ตอนที่1(เวียงพิงค์)
บ้านหลังน้อยของเวียงพิงค์
เวียงพิงค์ หนูผิง....
“อีผิง!แกรีดเสื้อฉันยังไงเนี่ย แกเอาลูกกะตามองรึเปล่า!!!”เสียงของพี่แพรวาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจฉันเป็นอย่างมาก ฉันที่กำลังนั่งซักผ้าอยู่ต้องรีบล้างมืออย่างไวและรีบลุกขึ้นยืนวิ่งเข้าไปหาเธออย่างไว
“พี่แพรมีอะไรรึเปล่าคะ?” ฉันรีบเข้าไปยืนและก้มหัวถามเธอ ในมือของพี่แพรวามีเสื้อนักศึกษาสีขาวตัวเล็กของเธออยู่ที่เสื้อมีรอยไหม้สีนำ้ตาล ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีรอยไหม้บนเสื้อของเธอได้ยังไงกัน
“หึ ยังจะมีหน้ามาถามฉันอีกเรอะ แกนี้มันโง่ อีโง่ๆๆๆๆๆๆๆๆ” พี่แพรวาว่าฉันพลางจิ้มนิ้วมือของเธอลงมาบนหน้าผากของฉันอย่างแรงและหลายที จนฉันรู้สึกเจ็บขึ้นมา
“ผิงไม่ได้รีดเสื้อพี่แพรไหม้นะคะ ผิงไม่ได้ทำ” ฉันทรุดตัวนั่งลงกับพื้นพลางยกมือไหว้พูดบอกเธอว่าฉันไม่ได้เป็นคนทำ
“ถ้าแกไม่ทำ แล้วใครจะทำ ฉันเป็นคนทำเองอย่างนั้นเหรอ!!!” เสียงพี่เเพรวาตะโกนลั่นบ้านทำให้ฉันตัวสั่นเทาด้วยความกลัวน้ำตาเอ่อคลอเตรียมพร้อมที่จะไหลรินออกมา
“มีอะไรเหรอจ๊ะลูกแพร?” เสียงคุณน้าพราวมณีพูดขึ้นข้างหลังพี่แพรวา ฉันรีบก้มหน้าหลบสายตาคุณน้าพราวมณีทันทีอย่างหวาดกลัว
“ก็นังผิงน่ะสิคะ มันทำเสื้อแพรไหม้ แล้วทีนี้แพรจะทำยังไงล่ะค่ะ แม่เอาเงินมาให้แพรเลย แพรจะไปซื้อชุดนักศึกษาใหม่!” พี่แพรวาหันไปบอกคุณน้าพราวมณีพลางแบมือขอเงินแม่ของเธอ คุณน้าพราวมณีก็มองมาที่ฉันทันทีด้วยสายตาดุดันน่ากลัวฉันรีบก้มหน้าลงหลบสายตาของเธอตัวสั่นเทาด้วยความกลัว
“อีผิง เงินค่าขนมเมื่อวานที่แกเอาไปขายน่ะอยู่ไหน!!” คุณน้าพราวมณีพูดขึ้น รีบทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเธอทันที เงินค่าขนมที่เธอพูดถึงคือเงินที่ฉันขายขนมตาลที่ฉันเป็นคนทำเองเพราะฉันไปขอวิธีทำจากคุณยายข้างบ้านมาและฉันก็นำมาทำขายเองและเงินนั้นฉันก็จะเอาไปเป็นค่าสมัครเรียนนะ
“เงินนั้นผิงจะเอาไปเป็นค่าสมัครเรียนนะคะคุณน้า” ฉันเอ่ยบอกคุณน้าพราวมณีไปเธอก็มองฉันด้วยสายตาไม่พอใจ
“แกจะเอาไปเรียนทำไม โง่ๆๆแบบแกน่ะไปอยู่ในซ่องโน้น ไปนอนขายตัวน่าจะดีกว่านะ!!” คุณน้าพราวมณีเดินเข้ามาหาฉันพลางเอ่ยบอกฉันด้วยนำ้เสียงเสียงดัง ฉันรีบยกมือขึ้นไหว้เธอทันทีด้วยความกลัว
