4. ส่งสาวน้อยไปเรียน
พอเห็นนางแบบสาวกระตุกเกร็งเขาก็ถอนมืออกไปแล้วก้มหยิบเอาถุงยางอยามัยจากกระเป๋ากางเกงมา แล้วฉีกมาใส่ท่อนเอ็นของเขาอย่างชำนาญและว่องไว
“อือ ใส่เข้ามาเลยค่ะ ลูกหมีอยากโดนคุณเยจะตายอยู่แล้ว” นางแบบสาวพูดไปก็ก็อ้าขารอให้แฟรงก์จ่อท่อนเอ็นเข้ามาอย่างต้อนรับเขา
“ผมจะเยจนหอยคุณพังเลย อ่าส์” แฟรงก์พูดจบก็จับท่อนเอ็นสอดเข้าไปในร่องสาวของนางแบบสาวทันที ด้วยความที่ท่อนเอ็นของเขามันใหญ่จึงทำให้ร่องสาวตอดรัดเขาได้อย่างเสียวกระสัน
“โอ้ย ให้ตายเถอะ แน่นหอยไปหมดแล้ว ไม่เคยมีใครทำให้เสียวหอยแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ อ้ะ อ้ะ แฟรงก์ขา เยแรงๆเลยค่ะ อ้ะ อ้ะ” นางแบบสาวบกไปก็เริ่มครางเสียงกระเส่า เพราะชายหนุ่มเริ่มรัวกระแทกท่อนเอ็นใส่เธออย่างรุนแรง
“อ่าส์ พับ พับ พับ พับ” แฟรงก์ครางไปก็เร่งแรงกระแทกตอกท่อนเอ็นใส่ร่องสาวของเธออย่างรัวเร็ว ก่อนจะจับร่างบางเปลี่ยนท่าไปมาเรื่อยๆ
จนกระทั่งเขาใกล้เสร็จ เขาก็ถอนท่อนเอ็นออกมาแตกข้างนอกอย่างรู้งาน เพราะถึงเขาจะรักสนุกแค่ไหนเขาก็รู้ตัวว่าเขาต้องป้องกันตัวเองขนาดไหน
“ต่ออีกรอบไหมคะ ลูกหมียังไหวนะคะ” นางแบบสาวถามไปก็เอามือลูบไล้แผงอกของแฟรงก์อย่างยั่วยวน ยิ่งเห็นท่อนเอ็นของเขายังไม่อ่อนตัวลง เธอก็ยิ่งยั่วเขาต่ออย่างได้ใจ
“ผมก็ไม่เคยเอาใครแค่น้ำเดียวสักคน หึ แผล็บ แผล็บ” แฟรงก์พูดจบก็ก้มลงไปเลียนมทั้งสองข้างสลับกัน แล้วก็บีบขย้ำอย่างมันส์มือ
จากนั้นก็เริ่มเล่นสวาทกับนางแบบสาวต่ออีกครั้ง พอเช้าเขาก็จ่ายเงินให้กับเธอแล้วเขาก็กลับบ้านเหมือนทุกๆครั้ง
ผ่านไปเกือบอาทิตย์
แฟรงก์ต้องบินไปอเมริกาเพื่อดูงานของบริษัทของเขาที่นั่น ซึ่งเขานั้นไม่อยากจะไปเท่าไหร่แต่ก็ขัดคำสั่งของพี่ชายไม่ได้ จึงต้องเดินทางไปอเมริกาวันนี้
“นึกยังไงมาส่งผมเนี่ยเฮีย ร้อยวันพันปีนี่ไม่เคยจะมา” แฟรงก์เอ่ยถามอย่างแปลกใจ ที่พี่ชายมาส่งเขาขึ้นเครื่องทั้งที่เมื่อก่อนพี่ชายของเขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย
“เออน่า ฉันก็แค่จะมาดูให้แน่ใจว่าแกไปจริงไหม รีบๆเข้าไปข้างในไป เดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก” ฟรานติโน่พูดอย่างปัดๆเพราะไม่อยากให้น้องชายถามอะไรมาก
