1
Chapter 1
อันดามองบรรยากาศของงานเลี้ยงรุ่นที่ทางสถาบันการศึกษาจัดขึ้นอย่างตื่นตาตื่นใจเพราะเธอจะได้เจอเพื่อนเก่าๆ นั่นเอง
สิบกว่าปีแล้วที่เธอไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลย หลังจากเรียนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี บรรยากาศเก่าๆ หวนกลับมาอีกครั้ง
ร่างอวบอิ่มชะงักเมื่อเดินมาประจันหน้ากับใครบางคน บางคนที่เธอ
ไม่เคยลืมเลือนเขาไปจากใจ
วายุ...
เขาเองก็ชะงักเหมือนกันที่เห็นเธอ ทั้งสองกวาดสายตามองกันและกัน ก่อนจะสบตากันเนิ่นนาน
“อันดาสบายดีเหรอ”
เขาทักทายเธอก่อน อันดากะพริบตาปริบๆ เธอรู้สึกว่าแก้มร้อนผ่าวอย่างไม่ทราบสาเหตุ วายุในวัยสามสิบห้าดูหล่อเหลาคมเข้ม ใบหน้าเรียว
ดูเข้มแข็งสมชายชาตรี ไม่เหมือนนิสิตนักศึกษาสมัยหลายปีก่อนที่หน้าใส
ผิวขาวจัด ปากแดงจนสาวๆ กรี๊ดกันทั้งสถาบัน เธอมองเส้นผมดกดำ
ยาวประบ่าของเขา ก่อนเลื่อนลงมายังริมฝีปากหยักลึกเป็นคันศรแล้ววกขึ้นไปมองจมูกโด่งคมสัน ดวงตาของเขามีแววหวานแต่ดุดันอยู่ในที คิ้วเข้มพาดเฉียง ขนตาดกหนา ซึ่งเธอเคยอิจฉาเขาอยู่บ่อยครั้งในสมัยก่อน
รูปร่างของเขาสูงหนาขึ้น ซึ่งโดยปกติเขาตัวสูงมากอยู่แล้วเกือบหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร
“สบายดีจ้ะ แล้วลมล่ะ สบายดีไหม”
เธอมองสำรวจเขาแล้วตอบกลับ หน้าแดงระเรื่ออย่างปัจจุบันทันด่วน
“มีแฟนหรือยัง”
จู่ๆ เขาก็ถามกลับมา แต่ไม่ได้ตอบคำถามของเธอ อันดาตาโต
อ้าปากค้าง ก่อนจะรีบหุบฉับ กะพริบตาปริบๆ หัวใจเธอเต้นแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“ถ้ายังไม่มีเราจะจีบ”
เขาไม่ได้รอฟังคำตอบ แต่พูดกลับมาด้วยรอยยิ้มที่ทำให้คนมองใจเต้นรัวหนักขึ้นกว่าเก่า
“ยะ...ยัง”
เธออยากจะหยิกตัวเองให้เนื้อเขียวนัก รีบตอบเขาจนเสียงสั่นไปหมด เขากระตุกยิ้มมุมปาก ในขณะที่เธอก้มหน้างุดด้วยความอาย
อันดารู้สึกว่าเขามีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเธอไม่เคยเปลี่ยน และมัน
ยิ่งมากขึ้นเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง
เรื่องราวแต่หนหลังกระจ่างชัดในห้วงคำนึงของเธออีกครั้ง...
สิบกว่าปีก่อน...
อันดามองสถาบันราชภัฏในต่างจังหวัดด้วยจิตใจห่อเหี่ยว
ที่จิตใจของเธอห่อเหี่ยวนั้นเป็นเพราะเธอสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐบาลได้ แถมยังเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศอีกด้วย แต่บิดามารดาไม่มีเงินส่งเสียให้เล่าเรียน
เมื่อได้รับคำตอบเช่นนั้น ความที่อยากเรียนต่อให้จบปริญญาตรีทำให้เธอต้องเข้าเรียนสถาบันราชภัฏที่ค่าเทอมไม่แพงมากนัก อย่างน้อยก็ได้เรียนเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ และปลอบใจตัวเองว่าได้รับปริญญาเหมือนกัน
เธอทำงานตั้งแต่เด็ก ช่วยเหลือทางบ้านเพราะฐานะยากจนมาก
คิดว่ามาเรียนใกล้บ้านแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้หางานทำและค่าใช้จ่าย
ไม่สูงมากนัก
รับน้องสยองขวัญ!!!