“คุณน้าคะ แต่ผิงอยากเรียนจริงๆนะคะ” ฉันพนมมือไหว้เธอ เธอก็มองฉันด้วยสายตาดูถูกและเกลียดชังที่จริงเธอเป็นน้องสาวของแม่ฉันเอง แม่ของฉันท่านล้มป่วยเเละเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน คุณน้าพราวมณีเลยย้ายเข้าอยู่ที่บ้านหลังนี้บ้านของคุณแม่ฉันและเธอก็ได้เสียกับคุณพ่อของฉันและคุณพ่อของฉันก็ยกย่องคุณน้าแท้ๆของฉันมาเป็นภรรยาคนที่สองแทนคุณแม่ของฉัน
“ไม่ต้องเรียนหรอกแกน่ะ เอาเวลาไปนึ่งขนมขายโน่นไป!!” พี่เเพรวาเอ่ยบอกฉันพลางเดินเข้ามากระชากผมฉันอย่างแรง
“พี่แพรผิงเจ็บ อึก” ฉันร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บพลางยื่นมือขึ้นไปจับมือของพี่เเพรวาให้เธอเอามือออกไปจากผมฉัน
“อี๋ๆๆๆ แกเอามือสกปรกมาจับมือฉันทำไม!!!” พี่แพรวาโวยวายขึ้นพลางผลักศีรษะของฉันอย่างแรงจนทำให้ศีรษะของฉันกระแทกกับต้นเสากลางบ้านอย่างแรง
โป๊ก
“พี่แพร” ฉันเอ่ยเรียกชื่อพี่แพรวาทันทีที่เอามือไปจับที่ศีรษะของฉันที่ตอนนี้มีเลือดออกซึมๆแล้ว
“เอ้า มานั่งเรียกฉันอยู่ได้ แกก็ไปทำแผลสิ มานั่งทำหน้าโง่อยู่ได้ อีโง่!!!” พี่แพรวาหันมาว่าฉันพลางเดินจับแขนคุณน้าพราวมณีเดินกลับเข้าไปในบ้าน ฉันเมื่อเห็นว่าเธอสองคนนั้นเดินไปแล้วก็ร้องไห้ออกมาทันที
“แม่จ๋า หนูผิงคิดถึงแม่พอใจจัง แม่จ๋าอึก” ฉันเรียกร้องหาแม่พอใจและเอามือไปกุมศีรษะตัวเองด้วยความเจ็บและสายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นนาฬิกาเรือนเก่าที่แขวนอยู่บนผนังบ้านก็ต้องตกใจ เกือบเลยเวลาแล้ว
“โอ้ย!เจ็บจัง” ฉันลุกขึ้นยืนและก็ต้องเจ็บจี๊ดที่ศีรษะข้างที่หัวที่กระแทกเสาบ้านไปนั้นดีนะไม่ได้ถึงกับแตกแค่ถลอกนะ ฉันรีบไปล้างแผลและรีบเอาพลาสเตอร์ยามาแปะลงไปที่หัวคิ้วทันที และรีบไปนำขนมตาลออกจากซึ้งนึ่งและจัดใส่ตะกร้าไม้เพื่อนำไปส่งให้คุณหญิงบ้านหลังใหญ่ที่อยู่หมู่บ้านถัดไปอย่างรีบร้อนเพราะสายมากแล้ว
“สายแล้ว” ฉันรีบถือตะกร้าที่เต็มไปด้วยขนมตาลหลายปุแล้วรีบใส่เกียร์หมาวิ่งอย่างไว
“เดี๋ยวก่อนเวียงพิงค์!” เสียงคุ้นหูเอ่ยเรียกฉัน ฉันรีบหันกลับไปทางต้นตอของเสียงก็พบกับพี่พลพี่ที่อยู่แถวๆนี้ ที่เขากำลังปั่นจักรยานตามหลังฉันมาอย่างไวที่จริงฉันยังไม่รู้จักบ้านของเขาด้วยซำ้เขาเองก็ไม่เคยบอกฉันว่าบ้านเขาอยู่ไหน