“เออ เฮียนี่ก็แปลก มาส่งแต่รีบไล่ให้ผมเข้าไป เฮ้อ เออๆ งั้นผมไปล่ะเฮีย อยู่ทางนี้ก็เพลาๆเรื่องสาวๆด้วยนะ ผมขี้เกียจมาช่วยแก้ข่าวแล้ว” แฟรงก์พูดจบก็มองพี่ชายที่พยักหน้าตอบรับกลับมา
จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศทันที
ส่วนฟรานติโน่ก็รีบมองหาพิชชาภาที่บอกว่าจะมาส่งน้องสาวต่อทันที เพราะเขาอยากจะมาดูว่าพิชชาภาได้นัดใครมานอกเหนือจากครอบครัวของเธอไหมและที่สำคัญเขาไม่อยากให้น้องชายของเขาเจอกับพิชชาภาที่นี่ เขาถึงรีบไล่มันเข้าไปข้างใน
ด้านพิชชาภาวันนี้ เธอต้องมาส่งน้องสาวไปเรียนต่อที่อเมริกา เธอก็ได้ขอฟรานติโน่แล้วว่าวันนี้เธอจะไปส่งน้องสาว และเขาก็อนุญาตให้เธอมาโดยที่เขาจะเป็นคนมารับเธอที่สนามบินเอง หลังจากที่ส่งน้องสาวของเธอเสร็จ
“ตั้งใจเรียนนะยัยพลอย อย่าทำให้พี่กับน้าพิมน้าโจผิดหวังนะ ถ้าขาดเหลืออะไรก็โทรมาหาพี่นะ แล้วถ้าถึงที่นู้นแล้วก็อย่าลืมโทรมานะ” พิชชาภาพูดไปก็เริ่มน้ำตาคลอ เพราะเธอกับพลอยลดาโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กและไม่เคยอยู่ไกลกันแบบนี้เลย มันจึงทำให้เธอรู้สึกใจหาย
“ค่ะพี่พิช พลอยสัญญาค่ะว่าพลอยจะตั้งใจเรียนจะเอาใบปริญญามาให้พี่พิชแล้วก็พ่อกับแม่ให้ได้ พลอยขอบคุณนะคะพี่พิช ขอบคุณทุกๆอย่างที่พี่พิชทำเพื่อพลอย” พลอยลดาพูดไปก็เดินเข้าไปกอดพี่สาวพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างซาบซึ้งใจ
“อย่าร้องไห้เป็นเด็กๆสิ โตๆกันแล้วนะเรา อายเขาบ้างสิ” โจเซฟเอ่ยแซวลูกสาวและหลานสาวอย่างเอ็นดู เพราะทั้งสองนั้นรักันเหมือนพี่น้องกันจริงๆ
“ทุกคนไม่ต้องห่วงนะครับ เจจะช่วยดูแลพลอยอีกคนครับ รับรองว่าปลอดภัยแน่นอน อีกอย่างป้าของเจก็ใจดีครับรับรองว่าไม่มีปัญหาอะไรแน่นอนครับ” เจตรินเอ่ยบอกกับครอบครัวของพลอยลดาเพื่อนสาวคนสนิท ก่อนจะส่งยิ้มให้ทุกคนอย่างสนิทสนมเพราะรู้จักกันมานานมากแล้ว แล้วเขาก็ให้พลอยลดาไปพักกับเขาที่อเมริกาด้วย เพราะที่บ้านป้าที่เขาพูดถึงก็คือบ้านของอลิซคู่หมั้นของเขานั่นเอง
“มีอะไรก็เตือนๆกันนะลูก น้าฝากดูแลพลอยด้วยนะ” พิริมาเอ่ยบอกกับเพื่อนสนิทของลูกสาวอย่างอ่อนโยน เธอรู้จักเจตรินและครอบครัวของเจตรินเป็นอย่างดี จนเธอไว้ใจให้ลูกสาวไปพักอยู่กับเจตรินที่นั่น
“ครับ ผมจะดูแลพลอยอย่างดีเลยครับ แต่ตอนนี้ผมต้องพาพลอยเข้าไปข้างในแล้ว ไว้ช่วงปิดเทอมเจอกันนะครับคุณน้า พี่พิช” เจตรินตอบไปพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนจะยิ้มให้ทุกคน
