บทที่ 2 มาเฟีย
“เดี๋ยวฉันจะไปบ้านคุณตานะ” เดม่อนบอกลูกน้องทั้งสองที่นั่งอยู่ที่โซฟาหลังจากที่ครูสไปจัดการเรื่องของเกรซให้เจ้านายเรียบร้อยตามคำสั่ง “เรียบร้อยใช่มั้ยครูส”
“เรียบร้อยครับคุณเดฟ”
“ขอบใจ เสร็จงานแล้วฉันขอพักจริงๆสักอาทิตย์ก่อนกลับโมนาโก พวกนายดูให้หน่อยมีที่ไหนเงียบๆบ้าง เอ่อ ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันถามไอ้ดามดีกว่า” เดม่อนพูดจบก็เดินออกไปจากห้องพักสุดหรูลงลิฟต์ไปชั้นล่างกวาดสายตามองการทำงานของพนักงานตามทางผ่านจนถึงแผนกต้อนรับที่มีพนักงานสาวสวยนั่งอยู่สามคนที่ยิ้มให้เขาแต่หนุ่มหล่อไม่ได้ยิ้มตอบเขาเดินเลยออกไปมีลูกน้องคนสนิทเดินตามไปสองคนส่วนที่เหลืออีกห้าคนก็สแตนบายรออยู่ที่รถราวกับมาเฟียที่ไปไหนมาไหนบอดี้การ์ดตามเพียบ
“พิมพ์ว่าเขาต้องเป็นมาเฟียแน่ๆเลยแก” พิมพ์ชนกพนักงานแผนกต้อนรับคุยกับเพื่อนสาวเมื่อหนุ่มหล่อขึ้นเทพเดินผ่านไปแล้ว
“ตาก็ว่าใช่นะ พิมพ์ก็เห็นว่ามาทุกครั้งก็มีคนตามมาเป็นขบวนถ้าไม่ใช่มาเฟียคงไม่มีคนติดตามมากขนาดนี้หรอก” มาตาเห็นด้วยกับเพื่อนร่วมงาน
“อุมาเสียดายที่เขาไม่สนผู้หญิงไทย พวกแกเห็นมั้ยว่าเรายิ้มให้เขายังเมินเลยสงสัยหญิงไทยไม่ใช่สเปคพ่อคุณแน่ เฮ้ออ..” อุมารินพูดอย่างเสียดายปกติหญิงไทยนี่สเปคฝรั่งเลยนะยิ่งผิวสีน้ำผึ้งหรือสีเข้มนี่ฝรั่งชอบมากเลย
“ทำงานๆโน่นแม่พวกเรามาแล้ว” พิมพ์ชนกบอกเพื่อนร่วมงานทั้งสองเมื่อเห็นผู้จัดการแผนกต้อนรับเดินมากับนักศึกษาสาวสวยที่เคยมาฝึกงานที่นี่เมื่อหกเดือนก่อน
“สวัสดีค่ะ พี่พิมพ์ พี่ตา พี่อุมา” บุลินยกมือไหว้รุ่นพี่ที่เคยสอนงานเธอเมื่อหกเดือนก่อนตอนมาฝึกงานกับวีรเดช
“สวัสดีจ้ะหนูลิน” สามสาวรับไหว้สาวน้อยสวยน่ารักและนิสัยดีพร้อมกัน
“หนูลินมาเที่ยวเหรอจ้ะ” พิมพ์ชนกถามสาวรุ่นน้อง
“เปล่าค่ะพี่พิมพ์ ลินมาสมัครงานค่ะ”
“จริงเหรอจ้ะแล้วได้หรือเปล่า” มาตากระซิบถามบุลินเบาๆเพราะผู้จัดการแผนกยืนมองอยู่
“เอาล่ะฉันคิดว่าพวกเธอทั้งสามคงอยากรู้ บุลินได้ทำงานที่นี่ในแผนกต้อนรับยังไงพวกเธอก็ช่วยสอนน้องใหม่หน่อยนะ” รจนาหรือพี่รจผู้จัดการแผนกพูดจบทั้งสามก็แสดงความยินดีกับบุลินที่ได้ทำงานที่เดียวกันและในแผนกเดียวกันอีกเหมือนตอนที่มาฝึกงานความนอบน้อมถ่อมตนพูดน้อยต่อยหนักและใจดีคอยช่วยเหลืองานโดยไม่บ่น
