บทที่ 8
ท่านผู้นำหมู่บ้านก็รับไว้อย่างเต็มใจ แต่ก่อนที่ต้าหลางจะกลับเขาได้สอบถามเรื่องหาคนสร้างเรือนหลังใหม่ ผู้นำหมู่บ้านก็รับปากว่าจะจัดหาคนให้อย่างเต้มที่ เพราะบุตรชายคนโตของเขารับสร้างเรือนอยู่ ในช่วงนี้ก็ยังว่างพอดีจึงเริ่มสร้างเรือนให้ต้าหลางได้เลย
ต้าหลางเมื่อเสร็จเรื่องที่บ้านท่านผู้นำหมู่บ้านเขาก็ตรงกลับเรือนเพื่อนำเรื่องไปแจ้งให้สองแม่ลูกได้รับรู้ ทั้งสามเดินไปดูที่ดินที่ต้าหลางได้ทำการซื้อไว้เรียบร้อยแล้ว
ซูมี่มองที่สองร้อยหมู่แล้วถอนหายใจ ที่มากเพียงนี้คงต้องหาคนเพิ่มเสียแล้ว
"ท่านพ่อ ท่านแม่ สร้างเรือนตรงนี้ดีหรือไม่เจ้าคะ" ซูมี่ต้องการสร้างเรือนให้อยู่ไม่ห่างจากแม่น้ำมากนัก เพราะนางอยากดึงน้ำเข้ามาใช้ที่เรือนโดยไม่ต้องเดินไปหาบน้ำอีกแล้ว
ต้าหลางเมื่อมองไปทิศที่บุตรสาวชี้ก็หยุดนิ่งคิด เพราะใกล้แม่น้ำมากไปก็ไม่ดี ช่วงน้ำมากอาจจะท่วมมาถึงเรือนได้ เมื่อได้ฟังและคิดตามที่บิดาพูดก็เห็นจะเป็นจริง เพราะตอนที่นางยังเล็กก็เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอยู่
เรือนหลังใหม่จึงถูกสร้างด้านหน้าของที่ดิน ด้านหลังก็ปลูกข้าว ผัก ผลไม้ และสมุนไพรแทน จางกุ้ยที่นางไม่ได้แสดงความคิดเห็นเพราะยังตกตะลึงกับจำนวนเงินที่ได้จากการขายโสมอยู่ แล้วยิ่งรู้ว่าต้าหลางซื้อที่ดินไปถึงร้อยยี่สิบตำลึงทอง นางก็ยิ่งอยากจะเป็นลม
วันรุ่งขึ้นเมื่อบุตรชายคนโตของผู้นำหมู่บ้าน ฉินโกว มาที่เรือนตระกูลซู เรื่องที่ต้าหลางซื้อที่ดินผืนใหญ่และกำลังจะสร้างเรือนหลังใหม่ก็รับรู้ไปทั่วหมู่บ้าน
ชิงฉางที่กลับมาจากสำนักศึกษาเมื่อทราบเรื่องเขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เพียงไม่กี่วันตระกูลซูจะโชคดีพบสมุนไพรราคาสูงจนสามารถมีเงินเป็นกอบเป็นกำเช่นนี้ได้
"หากอาฉางยังเป็นคู่หมั้นของมี่เออร์อยู่ก็คงสบายไปแล้ว" ชาวบ้านพูดกับชิงฉางก่อนจะเดินไปดูคนงานที่กำลังขนของเขามาในพื้นที่ของต้าหลาง
ชิงฉางกลับเรือนด้วยใบหน้าหมองคล้ำ เพราะความลำบากที่เขาได้รับจนต้องพึ่งพาตระกูลซูมาหลายปี ทำให้ชาวบ้านคิดมาโดยตลอดว่าเขาโชคดีมากเพียงใด แต่สำหรับเขายิ่งชาวบ้านพูดกันมากเพียงใด เขาก็ยิ่งรู้สึกแย่เท่านั้น เหมือนเป็นการตอกย้ำว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์
ต่อให้ซูมี่นางจะมีเงินทองขึ้นมามากเพียงใดก็เป็นเพียงลูกชาวนา ในเมื่อเขาเป็นถึงซิ่วไฉและในอนาคตเขาก็จะได้เป็นขุนนาง ทำไมต้องมีภรรยาที่มีฐานะเช่นนี้ด้วย แม้แต่ถิงถิงที่เป็นเพียงลูกอนุของพ่อค้าต่อให้มีเงินช่วยเหลือเขา แต่ต่อไปก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะแต่งนางเป็นฮูหยินหรือไม่