“จ้ะ โชคดีนะลูก ถึงแล้วโทรหาแม่ด้วยนะ แม่รักลูกนะ จุ๊บ” พิริมาเอ่ยบอกลูกสาวก็เข้าไปกอดแล้วหอมแก้มลูกสาวอย่างอาลัย ก่อนจะให้สามีได้บอกลาลูกสาวบ้าง
“พ่อก็รักหนูนะลูก เดินทางปลอดภัยนะคนสวยของพ่อ” โจเซฟบอกไปก็กอดลูกสาวแล้วหอมแก้มเช่นเดียวกับภรรยา ก่อนจะปล่อยให้พิชชาภาได้พูดต่อ
“พี่ก็รักพลอยนะ อย่าลืมคิดถึงพี่บ้างนะ ตั้งใจเรียนล่ะ” พิชชาภาพูดไปก็พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ เพราะไม่อยากจะร้องไห้ต่อหน้าน้องสาว เธอก็ฝืนยิ้มให้ไป แล้วมองน้องสาวอย่างรักใคร่เอ็นดู
“พลอยรักทุกคนนะคะ พลอยไม่อยู่ก็ดูแลตัวเองกันด้วยนะคะ พ่อก็อย่าลืมทานยาด้วยนะคะ แม่ก็ห้ามทำงานจนลืมพักผ่อนนะคะ ส่วนพี่พิชก็อย่าเอาใจคนอื่นจนลืมตัวเองนะคะ พลอยไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะพ่อ แม่ พี่พิช” พลอยลดาบอกไปก็ยกมือไหว้ทั้งสามคน ก่อนจะเข้าปกอดแล้วจากนั้นเธอก็เดินเข้าไปข้างในอาคารผู้โดยสารขาออกพร้อมกับเจตริน
“กลับกันเถอะลูก ยัยพลอยเข้าไปแล้ว” พิริมาหันมาบอกกับพิชชาภาที่ยืนร้องไห้อยู่
“ค่ะน้าพิม แต่วันนี้เขาจะมารับพิชที่นี่ น้าพิมกับน้าโจกลับไปก่อนเลยก็ได้ค่ะ” พิชชาภาเอามือปาดน้ำตาก็พูดบอกไป ก่อนจะยิ้มให้กับน้าทั้งสองด้วยตาแดงๆ สองสามีภรรยาหันไปมองหน้ากันก่อนที่โจเซฟจะพยักหน้าให้กับภรรยาสาวของเขา
“ก็ได้ลูก งั้นน้ากับน้าโจกลับก่อนนะ ถ้าเหนื่อยก็กลับมาบ้านเรานะ น้าสองคนรอเราเสมอ” พิริมาเอ่ยบอกหลานสาวก็เอามือลูบผมพิชชาภาอย่างรักใคร่ ก่อนจะพากันเดินออกไป
ส่วนพิชชาภาก็เชิดน้ำตาแล้วเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาฟรานติโน่ และเขาก็กดรับและบอกว่ามารอที่หน้าสนามบินแล้วให้เธอออกไปหาที่ประตูทางออก
ฟรานติโน่ที่ตามหาพิชชาภาจนเจอเธอยืนอยู่กับครอบครัวของเธอและมีหนุ่มวัยรุ่นอีกหนึ่งคน ซึ่งไอ้เด็กนั่นไม่มีทางเป็นชู้กับเมียของเขาได้ เขาจึงแอบมองเธอลาน้องสาวของเธอจนเสร็จ
เขาก็เห็นเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร เขาก็ลุ้นว่าเธอจะโทรหาเขาไหมหรือนัดกับใครไว้หรือเปล่า แล้วสุดท้ายโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นจากสายเรียกเข้าของพิชชาภา เขาก็อมยิ้มอย่างดีใจ ก่อนจะกดรับและบอกให้เธอไปหาเขาที่หน้าสนามบิน พอพิชชาภาวางสายไปฟรานติโน่ก็รีบวิ่งออกไปที่รถทันที
