บทย่อ
เธอ...ก็แค่ยัยลูกเป็ดขี้เหร่ นางแก้วหน้าม้า ไฉนเลยจะไปสู้บรรดานางจินตหรา นางบุษบาที่รายล้อมเขาได้ เธอ...ก็แค่ 'ของเล่นชั่วคราว' ที่เขาอยากจะลอง 'เปลี่ยนรสชาติ' ก็เท่านั้น แต่...เขาคงจะลืมไปแล้วกระมังว่า ลูกเป็ดขี้เหร่ แท้ที่จริงก็คือหงส์ฟ้า และจากนางแก้วหน้าม้า เธอจะแปลงโฉมให้กลายเป็นนาง 'แก้วมณี' ไม่ใช่เพื่อประชดผู้ชาย ‘ห่วยๆ’ อย่างอีตาอาจารย์จอมกะล่อนอย่างเขาหรอกนะ แต่เธอ...แค่ต้องการฟาดหน้าผู้ชายร้อยเล่ห์มารยา ต่อหน้ามะพลับ ลับหลังตะโกอย่างเขาให้เงิบหงายเหมือนถูกตบกลางสี่แยกอโศก ลาดพร้าว ฐานที่บังอาจมาดูถูกเธอ ลำพังแค่ดูถูกรูปร่างหน้าตา คนอย่างเธอไม่สะทกสะท้านอะไรเท่าไหร่หรอก แต่ที่น่าแค้นใจ คือการที่เขาดูถูกหัวใจ ดูถูกความรักของเธอที่มอบให้เขานี่สิ “เราจะคุยกันดีๆ ไม่ได้เลยใช่มั้ย กมลชนก” นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่เอ่ยชื่อเต็มๆ ของเธอ คงแสดงให้เห็นว่า เขากำลังโกรธจริงๆ แต่...เธอก็โกรธเช่นกัน “ระหว่างเราไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้วมากกว่าค่ะ เพราะนาก็ไม่อยากมาเสียเวลาฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น เลิกก็คือเลิก จบก็คือจบ นายังให้ความเคารพอาจารย์ในฐานะอาจารย์เหมือนเดิมนะคะ แต่นอกนั้น เราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก” “ผมจะไม่ยอมออกไปจากชีวิตคุณง่ายๆ ในเมื่อเราคุยกันดีๆ ไม่ได้ งั้นเราก็เลิกกัน แล้วผมก็จะทำทุกอย่างเพื่อกลับเข้ามาในชีวิตคุณใหม่ พูดง่ายๆ ก็คือ...ผมจะจีบคุณ” พบเรื่องราวสุดน่ารัก พ่อแง่แม่งอนระหว่างนิสิตสาวปริญญาเอกกับอาจารย์หนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่จะทำให้หัวใจของคุณเต้นแรงอีกครั้ง กับบทสรุปสุดท้ายของความรักระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์ ใน “อักษรรักพันใจ”
บทนำ
ร่างแบบบางในชุดเสื้อเชิ้ตกับกระโปรงทรงสุภาพสวมทับด้วยสูทสีชมพูวิ่งเร็วๆ ออกจากรถไฟฟ้าใต้ดินซึ่งตัดทะลุมายังศูนย์การค้าที่ค่อนข้างโล่งเนื่องจากยังไม่ถึงเวลาทำการ ทำให้ภายในบริเวณมีเพียงแค่บรรดาพ่อค้าแม่ขายที่เข้ามาจัดร้านเพื่อรอต้อนรับลูกค้าเท่านั้น และเพราะศูนย์การค้าแห่งนี้เป็นพื้นที่ของมหาวิทยาลัย จึงทำให้ผู้คนโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ นิสิต และอาจารย์สามารถใช้เป็นทางผ่านได้แม้ทางศูนย์ฯ จะยังไม่เปิดให้บริการก็ตาม
หญิงสาวสาวเท้าก้าวข้ามถนนเล็กๆ ไปยังประตูที่เชื่อมต่อกับมหาวิทยาลัย พลางมองนาฬิกาข้อมือแบรนด์ดังก่อนจะทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ตาสีนิลดำขลับเหลียวซ้ายแลขวามองหายานพาหนะช่วยชีวิตที่จะพาให้เธอไปยังจุดหมายปลายทางภายในห้านาที...