“ค่ะผู้จัดการ” สามสาวรับคำสั่งผู้จัดการแผนกที่ให้ลูกน้องในแผนกเรียกผู้จัดการในเฉพาะเวลางานเท่านั้นแต่นอกเวลางานจะเรียกพี่รจ ป้ารจ ก็แล้วแต่มีใครอยากเรียกยังไง เมื่อผู้จัดการเดินกลับไปที่แผนกทั้งสามสาวก็มองหน้าประตูโรงแรมเมื่อไม่เห็นแขกเข้ามาก็ซักถามบุลิน
“ดีใจด้วยนะหนูลินที่ได้งานใกล้บ้านสบายเลยสิ” พิมพ์ชนกที่สนิทกับบุลินมากกว่าใครเพราะเธอเป็นพี่เลี้ยงให้บุลินส่วนมาตาเป็นพี่เลี้ยงให้วีรเดช
“ขอบคุณค่ะพี่พิมพ์ แต่กว่าจะได้งานสอบสัมภาษณ์ตั้งหลายคนค่ะ” เธอสอบสัมภาษณ์ภาษาอีกครั้งตามกฎของโรงแรมอีกครั้งเพื่อไม่ให้ใครมาว่าเธอได้ว่าใช้เส้นเข้าทำงานมากกว่าความสามารถ
“แล้วน้องวีวี่ของพี่ละคะ จะมาทำงานที่โรงแรมด้วยหรือเปล่า” มาตาถามหาน้องคนสนิทที่นิสัยดีน่ารักเหมือนบุลินแต่ วีรเดชเป็นลูกชายใจสาวของคุณไอราผู้บริหารโรงแรมแต่เขากลับไม่ชอบงานโรงแรมของตัวเองแต่มีความฝันจะทำเสื้อผ้าแบรนด์ของตัวเองให้ได้ในสักวัน
“พี่ตาก็รู้ขานั้นไม่มีทางมาทำงานโรงแรมแน่ๆค่ะ” บุลินพูดยิ้มๆอย่างรู้ใจเพื่อน
“ก็จริงนะน้องลิน น้องวีวี่บอกว่าจะทำเสื้อผ้าแบรนด์ของตัวเองพี่ว่าต้องทำได้แน่นอนค่ะ” มาตาก็เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจของวีรเดชว่าอยากทำตามความฝันของตัวเอง
“ใช่ค่ะ ลินไปก่อนนะคะรบกวนพี่ๆทำงานแขกมาโน่นแล้วค่ะ ลินกลับนะคะสวัสดีค่ะ” บุลิยยกมือไหว้รุ่นพี่ทั้งสามที่รับไหว้เธอก่อนจะเดินออกไปแล้วแขกก็เดินมาถึงเคาน์เตอร์พอดี
เมื่อกลับถึงบ้านบุลินก็เดินไปหาคุณตาที่ชอบมานั่งดื่มชาอยู่หน้าบ้านมองออกไปยังท้องทะเลเป็นประจำทุกวันเพื่อขอไปเที่ยวเชียงใหม่กับเพื่อนก่อนจะเริ่มทำงาน
“คุณตาขาลินขอไปเที่ยวเชียงใหม่กับเพื่อนได้มั้ยคะ” บุลินนั่งลงข้างคุณตาที่กำลังดื่มชาอย่างเพลิดเพลิน
บุลิน พงษพิบูลย์ หรือหนูลินอายุ 23 ปี รูปร่างสูงโปร่งหุ่นนางแบบอกเป็นอกตั้งเต้าโดดเด่นเพราะแม่ให้มาเยอะเอวบางสะโพกผายขาเรียวยาวดวงตากลมโตผมยาวสลวยถึงกลางหลังใบหน้ารูปไข่จมูกโด่งเชิดขึ้นเล็กน้อยเป็นลูกสาวของบุลลากับคำรณ ศักดิ์สิทธิ์ ลูกชายคนเดียวของคุณไวทิน ศักดิ์สิทธิ์ เจ้าของร้านขนมชื่อดังของเมืองเพชรที่เลิกกันเพราะพ่อสามีไม่ชอบลูกสะใภ้ที่จนกว่าจึงทำให้บุลลาขอกลับมาอยู่บ้านเพราะไม่อยากให้สามีมีปัญหากับพ่อแต่เธอกลับเปิดโอกาสให้ชมพูนุชลูกสาวของนักธุระกิจเรือเช่าที่ชะอำได้เข้ามาใกล้ชิดคำรณทำให้ทั้งสองมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งจนท้อง กว่าบุลลาจะรู้ว่าสามีมีเมียน้อยก็ท้องโตใกล้คลอดแล้วทำให้เธอตัดสินใจเลิกกับสามีทั้งที่ยังรักแต่เธอรับไม่ได้ที่สามีทำแบบนี้จึงขอหย่าขาดจากคำรณและขอเลี้ยงดูลูกสาวคนเดียวไม่ให้เขามายุ่งเกี่ยวด้วยไม่งั้นเธอจะฟ้องศาลว่าเขามีชู้และจะเรียกร้องให้หมดตัวทำให้คำรณยอมเขารักภรรยาแต่ความผิดพลาดที่เขาทำลงไปมันผูกมัดจนเขาต้องตัดสินใจหย่ากับบุลลาเพราะคำขู่ของพ่อชมพูนุชหากไม่รับผิดชอบชมพูนุชเมียกับลูกของเขาอาจจะไม่ปลอดภัย
บุลลา พงษ์พิบูลย์ แม่หม้ายสาวคนสวยเลิกรากับคำรณสามีที่อยู่ด้วยกันมาสิบปีมีลูกสาวหนึ่งคนอายุได้หกขวบก็ได้ได้พบรักกับคุณโรเจอร์ ดัสมุนน์ ทนายความชาวอิตาลีที่ไม่รังเกียจแม่หม้ายอย่างเธอและยังรักลูกสาวของเธอเหมือนลูกแท้ๆอีกด้วยถึงแม้จะไม่ได้ร่ำรวยระดับมหาเศรษฐีแต่โรเจอร์ก็ฐานะดีมีอันจะกินเขาช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวของภรรยาที่มีนพดลกับอำไพ พ่อตาแม่ยายและลูกสาวของภรรยาที่เมืองไทยส่งเสียเลี้ยงดูให้อยู่ดีมีความสุขไม่ลำบากให้ท่านเลี้ยงดูลูกสาวของภรรยา
“จะไปกี่วันล่ะลูก” คุณตานพหรือนพดล พงษ์พิบูลย์ ถามหลานสาวที่เพิ่งเรียนจบและกำลังจะทำงานที่โรงแรม ภูผาวิลล่า แอนด์ รีสอร์ท ในวันที่หนึ่งเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งก็อีกอาทิตย์เดียวก็จะถึงแล้ว
“สักสี่วันค่ะคุณตา ลินต้องกลับมาเตรียมตัวเริ่มงานด้วยค่ะ” บุลินยกมือขึ้นกางออกทั้งสี่นิ้วบอกคุณตาว่าเธอจะไปสี่วันซึ่งเพื่อนๆแต่ละคนต่างก็จะเตรียมตัวทำงานและไปเรียนต่อที่ต่างประเทศจึงนัดกันไปเที่ยวก่อนจะแยกกันไปทำตามหน้าที่ของตัวเอง
“จะไปยังไงกันล่ะลูก” คุณตาถามหลานสาวด้วยความเป็นห่วงเพราะท่านไม่อยากปล่อยให้บุลินไปไหนมาไหนคนเดียว
“ลินจะนั่งเครื่องบินไปค่ะคุณตา ไปถึงที่โน่นก็พักบ้านยัยนาราเหมือนเดิมค่ะ” บุลินบอกคุณตาเพราะท่านรู้จักเพื่อนทั้งสามคนของเธอเป็นอย่างดีเพราะจะมาคลุกคลีกันอยู่ที่บ้านของเธอกันเป็นประจำในช่วงปิดเทอม