การรับน้องเป็นเรื่องที่นักศึกษาในชั้นปีที่หนึ่งทุกคนไม่ชอบที่สุด โดนรุ่นพี่เรียกไปว้าก... ไปขอลายเซ็น วันๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่รายงานตัวทำความรู้จัก
กับรุ่นพี่ ต้องท่องว่ารุ่นพี่ชอบกินอะไร ชอบสีอะไร ชื่อเสียงเรียงนาม บ้านช่องห้องหออยู่ที่ไหน ญาติโกโหติกามีกี่คน แนะนำตัวจนปากเปียกปากแฉะ
เขาว่ามันเป็นธรรมเนียมของทุกสถาบัน ซึ่งเธอเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบเอาเสียเลย
กัลยาเพื่อนใหม่ของเธอแอบค่อนขอดรุ่นพี่ว่า...
“ว่าไหมอันดา พวกรุ่นพี่นี่โง่เนอะ”
“โง่ยังไงเหรอ”
“ก็บ้านเลขที่ตัวเองยังจำไม่ได้ ไม่รู้ว่าตัวเองชอบกินอะไร มีพี่น้องกี่คน อีกจิปาถะ โง่ไหมล่ะแก คิกๆ”
“อย่าไปพูดให้รุ่นพี่ได้ยินเชียว เดี๋ยวก็โดนปาดคอหรอก”
อันดาจำได้ว่าทำเสียงดุใส่เพื่อนไปในตอนนั้น
ทำยังไงได้ การรับน้องเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ อาจารย์ก็ไม่ได้เข้ามายุ่งวุ่นวายกับกิจกรรมพวกนี้ ให้รุ่นพี่จัดการรุ่นน้องกันเอาเอง ใครได้พี่รหัสใจดี
ก็ดีไป ใครได้พี่รหัสใจร้ายก็ฝันร้ายไปตามระเบียบ
กฎเหล็กที่รุ่นพี่ให้รุ่นน้องท่องก็ช่างปัญญาอ่อนไม่ต่างกัน
กฎข้อที่ 1 รุ่นพี่ถูกเสมอ
กฎข้อที่ 2 ถ้ารุ่นพี่ทำอะไรผิดให้ย้อนกลับไปดูข้อที่ 1
คิดดูแล้วกันว่ามันปัญญาอ่อนขนาดไหน...
อันดามีพี่รหัสปีสี่เป็นผู้หญิงท่าทางไว้ตัวไม่ค่อยพูด เธอแอบเกร็ง
เมื่อต้องมารายงานตัว แต่พอได้สบสายตาที่มองกลับมานั้น มันทำให้เธอ
รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาหน่อย เพราะพี่เขามีความเอื้อเอ็นดูเธออยู่มาก
ก่อนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยมีการรับน้องนอกสถานที่ด้วย เป็นกิจกรรมคล้ายๆ ไปเข้าค่ายพักแรมสมัยเรียนลูกเสือเนตรนารีเมื่อตอนมัธยม
น้องใหม่คณะวิทยาศาสตร์อย่างเธอก็ต้องไปกับเขาด้วย เรียกว่าไปกันทุกสาขาวิชานั่นแหละ
กิจกรรมรับน้องน่าจะเหมือนๆ กันทุกคณะ ต้องลอดซุ้ม โดนพี่ๆ
ป้ายหน้าป้ายตาด้วยสี เต้นแร้งเต้นกา ร้องเพลงยอดฮิต
ไก่ย่างถูกเผา ไก่ย่างถูกเผา มันจะถูกไม้เสียบ จ๊าก... มันจะถูกไม้เสียบ จ๊าก... เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา ร้อนจริงๆ ร้อนจริงๆ ร้อนจริงๆ
แล้วก็เต้นส่ายเหมือนท่าไส้เดือนกิ้งกือ ชวนให้หลายคนที่ตบมือขำกัน
ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง
เพลงยอดฮิตอีกเพลงก็คือ เมียงู...