“มีอะไรคะพี่พล ผิงรีบ เดี๋ยวค่อยคุยกันนะคะ” ฉันหันไปตะโกนบอกพี่พลแต่ขายังไม่ได้หยุดวิ่ง
“ไปรถพี่สิ เดี๋ยวพี่ไปส่ง ขึ้นมาๆๆๆ” พี่พลปั่นจักรยานมาเสมอกับฉันและเอ่ยบอกฉัน
“ไม่ดีกว่าค่ะ เกรงใจพี่พล ผิงวิ่งไปอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว”
“มันจะอีกนิดเดียวได้ยังไงผิง อีกตั้งสองซอยก็ราวๆ สองกิโลเมตรเลยนะ!” พี่พลพูดขึ้นพลางรีบยื่นมือมาแย่งตะกร้าขนมไปจากมือฉัน นี้ฉันวิ่งช้าหรือเขาปั่นจักรยานไวกันนะ
“พี่พลคะ!” ฉันหยุดวิ่งและเรียกพี่พล ที่ตอนนี้เขาหยุดปั่นจักรยานแล้ว
“ไปเถอะครับ เดี๋ยวพี่ไปส่ง เดี๋ยวเราจะได้แวะไปตามคุณลุงนัยที่บ่อยด้วยไง” พี่พลบอกฉันนั้นยิ่งทำให้ฉันกระโดดขึ้นซ้อนท้ายพี่พลอย่างไว เพราะพ่อของฉันท่านไปเล่นการพนันอยู่ที่บ่อนในซอยบ้านคุณหญิงบ้านหลังใหญ่นั้นและที่สำคัญฉันอายุยังน้อยไม่สามารถเข้าไปตามพ่อในบ่อนได้ พี่พลที่มีอายุมากกว่าฉันเขาจึงอาสาไปตามพ่อฉันในบ่อนนั้นให้บ่อยๆ
“เกาะเอวพี่แน่นๆๆ พี่จะซิงแล้ว!!” พี่พลหันมาบอกฉันพลางรีบปั่นจักรยานลงเนินอย่างไวทำให้ฉันที่กลัวว่าจะตกจากจักรยานจึงรีบคว้าเอวจับพี่พลไว้ทันที พี่พลปั่นจักรยานไม่นานก็มาถึงหน้าบ้านหลังใหญ่
“เห้อ ถึงแล้ว” ฉันลงมาจากจักรยานด้วยความเหนื่อยหอบเพราะต้องลุ้นตลอดทางว่าจะตกจากจักรยานของพี่พลรึเปล่า
“กลัวขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” พี่พลถามฉัน ฉันจึงพยักหน้าให้เขาและรีบเดินไปกดกริ่งบ้านเพื่อรอให้คนในบ้านออกมาเอาขนมตาลนี้
แอ๊ดดด
“อ้อ หนูนี้เอง พรุ่งนี้เอาเหมือนเดิมอีกนะจ๊ะ คุณหญิงและท่านเจ้าสัวชอบมากเลย^_^” พี่ที่ทำงานเป็นแม่บ้านหลังนี้ออกมาเอาตะกร้าขนมตาลจากฉันทุกวันและเธอก็เป็นคนสั่งฉันให้เอามาส่งทุกวันที่นี้ทุกวันด้วย สงสัยคุณหญิงและท่านเจ้าสัวคงจะชอบขนมตาลของฉันจริงๆ คนสูงอายุสองคนอยู่บ้านหลังใหญ่เป็นสามีภรรยากันและนั่งกินขนมตาลของฉันคงจะมีความสุขหน้าดูนะ
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ^_^” ฉันยกมือไหว้เธอที่ส่งเงินแบงค์สีเทาน้ำตาลแบงค์พันมาให้ฉัน
