8
เกือบสามร้อยเมตรจากคฤหาสน์ มาถึงบ้านสองชั้นหลังเล็กระทัดรัดเรียกได้ว่าใช้กระจกเป็นส่วนประกอบเกือบทั้งหมด เจียงไขกุญแจแล้วเดินนำเข้าไปด้านใน ทำเอาทุกคนอึ้งอยู่ครู่ใหญ่เพราะพูดอะไรไม่ออก
“นี่เหรอบ้านที่จะให้หลานฉันอยู่ ทำไมมันสกปรกนักล่ะ”
ยุพาพรออกปากก่อนใคร แล้วหันไปหาเจียง ส่งสีหน้าและน้ำเสียงไม่พอใจอย่างยิ่ง เจียงเองก็ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะถูกเจ้านายสั่งมาแบบนี้
“สกปรก! ก็ทำให้มันสะอาดสิ คนของผมไม่มีเวลาว่างมากพอ จะมาคอยปัดกวาดเช็ดถูกรอคุณหนูมิวของพวกคุณหรอกนะ”
เสียงชาครีย์ดังมาจากด้านหลัง จนทุกคนต้องหันไปมอง แม้ยุพาพรจะไม่ได้รักหลานคนแรกเลยสักนิด แต่ก็ขอให้ได้ตอบโต้คู่อริบ้าง เพื่อไม่ให้ถูกหยามเกียรติกันมากนัก
“ยัยมิวมาอยู่นี่ ในฐานะอื่น ไม่ใช่คนรับใช้ที่คุณจะให้มาทำงานพวกนี้”
“ก็ไม่มีปัญหานี่ครับ ถ้าหลานคุณนายใหญ่จะอยู่บ้านนี้แบบสกปรก ๆ ฝุ่นเกาะเกรอะกัง ผมไม่สนอยู่แล้ว และสองปีสำหรับชีวิตที่นี่ หลานคุณจะต้องช่วยเหลือตัวเองทุกอย่าง ตั้งแต่ทำความสะอาด ซักผ้ารีดผ้า หุงหาอาหาร รวมทั้งดูแลสวนรอบ ๆ บ้านให้สวยเหมือนตอนนี้อยู่เสมอ ๆ”
ยุพาพรเถียงไม่ออก เพราะความจนตรอกของตัวเอง แม้จะไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ ว่าหลานคนแรกจะเหนื่อยกับงานเหล่านี้ ไม่ต่างจากเสาวรสนักที่ในใจไม่เดือดร้อนอะไรเพียง แต่ต้องแสดงบทแม่ที่รักลูกอย่างแนบเนียนด้วยการโอบเอวลูกสาวสุดรักไว้ตลอดเวลานับตั้งแต่มาถึงแล้ว
“อ้อ! ตลาดสดอยู่ไม่ไกลจากนี่เท่าไหร่ ถ้าหลานคุณจะออกไปซื้อของ ก็กรุณาเดินไปออกประตูหลังด้านโน้น อย่าได้สะเออะไปใช้ประตูใหญ่ให้ผมกับแม่เห็นเด็ดขาด และอย่าริใช้หรือไหว้วานคนในบ้านนี้ทำอะไรให้ทั้งสิ้น ผมไม่อนุญาตให้หลานคุณเข้าไปข้องเกี่ยวกับใครถ้าผมไม่สั่ง และถ้าพวกคุณทุกคนอยากจะมาเยี่ยม ก็ต้องขอผมก่อนเท่านั้น
หรือถ้าคุณหนูมิวอยากกลับบ้าน ก็ต้องได้รับอนุญาตจากผมก่อนด้วย ผมให้อยู่บ้าน พร้อมน้ำไฟฟรีเท่านั้น ส่วนค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่น ๆ คุณนายใหญ่คงต้องรับผิดชอบจ่ายให้หลานเองนะครับ เพราะยี่สิบห้าล้านกับหุ้นยี่สิบห้าเปอร์เซ็น ผมเห็นว่ามากเกินพอแล้ว กับการเอาของเน่า ๆ จนผมกระเดือกไม่ลงมาแลก”
วิโรจน์หันไปมองชาครีย์ด้วยท่าทีของคนไม่สบายใจยิ่ง กับกฏเหล่านี้ แม้จะไม่เคยเห็นหน้าไม่เคยเลี้ยงดูไม่เคยรับผิดชอบใด ๆ ในตัวลูกสาวคนแรก เลือดก็ย่อมข้นกว่าน้ำ ทำให้เขาอดห่วงลูกไม่ได้ แต่ก็อยู่ในฐานะน้ำท่วมปากจึงต้องเงียบไว้
“ฉันต้องการให้คุณทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร มีพยานเชื่อถือได้ทั้งสองฝ่ายรู้เห็นเรื่องนี้”
แต่คนที่เงียบไม่ได้คือยุพาพร เพราะต้องการความมั่นใจว่าคู่อริจะไม่เบี้ยว