บาทเดียวดูเพลิน อะไรไม่เกินเมียงู บาทเดียวดูเพลิน อะไรไม่เกินเมียงู ลูบได้คลำได้ แต่อย่าเอาไม้แหย่รู แหย่รู แหย่รู แหย่รู
บอระเพ็ดขมปี๋โดนป้อนเข้าปาก อันดาแทบจะคายทิ้ง แต่โดนบังคับ
ให้เคี้ยวกลืนตอนลอดซุ้ม
กิจกรรมรับน้องใหม่คงไม่ตื่นเต้นหากเธอจะไม่พบกับ...
ผู้ชายในฝัน หล่อมาดแมน ปากแดง แก้มใส
วายุ วายุภัค นิสิตปีหนึ่งที่โดนพี่ๆ เรียกไปแกล้งมากที่สุดเพราะหล่อใสหน้าตาผู้ดี๊ผู้ดี แถมยังยิ้มหวานจับใจ
เธอว่าเขาหน้าตาวายร้ายเชียวล่ะ แต่พอยิ้มใจละลายแทบลงไปนอน
อยู่แทบเท้า
อันดาถึงกับมองตาลอย ความเบื่อหน่ายของเธอเริ่มหายไปนับตั้งแต่
ได้มองหน้านิสิตคณะเดียวกัน
เธอมองแล้วรู้สึกฟิน เอาไปจิ้นอย่างมีความสุข
อันดาได้รู้จักเพื่อนใหม่หลายคน แต่ไม่ค่อยสนิทกับใคร เพราะเพื่อน
ที่จบมัธยมศึกษาปีที่หกด้วยกันเรียนสถาบันอื่น บางคนก็เรียนสาขาวิชาอื่น
แม้จะอยู่ในสถาบันเดียวกัน
รับน้องปีนี้พี่ๆ พามาเข้าค่ายที่ค่ายทหาร ก่อนกินก็ต้องท่องว่า...
ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง อย่ากินทิ้งขว้าง เป็นของมีค่า คนจน
คนยาก ลำบากหนักหนา สงสารบรรดา เด็กตาดำๆ
ใครกินข้าวไม่หมด จะถูกกวาดข้าวไปรวมในกะละมัง แล้วรุ่นพี่ก็คลุก
เข้าด้วยกันก่อนเอากลับมาป้อนให้รุ่นน้องกินจนอ้วกไปตามๆ กัน มื้อถัดมา
ถึงอาหารรสชาติไม่อร่อยยังไงก็ต้องกวาดกินให้เกลี้ยงไม่ให้เหลือซาก
เธอเป็นพวกลิ้นจระเข้อยู่แล้ว กินอะไรก็ได้ จึงไม่เคยทำตัวมีปัญหา
เพราะไม่ค่อยมีปากเสียง หน้าตาไม่เด่นดังเลยไม่ค่อยโดนแกล้งเท่าไหร่
การเข้าค่ายสามวันมันก็สนุกดีหรอก แต่เธอแอบเห็นว่ารุ่นพี่ลำเอียง
อันดาแอบเบ้หน้า...
คนไหนสวยแซ่บหรือน่ารักก็ถูกเอาใจจากรุ่นพี่ผู้ชาย คนไหนหล่อหน่อย รุ่นพี่ผู้หญิงก็ทำท่าจะขย้ำลากไปกินตับ
มีความหื่นนะนี่!
เธอคิดแล้วหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว
มาอยู่ที่ค่ายก็ดีไปอย่าง เขาให้ใส่เสื้อยืดกับกางเกงวอร์ม เธอพอมี
ชุดเก่าๆ ที่บ้านอยู่บ้าง ถ้าแต่งตัวดูดีกว่านี้เธอไม่มีปัญญาหาซื้อเสื้อผ้า
ราคาแพงมาใส่แข่งกับใครหรอก
เสื้อผ้าของเธอแทบนับชิ้นได้...
เขาว่าคนหน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง มีรูปเป็นทรัพย์ก็น่าจะจริง เพราะ
รุ่นน้องคนไหนหน้าตาเฉิดฉายละก็ กินดีอยู่ดี โดนแกล้ง แต่เพราะ
สนใจหรอกนะ ไม่ใช่เพราะอยากจะแกล้งหนักๆ
นายวายุคนนั้นชื่อเล่นว่าลม เพราะต้องออกไปแนะนำตัวบ่อยมาก
ท่องรหัสนักศึกษาจนปากเปียกปากแฉะ จนตอนนี้เธอจำได้ขึ้นใจ