่ แล้วไหนจะแม่กับน้องฉันอีก มันจะทำร้ายพวกเขาหรือเปล่าไม่รู้ ”
เธอพูดพลางเหม่อมองไปเบื้องหน้า ทำนองเพลงโหยหาความรักความเมตตาลอยมาเข้าหู น้ำตายิ่งรื้นขอบตา
“ ตกลงยังไง ” เขาถามโดยไม่สนสี่สนแปดที่เธอพล่ามออกไปแม้แต่นิดเดียว ไอ้คนใจดำอำมหิต !
“ เอาก็เอา ”
“ โอเค ก็แค่นั้น จะได้จบ ” เขาล้วงลูกกุญแจดอกจิ๋วในกระเป๋าแล้วนำไปไขกุญแจมือให้
“ พรุ่งนี้สี่โมงเย็น ผมจะไปรอคุณกับหวานใจเพื่อนของคุณที่ร้านกาแฟนอทสลีพ ขอให้มาตรงเวลาด้วย ลงไปได้แล้ว ”
โอ้โฮ ยังไม่ทันได้ลงมือเลย เริ่มงานก็ออกคำสั่งแล้ว ไอ้โรคจิตเอ๊ย ชดช้อยได้แต่ก่นด่าอยู่ในใจคนเดียว เธอรีบเปิดประตูลงจากรถ แล้วมันก็เคลื่อนจากไปอย่างรวดเร็ว หญิงสาวบ่นอุบอิบ
“ เวรกรรมอะไรของอีช้อยวะเนี่ย แม่งเอ๊ย ซวยจริง ๆ ไอ้หมูหื่นเสือกมาเป็นลุงอีตาสารวัตรสารแว้ดบ้าบออะไรนี่ ตัดช่องทางทำมาหากินกูอีก แถมชีวิตยังแขวนอยู่บนเส้นด้าย ” เธอบ่นไปก็ล้วงหาโทรศัพท์มือถือเพื่อกดหาเพื่อนรัก
“ หวาน มารับกูหน่อย ... เออ ... มีเรื่องว่ะ ต้องเล่ายาว เดี๋ยวค่อยคุยกัน ”
***
บ่ายสามสี่สิบของวันรุ่งขึ้น
หลังจากเลิกเรียน ชดช้อยและหวานใจก็ซิ่งมอเตอร์ไซค์ไปยังสถานที่นัดหมาย ที่มัน เอ๊ย สารวัตรหนุ่มคนนั้นนัดพวกเธอ ใช้เวลาประมาณสิบนาทีก็มาถึงที่นัดหมาย เธอสองคนเดินตัวลีบเข้าไปด้านในด้วยใจประหม่า ไม่รู้จะต้องเจออะไร จะต้องทำอะไรบ้าง สายตาก็สอดส่ายมองหาผู้นัดหมาย
“ เขานั่งตรงไหนวะช้อย ” หวานใจถามเสียงสั่น
“ กูจะไปรู้เหรอ ”
“ เอ้า มึงเคยเจอเขาแล้วเมื่อวาน จำไม่ได้หรือไง ”
“ โว๊ะ ใครจะไปจำได้ ไม่กล้ามองหน้า ถือปืนจ่อกูอยู่ยิก ๆ จำได้แค่ตัวใหญ่ ๆ ใส่หมวกแก๊บดึงลงมาปิดตา มีหนวดเคราเหมือนโจร ”
“ มันเป็นตำรวจแน่เหรอวะ แถมมึงบอกเป็นสารวัตรด้วย สารวัตรอะไรจะสารรูปแบบนั้นวะ ”
“ เออ มันบอกมันเป็นสืบสวนอะไรนี่ละ ”
ก่อนที่จะถกเถียงกันไปมากกว่านี้ พลันก็มีมืออุ่น ๆ วางบนบ่าของสองสาว ก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยเบา ๆ