“นั่นมันเป็นความต้องการของคุณ แต่สำหรับผมแล้ว จะไม่ทำอะไรทั้งนั้น อย่ากลัวคนอื่นจะคิดไม่ซื่อเหมือนพวกคุณไปหมดสิ หรือถ้าไม่เชื่อคำพูดของผม ก็เชิญหอบกันกลับไปได้ ผมไม่สน ไม่แคร์สักนิด คิดเหรอว่าผมจะพิศวาสเศษเดนจากฝรั่งนับสิบ หรือไม่อาจจะร้อยแล้วก็ได้ ที่ยอมก็เพราะเห็นแก่หมาจนตรอกแก่ ๆ ใกล้ตายตัวหนึ่งอย่างคุณเท่านั้น”
นอกจากจะไม่ทำตามแล้ว ชาครีย์ยังส่งเสียงแข็งตอบกลับไปอย่างไม่แยแสด้วยซ้ำ
“มันจะมากไปแล้วนะนายเสือ!!!” ยุพาพรถึงกับขึ้นเสียงใส่ แต่ชายหนุ่มไม่สะทกสะท้าน
“ถ้างั้นก็ลดลงมาเหลือหุ้นแค่สิบกับเงินอีกสิบล้านพอ เพิ่มเวลาอยู่ต่อขึ้นอีกปี จะเอาอย่างนั้นไหมล่ะ”
เจอสวนกลับแบบนี้ ยุพาพรถึงกับพูดไม่ออก ได้แต่ยืนขบกรามแน่นเท่านั้น ชาครีย์ส่งยิ้มอย่างเย้ยหยันให้ ก่อนจะก้าวเดินไปหาประตู เพราะถึงเวลาต้องไปทำงานแล้ว แต่เหมือนคิดอะไรขึ้นได้ เลยหยุดแล้วหันกลับมาหาอีก
“อ้อ! ผมให้เวลาพวกคุณล่ำลากันได้ถึงเที่ยงเท่านั้นนะ ส่วนคุณวิโรจน์ บ่ายสองมีประชุมกับผมที่บริษัทคงไม่ลืมนะครับ เจียงช่วยจัดหาอุปกรณ์ทำความสะอาดให้คนพวกนี้ด้วยนะ ถ้าอยากได้”
ทุกคนจ้องมองร่างสูงโปร่งเดินอย่างมั่นคงออกไป แล้วหันกลับมาหาบ้านเต็มไปด้วยฝุ่น แม้ยุพาพรอยากหนีไปเสียตอนนี้สักแค่ไหน แต่ก็เกรงกลัวคู่อริจะสงสัยได้ ว่าทำไมปล่อยให้หลานหัวแก้วหัวแหวนนั่งทำความสะอาดเพียงคนเดียว
“แสง! ตามเขาไปของมาปัดกวาดบ้านซะ แม่รสกับตาโรจน์พาแม่ไปห้างสรรพสินค้า ซื้อของกินมาใส่ตู้เย็นไว้ ยัยมิวจะอยู่นี่หรือไปกับย่าก็ได้”
กัณหาที่ปรับตัวไม่ได้สักทีกับชื่อใหม่ของตัวเอง
“เอ่อ! มิวขออยู่ช่วยพี่แสงดีกว่าค่ะ”
แต่ถ้าให้เลือกแล้วก็อยาก อยู่ห่างคนทั้งสามมากกว่า เพราะไม่ใคร่สะดวกใจเวลาอยู่ใกล้นัก และดูเหมือนงานจะไม่มีแค่ทำความสะอาดเท่านั้น เสื้อผ้าของคุณหนูมิว จะต้องถูกจัดเข้าตู้ให้เรียบร้อย ไหนจะข้าวของส่วนตัวอื่น ๆ อีก
“ตามใจ!!!”
ยุพาพรเน้นเสียงหนัก ๆ เป็นการประชดไปในตัว เพราะความไม่ชอบใจในความโง่ของหลาน ที่ดันเลือกอยู่ทำงานแทนการไปนั่งตากแอร์เย็น ๆ กินของอร่อย ๆ อย่างที่คิดไว้แต่แรก
ใกล้เที่ยงคือเวลาที่คนทั้งสามกลับมาอีกครั้ง พร้อมของกินสารพัด ทั้งสดและแห้ง รวมทั้งผลหมากรากไม้ หากก็ไม่ใช่การจัดหามาให้เพราะความรักสักนิด
นี่เป็นเพียงการแสดงละครตบตาคู่อริ ให้รู้ว่าทุกคนรักและห่วงใยคุณหนูมิวมากแค่ไหน ผ่านข้าวของเหล่านี้เท่านั้น
“จำไว้นะแม่นิ่ม ว่าห้ามเผลอหลุดจนพวกนั้นสงสัย ถ้าเมื่อไหร่จะกลับไปหายาย ต้องโทรไปฉันบอกก่อน จะได้ส่งรถมารับแล้วพากลับมาส่ง เพราะยัยมิวไม่ยอมเดินไปขึ้นรถเมล์เหมือนที่หล่อนเคยทำอยู่แน่ เสื้อผ้าหน้าผม คำพูดคำจาหรือกิริยาท่าทางของยัยมิวที่แม่รสสอนไว้ เธอต้องจำให้ขึ้นใจทำตามนั้นห้ามละเลยเด็ดขาด