บทที่ 7
ต้าหลางนำออกมาเพียงสามหัวเท่านั้นมิได้นำออกไปขายมาก เพราะเขาอยากจะนำเงินไปสร้างเรือนหลังใหม่ หากจะนำของในมิติออกไปก็ต้องหลบสายตาของชาวบ้าน จึงอยากให้มีกำแพงเรือนที่สูงขึ้น และบ้านที่แข็งแรงเพื่อให้ผ่านหน้าหนาวไปได้
ซูมี่นางรู้สึกหิวจึงชวนบิดามารดาออกจากมิติเพื่อไปทำอาหารที่เรือน ซูมี่ที่เห็นมารดาหอบของอยู่ในอ้อมแขนมากมายก็ส่ายหัว ก่อนที่จะพาทั้งสองออกไป ต้าหลางกับจางกุ้ยก็ยังเอ่ยลาและบอกจะเข้ามาหาเป่าเปาบ่อยๆอีกด้วย
เมื่อออกมาด้านนอกแล้ว เวลาที่ผ่านไปเหมือนพวกเขาเข้าไปได้ไม่นาน ต้าหลางกับจางกุ้ยที่คิดว่าออกมาฟ้าจะมืดเสียแล้วต่างก็แปลกใจ
"ท่านแม่ข้าหิวแล้วเจ้าค่ะ" เมื่อได้ยินสิ่งที่ซูมี่พูด นางจางกุ้ยก็รีบร้อนหอบของเข้าครัวไปก่อนจะรีบลงมือเร่งทำอาหารอย่างรวดเร็ว
ทั้งสามนั่งกินข้าวอย่างรวดเร็ว เมื่อมีเครื่องปรุงที่มากกว่าเดิมอาหารที่ทำออกมาจึงมีรสชาติที่หน่อยกว่าในทุกวัน กับข้าวที่มากมายบนโต๊ะทั้งสามก็กินเสียหมดเรียบ
ชิงฉางที่อ่านหนังสืออยู่ในเรือน เพราะเรือนของเขาอยู่ติดกับตระกูลซูย่อมต้องได้กลิ่นอาหารที่ลอยมาถึงเรือนของเขา ชิงฉางต้องปิดตำราลงเพราะอ่านไม่รู้เรื่อง และเขาก็เดินไปดื่มน้ำเสียมากมายก่อนจะดับไฟเพื่อเข้านอนทันที
ชิงฉางเมื่อล้มตัวนอนลงบนเตียงก็คิดถึงเมื่อก่อนที่ซูมี่นางนำของมาให้ตนทุกวัน ต่อให้หวนคิดเสียดายในตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว หากเป็นเมื่อก่อนตนคงได้กินอาหารพวกนั้นก่อนคนในตะกูลซูเสียอีก
เมื่อถึงเวลาที่จะเข้านอน ซูมี่เดินไปที่ห้องของบิดามารดานางนำที่นอน หมอนและผ้าห่มชุดใหม่ออกมาให้บิดามารดาได้ใช้ ต้าหลางที่ลองขึ้นไปนนั่งบนเตียงก็ชื่นชอบ หมอนที่บุตรสาวนำมาให้ใช้ก็แสนจะนุ่มสบาย ผ้าห่มก็ผืนหนาใหญ่ช่วยให้พวกเขาคลายหนาวได้อย่างดี
ซูมี่นางก็นำออกมาใช้ในห้องของนางเช่นกัน คืนนั้นคนในเรือนตระกูลซูต่างก็พากันนอนหลับอย่างสุขใจ ผิดกับเรือนข้างเคียงที่นอนไปท้องร้องไป
"ต้าหลาง เมื่อคืนเรือนเจ้าทำอันใดกิน" ลุงเผ่ยตะโกนถามเมื่อเห็นต้าหลางสะพายตะกร้าเพื่อเข้าเมือง
"ก็เหมือนกับเรือนอื่นนั่นแหละ แต่พวกข้าทำงานกันกว่าจะได้เข้าครัวก็มืดเสียแล้ว" ต้าหลางโบกมือให้ลุงเผ่ยก่อนจะเดินไปขึ้นเกวียนที่หน้าหมู่บ้าน
ภายในเกวียนก็มีชิงฉางที่นั่งอยู่ด้วย เพราะเขาต้องเข้าเมืองเพื่อไปสำนักศึกษา ต้าหลางไม่ได้เอ่ยทักหรือมองไปที่เขาเลย คนในเกวียนที่อยู่ใกล้เรือนต้าหลางก็พากันเอ่ยถามต้าหลางเช่นเดียวกับที่ลุงเผ่ยถาม
กว่าจะถึงประตูเมือง ต้าหลางก็ต้องหาเรื่องอื่นมาพูดเพื่อให้ชาวบ้านเลิกสนใจเรื่องอาหารในเรือนของตน พอถึงประตูเมืองต้าหลางก็รีบไปร้านยาเพื่อขายสมุนไพรทันที