ชิงฉางไม่แม้แต่จะจุดเทียนในเรือน เขานั่งเงียบๆและจมอยู่ในความคิดกับความมืด เพราะความรู้ของเขาที่มีมากจึงทำให้มองคนในหมู่บ้านเป็นเพียงมดปลวกเท่านั้น อีกเพียงสองปีเขาก็จะเดินทางไปสอบจวี่เหริน เมื่อสอบผ่านเขาจะได้เข้าเมืองหลวง
และเรื่องภายในหมู่บ้านก็จะเป็นเพียงเรื่องราวในหนหลังเท่านั้น ไม่มีสิ่งใดให้ควรค่าแก่การนึกถึง เมื่อคิดได้ตกแล้วชิงฉางก็จุดเทียนเริ่มทบทวนตำราอีกครั้ง
ทางด้านของซูมี่เรือนหลังใหม่ก็เริ่มถูกสร้างขึ้นตามแบบที่นางได้มอบให้ฉินโกว เรือนของนางเป็นเรือนสี่ประสาน ที่เรือนหลักมีถึงห้าห้องนอน นางยังให้สร้างห้องน้ำในห้องนอนไว้ทุกห้องและด้านนอกอีกด้วย
เรือนด้านข้างทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ภายในเรือนมีสามห้องนอน และหนึ่งห้องโถง ด้านหลังยังมีห้องพักคนงานที่ถูกให้สร้างอีกนับสิบห้อง
ฉินโกวเมื่อเห็นแบบก็อ้าปากค้าง แบบที่ได้มาไม่ได้แตกต่างจากเรือนของขุนนางในเมืองมากนัก แต่ความใหญ่โตจะเรียกเรือนมิได้แล้ว มันคือจวนในหมู่บ้านเสียมากกว่า
จำนวนคนงานที่ใช้ในการสร้างก็ต้องหามาเพิ่ม ต้าหลางจึงบอกให้จ้างคนในหมู่บ้านที่อยากหารายได้ โดยยังให้ภรรยาของฉินโกวหาคนมาทำอาหารเลี้ยงคนงานที่มาทำงานด้วย
นางจางกุ้ยก็มิได้หวงข้าวสาร แป้งหรือเนื้อ ตอนที่ภรรยาฉินโกว ท่านป้าฝูมาช่วยทำอาหารต่างก็เบิกตากว้างอย่างตกตะลึงเมื่อเห็นเนื้อและผักสดมาก
"พวกท่านใช้ได้เต็มที่เลยเจ้าค่ะ" จางกุ้ยยิ้มแล้วพูดขึ้น
เมื่อชาวบ้านที่เหลือรู้ว่าตระกูลซูเรื่องอาหารคนงานอย่างใจกว้างก็อยากจะมาทำงานที่เรือนของพวกเขา ซูมี่จึงเสนอความคิดให้ชาวบ้านมาช่วยกันถากถางพื้นที่ที่รกร้าง แล้วกำจัดหินออก โดยให้ค่าแรงวันละสามสิบอิแปะ ข้าวหนึ่งมื้อ แต่หากพบเห็นใครที่กินแรงคนอื่นวันต่อไปก็ไม่ให้มาทำแล้ว
ค่าแรงที่ได้รับเท่ากับไปทำงานในเมืองแถมยังมีข้าวที่มีเนื้อให้กินใครบ้างจะไม่อยากทำ ชาวบ้านจึงเดินมาที่ที่ดินเพื่อขอทำงาน ในวันแรกต้าหลางก็รับทุกคน แต่พอตอนที่จ่ายเงินคนที่ไม่ตั้งใจทำงานต้าหลางก็บอกว่าพรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำแล้ว
นับจากวันนั้นชาวบ้านก็ตั้งใจทำงานกันมากขึ้น อาหารที่เลี้ยงทุกวันปริมาณก็ไม่ได้น้อยลง ต้าหลางออกไปซื้อที่เมืองอยู่ทุกวันนั้นคือสิ่งที่ชาวบ้านเห็น แต่ความจริงเขาเข้าเมืองไปในวันแรกเพื่อซื้อรถม้ากับซูมี่เท่านั้น
ระหว่างทางก็ให้ซูมี่นางนำของออกมาจากมิติใส่ไว้ในรถม้า หลังๆต้าหลางกับซูมี่จะเข้าเมืองทุกสามวันแทน แต่พวกเขาก็ไปจอดรถม้าอยู่ในป่าบดบังสายตาของคนที่ผ่านไปผ่านมาแล้วนำของออกมาแทน
เพียงสองเดือนเรือนหลักก็เสร็จเรียบร้อย ต้าหลางจึงเริ่มขนของเขามาไว้ภายในบ้าน ของที่ซูมี่นางเคยนำออกมาจากมิติก็เก็บเข้าไปก่อน ชาวบ้านที่ไปช่วยขนจึงไม่ได้เห็นสิ่งของที่แปลกตา