ห้านาทีที่แน่นอนว่า เพียงสองเท้าบนรองเท้าคัทชูนี้ไม่สามารถไปได้แน่ๆ วันนี้เป็นวันสำคัญ และเธอจะพลาดไม่ได้...เธอกำลังจะไปสอบสัมภาษณ์เพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก ทั้งที่กะเวลาออกมาแบบเผื่อเหลือเผื่อขาดแล้วเชียว แต่ใครจะคิดเล่าว่าจู่ๆ เจ้ารถไฟใต้ดินที่ต้องใช้โดยสารเป็นประจำจะมาเสียเอาดื้อๆ แถมเธอยังติดอยู่ภายในตัวขบวน จะออกมาก็ไม่ได้ สุดท้ายก็ทำได้แต่รอ...ในขณะที่เวลาเดินไปข้างหน้า
“พี่คะ ไปคณะอักษรฯ ค่ะ” หญิงสาวโบกมือเรียกมอเตอร์ไซค์ประจำมหาวิทยาลัยแล้วกระโดดขึ้นซ้อนท้ายทันที และเพียงไม่ถึงหนึ่งนาที สาวเจ้าก็มาอยู่ที่หน้าคณะอักษรศาสตร์เรียบร้อย พร้อมๆ กับเสียงโทรศัพท์ที่ดังถี่กระชั้นขึ้น และเมื่อเห็นว่าใครโทรมา จึงรีบกดรับ
“หนูนา แกอยู่ไหนแล้วเนี่ย”
“ฉันอยู่หน้าคณะแล้ว พอดีรถไฟใต้ดินมันเสีย ฉันเลยมาสายเลย นี่กำลังจะเข้าลิฟต์” กมลชนกบอกเพื่อนสาวที่โทรมาตามแล้วก็สาวเท้าเข้าไปในลิฟต์ทันที
“เร็วเข้านะ นี่อาจารย์กรกันต์บอกว่า ถ้าแกไม่มาในอีกห้านาที เขาจะตัดสิทธิ์แกแล้ว” พูดจบ พุดน้ำบุษย์เพื่อนสนิทที่มาสัมภาษณ์เรียนต่อเหมือนกันก็วางสายไปทันที ขณะที่คนมาสายถึงกับตาสว่างวาบขึ้นเมื่อชื่อของ ‘อาจารย์กรกันต์’ ลอยเข้ามาในหู
มันจะใจร้ายใจดำเกินไปหน่อยไหม เธอไม่ได้ตั้งใจจะมาสาย แต่เขากลับคิดจะตัดสิทธิ์การสอบสัมภาษณ์ของเธอเลยหรือ...แม้จะรู้ว่าไม่มีสิทธิ์โกรธ แต่เพราะความหลังที่ฝังใจ ทำให้กมลชนกตั้งแง่เอากับอาจารย์หนุ่มคนนั้นเสียแล้ว
อาจารย์หนุ่มที่เคยสนิท แต่วันหนึ่งกลับมีเรื่องทำให้เธอต้องมองเขาด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
ทันทีที่ลิฟต์เคลื่อนตัวมายังชั้นเก้าของอาคารสูง กมลชนกก็แทบจะพุ่งตัวออกมาทันทีพร้อมกับสาวเท้าเร็วๆ จนเกือบจะเป็นวิ่ง นึกโมโหตัวเองที่ดันใส่รองเท้าส้นสูงมา นี่ถ้าเป็นรองเท้าผ้าใบหรือคัทชูไม่มีส้นละก็...เธอคงจะวิ่งได้สะดวกเลยทีเดียว สาวเจ้าเลี้ยวมาทางมุมหนึ่งของตึกซึ่งทอดยาวไปทางสถานที่ตั้งของห้องประชุมใหญ่ของภาควิชาวรรณคดีอันเป็นสถานที่ใช้สอบสัมภาษณ์ และทันทีที่ไปถึง เธอก็รู้แน่ว่า คงมีแค่เธอที่มาสาย เพราะด้านหน้าห้องมีคนนั่งรอยืนรอสัมภาษณ์อยู่ประมาณสี่ห้าคน