เมื่อเสี่ยวเอ้อหน้าร้านเห็นต้าหลางก็รู้ว่าเขาต้องนำสมุนไพรมาขายก็เดินออกมาพูดคุยเช่นปกติ เมื่อต้าหลางเปิดผ้าที่ห่อโสมออก เสี่ยวเอ้อก็รีบไปตามหลงจู๊มาโสมของต้าหลางทันที
"ต้าหลางเจ้าไปได้ของดีเช่นนี้มาได้อย่างไร" หลงจู๊ลูบโสมหัวใหญ่ตรงหน้าอย่างชื่นชม แม้จะมีอายุเพียงห้าสิบปี แต่หัวโสมก็อวบใหญ่กว่าที่เขาเคยเห็นมากนัก
"บนเขาขอรับ" ต้าหลางเตรียมคำตอบมาแล้ว เพราะซูมี่บอกว่าหลงจู๊ที่ร้านต้องถามบิดาแน่นอน
"ตามข้ามา" หลงจู๊ที่ชื่นชมจนพอใจแล้วก็เดินนำต้าหลางไปที่ด้านหลัง เพื่อพูดคุยเรื่องราคากับท่านหมอ
"ไหนข้าขอดูโสมของเจ้าหน่อย" ท่านหมอเมื่อเดินเข้ามาภายในห้องรับรองก็เอ่ยบอกให้ต้าหลางนำโสมออกมาให้เขาดู
"โสมห้าสิบปี" ท่านหมอเอ่ยอย่างไม่อยากเชื่อ เพราะโสมที่มีขนาดหัวใหญ่เพียงนี้น่าจะมีอายุมากกว่าห้าสิบปี หากบอกว่าสามร้อยปีตนก็เชื่อ
"ข้าให้เจ้าหัวละ ห้าร้อยตำลึงทอง เจ้ามีกี่หัว" ท่านหมอพิจารณาโสมแล้วเอ่ยขึ้นอย่างใจกว้าง
ต้าหลางที่ได้ยินจำนวนเงินก็มือไม้สั่นแทบจะหยิบโสมอีกสองหัวออกมาไม่ได้ เมื่อส่งโสมทั้งสามหัวให้กับท่านหมอแล้ว หลงจู๊ก็รีบไปนำตั๋วเงิน หนึ่งพันห้าร้อยตำลึงมาให้ต้าหลาง
เพราะหลงจู๊ที่คุ้นเคยกับต้าหลางเป็นอย่างดี เขาจึงจัดการเรื่องเงินให้ต้าหลางโดยมีทั้งตำลึงเงิน ตั๋วเงินห้าสิบตำลึงเงิน ไปจนถึงหนึ่งร้อยตำลึงทอง เพื่อให้ต้าหลางสะดวกนำไปใช้
ต้าหลางส่งเงินให้หลงจู๊กับเสี่ยวเอ้อคนละหนึ่งตำลึงทองอย่างใจกว้าง และขอให้เก็บเรื่องที่ตนนำโสมมาขายเป็นความลับ ทั้งคู่ก็รับปากอย่างดี ก่อนที่ต้าหลางจะออกจากร้านไป
เมื่อกลับถึงหมู่บ้าน ต้าหลางเดินไปที่เรือนของผู้นำหมู่บ้านเพื่อติดต่อขอซื้อที่ดิน เขาก็บอกถึงที่มาของเงินว่าเขาพบสมุนไพรที่ราคาดีบนภูเขาจนได้เงินมาซื้อที่และต้องการจะสร้างเรือนหลังใหม่
ก่อนที่เขาจะออกไปขายโสมได้พูดคุยกับจางกุ้ยและซูมี่แล้วว่าจะซื้อที่เท่าใด ต้าหลางจึงบอกความต้องการให้หัวหน้าหมู่บ้านว่าเขาอยากได้ที่ดินที่เหลือทั้งหมดที่ยาวไปถึงภูเขา แม่น้ำท้ายหมู่บ้าน
ผู้นำหมู่บ้านฉินได้ยินก็ตกใจ เพราะถ้าทั้งหมดเป็นที่เกือบสองร้อยหมู่ (1หมู่=666ตารางเมตร)
"เจ้าจะซื้อทั้งหมดจริงหรือต้าหลาง" เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ
"จริงขอรับท่านลุงฉิน ข้าจะปลูกผัก สมุนไพรเพื่อหาเลี้ยงชีพขอรับ" ผู้นำหมู่บ้านฉินเมื่อได้ยินก็เข้าใจ เขาจึงได้นำแผนที่ของทางการออกมาชี้ให้ต้าหลางได้ดู
"ที่แปลงนั้นไม่มีใครอยากได้ ราคาจึงนับว่ายังไม่แพงนัก หมู่ละหกตำลึงเงิน" (10ตำลึง=1ตำลึงทอง)
ต้าหลางส่งเงินให้ผู้นำหมู่บ้านฉิน หนึ่งร้อยยี่สิบตำลึงทอง ก่อนจะส่งค่าน้ำชาให้ท่านผู้นำหมู่บ้านฉินอีกห้าตำลึงเงินเป็นค่าดำเนินการ