“เอ๊ะ พี่คะ คือหนูไม่ได้นำเงินมาทอน ขอโทษนะคะพอจะมีเศษเงินที่พอดีกับค่าขนมไหมคะ”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ คุณหญิงท่านให้^_^”
“แต่ งั้นหนูจะทำขนมตาลมาให้ครบกับจำนวนเงินนี้นะคะ”
“จ๊ะ^-^”
“งั้นหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ^_^” ฉันยกมือไหว้เธอ เธอก็ยกมือรับไหว้ฉันและฉันก็รีบวิ่งกลับมาหาพี่พลที่นั่งคร่อมจักรยานรอฉันด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มฉันเอาเงินแบงค์พันใส่กระเป๋าตังค์เก็บทันที คุณหญิงบ้านนี้ใจดีจังเลย ฉันเคยเห็นท่านครั้งหนึ่งท่านอายุประมาณห้าหกสิบปลายๆได้แล้ว ส่วนท่านเจ้าสัวสามีของท่านฉันยังไม่เคยเห็นเลยน่าจะใจดีเหมือนคุณหญิงนั่นแหละ
“เก่งจังอายุแค่เนี่ยทำขนมขายเองได้ด้วย^_^”
“ก็ต้องเก่งสิคะ อยากเรียนหมอนี่น่า” ฉันพูดบอกพี่พลพลางนั่งคร่อมจักรยานพี่พล พี่พลก็ค่อยๆปั่นจักรยานไปตามทางเรื่อยๆ ซอยนี้มีแต่บ้านของคนรวยๆบ้านหลังใหญ่ๆโตๆสวยๆทั้งนั้นเลยซึ่งผิดกับซอยหมู่บ้านของฉันที่บางบ้านก็ทำจากป้ายขนาดใหญ่ที่ติดโฆษณาตามทางมาทำเป็นกำแพงบ้างหลังคาบ้านบ้างเพื่อนป้องกันฝน คนจนๆแบบฉันมีที่ให้ซุกหัวนอนในแต่ละคืนก็พอแล้ว
“บ้านพี่พลอยู่ซอยไหนเหรอคะ?” ฉันเอ่ยถามพี่พลไปด้วยความอยากรู้
“ซอยเดียวกับเรานั่นแหละ อยู่หลังสุดท้าย ท้ายหมู่บ้านโน่นไง” พี่พลชี้สะเปะสะปะไปทั่วเขาบอกฉันแบบนี้ประจำแหละ ฉันจึงย่นจมูกใส่เขาและชะเง้อคอมองไปทางบ่อนคาสิโนขนาดใหญ่ที่ถูกตั้งอยู่ท้ายสุดของซอยเศรษฐีนี้
“ผิงรอพี่อยู่ตรงนี้แหละเดี๋ยวพี่ไปตามคุณลุงนัยมาให้” พี่พลจอดจักรยานไว้ข้างป่ารกเหมือนเดิมและเอ่ยบอกฉันเหมือนเดิม
“ค่ะ รบกวนพี่พลอีกแล้ว” ฉันเอ่ยบอกเขาไปและจับแฮนด์จักรยานที่เขายื่นมาให้ฉันจับ และเขาก็ยิ้มให้ฉันและรีบวิ่งเข้าไปในบ่อนนั้น พี่พลเข้าออกได้อย่างสบายชายชุดดำสองคนหน้าบ่อนนั้นก็ก้มหัวให้เขาอย่างนอบน้อมฉันยืนรอพี่พลอยู่สักพักสายตาก็มองไปเรื่อยๆจนไปสบเข้ากับรถสปอร์ตคันสีดำหลายคันที่กำลังขับผ่านหน้าฉันเข้าไปในบ่อนนั้น ฉันก็ก้มตัวลงหลบหลังจักรยานและแอบมองพวกชายชุดดำที่พากันลงมาจากรถอย่างไวมีอยู่คนหนึ่งลงไปเปิดประตูรถให้ใครสักคนเดินออกมาจากเบาะนั่งด้านหลังคนขับ