และเจ้าของร่างสูงสมาร์ทอีกหนึ่งคนที่กำลังทำหน้ายุ่งอย่างไม่สบอารมณ์นัก...อาจารย์กรกันต์ ผู้มีดวงหน้าหล่อเหลาคมคายด้านเลือดไทยที่ผสมผสานกับจีนและอังกฤษได้อย่างลงตัว
“คุณพุดน้ำบุษย์ ตกลงว่าเพื่อนคุณจะมาสัมภาษณ์มั้ย ผมไม่รอแล้วนะ เสียเวลาอาจารย์ท่านอื่นด้วย” นี่คือกระแสเสียงทุ้มที่เจือไปด้วยความหงุดหงิดของอาจารย์กรกันต์ที่กำลังตั้งท่าจะเล่นงานเพื่อนของเธอที่กำลังอ้าปากค้างอ้ำๆ อึ้งๆ ก่อนที่ทุกคนจะได้สดับเสียงฝีเท้าที่ดังก้องท่ามกลางความเงียบ แล้วทุกสายตาก็หันมาทางเธอที่เดินกระหืดกระหอบมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอาจารย์หนุ่ม พร้อมกิริยากวาดสายตาพิจารณาเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
แหงล่ะ...เขาคงไม่คิดว่า ผู้หญิงตรงหน้าจะเป็นเธอไปได้ ในเมื่อภาพจำของเขา กมลชนกหรือยัยหนูนา ก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงคงแก่เรียน แต่งตัวเฉิ่มๆ กระโปรงยาวระตาตุ่ม แถมยังมีแว่นตาหนาเตอะคอยบดบังดวงหน้าที่แท้จริง คงไม่มีใครคิดหรอกว่า หญิงสาวในชุดเสื้อเชิ้ตสวมทับด้วยสูทสีอ่อนตัวเล็กเข้ารูป เรือนผมสั้นที่ได้รับการตัดแต่งและเซ็ตมาอย่างตั้งใจ ดวงหน้าที่ฉาบด้วยเครื่องสำอางบางเบา กับดวงตาสีนิลที่ใช้ใส่คอนเทคเลนส์สายตานั้นคือยัยเฉิ่มกมลชนก
“นามาแล้วค่ะอาจารย์ ขอโทษที่มาสายค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยขึ้นและยืดตัวตรงผ่อนลมหายใจน้อยๆ เพื่อที่จะเผชิญหน้ากับเขาได้ถนัดตาพร้อมกับส่งยิ้มหวานที่มันแฝงไปด้วยแววแห่งชัยชนะอยู่ในที เมื่อพบว่านัยน์ตาสีน้ำตาลเมล็ดอัลมอนด์ของอาจารย์หนุ่มยังคงพินิจมองเธอราวกับพบเจอสิ่งมหัศจรรย์พันลึก
“หนูนา” ทั้งที่เขาบอกว่ากำลังทำให้อาจารย์ท่านอื่นเสียเวลา แต่อาจารย์หนุ่มก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับตัวเพื่อนำคนตัวเล็กไปยังห้องสัมภาษณ์ เขากำลังตะลึง อึ้ง และมึนงง
...นี่คือกมลชนกจริงๆ หรือ...
หึ! ก็ไม่แปลกหรอกที่เขาจะตกตะลึงแบบนี้ ในเมื่อภาพจำของเขานั้น เธอมันก็แค่ยัยป้าเฉิ่ม ยัยแก้วหน้าม้า ยัยลูกเป็ดขี้เหร่นี่นา...คำปรามาสที่เขานินทาเธอลับหลัง วันนี้ เธอจะลบมันให้หมดไปจากหัวเขาเลยทีเดียว