พอพิชชาภามาถึงที่ประตูทางออกก็เห็นรถของฟรานติโน่จอดอยู่เธอก็เดินเข้าไปเปิดประตู แล้วนั่งลงข้างๆคนขับทันทีก่อนจะเสียบเข็มขัดนิรภัยอย่างเรียบร้อย จากนั้นก็เงยหน้าจะพูดกับฟรานติโน่ แต่เธอเห็นเขานั่งหายใจหอบๆอยู่
“เป็นอะไรคะ ทำไมหายใจแรงแบบนี้” พิชชาภาเอ่ยถามก็มองหน้าของฟรานติโน่อย่างสงสัย
“ปะเปล่า ผมแค่ร้อนเฉยๆ แล้วนี่จะกลับไปฝึกงานต่อเลยไหมจะได้ไปส่ง” ฟรานติโน่เอ่ยถามด้วยเสียงหอบๆ เพราะเหนื่อยจากการวิ่งมาที่รถก่อนหน้าเธอไม่ถึงสองนาที ไม่รู้พิชชาภาจะเดินเร็วไปไหน เขาแทบไม่ทันได้ตั้งตัว เขาจะให้เธอรู้ไม่ได้ว่าเขามาแอบตามเธอ ไม่งั้นเธอจะคิดว่าเขานั้นคิดอะไรกับเธอแล้วไปมโนเป็นตุเป็นตะอีก
“เร่งแอร์สิคะ ดูสิเหงื่อไหลเยอะเชียว หน้าคุณก็แดงไปหมดแล้ว” พิชชาภาพูดไปก็เอามือไปเร่งแอร์ให้แรงกว่าเดิม ก่อนจะเอามือไปหยิบทิชชูมาเช็ดเหงื่อบนใบหน้าหล่อๆของฟรานติโน่ แล้วก็เอ่ยพูดบอกไปอย่างสังเกต
ฟรานติโน่ก็กำลังมองใบหน้าหวานที่กำลังเช็ดหน้าของเขาด้วยความชอบใจที่เธอทำแบบนี้ให้เขา มันทำให้เขารู้สึกหายเหนื่อยไปเลย
“ไม่เสียแรงที่วิ่งมาจริงๆ” ฟรานติโน่พูดละเมอออกไปขณะที่มองหน้าหวาน จนพิชชาภายักคิ้วสงสัยว่าเขาวิ่งอะไร
“วิ่งอะไรคะ” พิชชาภาถามไปด้วยความสงสัยก็มองฟรานติโน่อย่างไม่เข้าใจ
“ไม่มีอะไร แล้วนี่สรุปจะไปทำงานต่อไหม ผมจะได้ไปส่ง” ฟรานติโน่ไม่ตอบ แต่กลับถามย้ำออกไปนพิชาภาไม่ได้สนใจอะไร
“วันนี้พิชลาแล้วค่ะ กลับบ้านก็ได้ค่ะ แล้วคุณมีงานต่อรึเปล่า” พิชชาภาเอ่ยถามกลับไปก็หันไปเก็บกระเป๋าไว้หลังรถ
“ไม่มี งั้นวันนี้เราไปซื้อของไปทำอาหารทานกันที่บ้านก็แล้วกัน ตั้งแต่มื้อสลัดวันนั้นคุณยังไม่ได้โชว์ฝีมือทำอาหารให้ผมทานจริงๆจังๆเลยนะ” ฟรานติโน่เอ่ยพูดไปก็ยิ้มมุมปากอย่างขำๆ เพราะตั้งแต่วันนั้นทั้งเขาและพิชชาภาก็สั่งให้แม่บ้านทำให้ตลอด
“ก็เพราะคุณนั่นแหละค่ะ วันนี้หวังว่าเราจะได้ทานอาหารกันจริงๆนะคะ” พิชชาภาตอบไปก็ยิ้ม เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เธอกับฟรานติโน่มีความสุขกันมาก จนเธอไม่อยากให้มันครบหนึ่งเดือนเลย แต่มันเหลือเวลาอีกแค่อาทิตย์เดียวเธอก็จะใช้เวลาที่เหลือให้เต็มที่