“ว้าวววว หล่อจัง^_^” ฉันพูดขึ้นเหมือนตัวเองตกอยู่ในภวังค์ออร่าของผู้ชายในชุดสูทสีดำที่สวมแว่นกันแดดสีดำที่เพิ่งจะเดินลงมาจากรถนั้น หล่อสูงขาวหุ่นดี พูดได้คำเดียวว่าหล่อมากและเพอร์เฟคมากๆๆเช่นกัน
“อุ๊ย!” ฉันร้องขึ้นด้วยความตกใจที่แวบหนึ่งเหมือนผู้ชายคนนั้นเขาจะหันมองมาทางนี้ฉันรีบก้มตัวลงตำ่ลงหลบเขากลัวว่าเขาจะเห็นฉันและสั่งคนมาเก็บฉัน เพราะเขาน่าจะเป็นหัวหน้าของกลุ่มชายชุดดำพวกนั้นนะ เพราะเขาเดินนำหน้าชายชุดดำเข้าไปในบ่อนนั้นและชายชุดดำก็เดินตามหลังเขาไป
“เห้อออ โล่งอกไปที นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว” ฉันลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและตบหน้าอกตัวเองเบาๆ ที่มันตื่นเต้นหรือลุ้นกันแน่ก็ไม่รู้
“ทำไมพี่พลไปนานจัง มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่า” ฉันที่ชะเง้อคอมองหาร่างของพี่พลที่หายไปนานก็เอ่ยพึมพำขึ้นมาอย่างสงสัย
“เวียงพิงค์!” เสียงพี่พลวิ่งกระหืดกระหอบออกมาจากบ่อนและรีบตรงเข้ามาหาฉัน
“รีบหนีเร็ว!” ใบหน้าแตกตื่นของพี่พลทำให้ฉันตกใจ
“มีอะไรคะ แล้วไหนคุณพ่อของผิงล่ะ?” ฉันที่มองหาคุณพ่อที่นึกว่าจะเดินออกมาพร้อมกับพี่พลแต่ก็ไม่มีวี่แววของท่านเลย
“พ่อของผิงขายผิงให้เจ้าของบ่อนนี้เพื่อใช้หนี้น่ะสิ!!” พี่พลรีบพูดบอกฉันพลางรีบยกจักรยานไปกลับหัวอย่างไว
“ไม่มีทาง ผิงไม่เชื่อ” ฉันที่ตกใจกับคำพูดของพี่พลเอ่ยเถียงเขาไปอย่างไม่เชื่อ ว่าพ่อฉันจะทำแบบนี้กับฉันได้ลงแน่นอน
“จริงผิงเร็วๆ ไปอยู่บ้านพี่ก่อน!” พี่พลรีบฉุดแขนฉันให้ขึ้นรถจักรยานของเขาเมื่อฉันขึ้นรถจักรยานพี่พลก็รีบปั่นออกมาอย่างไวจนไม่ได้ดูทางจนชนเข้ากับรถยนต์คันหนึ่งเข้าเต็มๆ ทำให้ฉันกับพี่พลล้มจักรยานและร่างของฉันกลิ้งหลายตลบไปบนพื้นถนนศีรษะของฉันไปกระแทกเข้ากับโขดหินทับที่แผลเดิม
โครม
“ว๊าย พี่พล!!!”
“เวียงพิงค์!!!”
“จับผู้หญิง แม่มันขายให้เราเเล้ว!!” เสียงสุดท้ายก่อนที่สติของฉันจะดับลงดังขึ้นเสียงฝีเท้าหลายคู่ต่างพากันเดินเข้ามาหาฉัน
“อย่าจับเธอไป!!!” เสียงของพี่พลและเงาของพี่พลกำลังจะเข้ามาช่วยฉันแต่ก็โดนชายพวกนั้นรุมกระทืบเขา
“ช่วย พี่พล ด้วย” ฉันพูดขึ้นและหลับตาลงเพราะสติของฉันได้ดับวูบลงแล้ว พี่พลฉันเป็นห่วงเขา เขาต้องมาเจ็บตัวเพราะฉัน