2. บังเอิญ
หลายวันผ่านไป
เสี่ยกำธรก็มาหาโจเซฟที่บ้านเพื่อทักทวงหนี้สินที่ติดค้างอยู่ จนพิริมาและโจเซฟก็ทำหน้าอักอ่วนใจอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เมื่อเจ้าหนี้รายใหญ่กำลังมาทวงหนี้พวกเขาถึงบ้าน ทั้งที่อีกสองวันมันก็จะถึงกำหนดชำระหนี้แล้ว
“เสี่ยไม่ต้องห่วงนะครับ ผมกำลังรีบหาเงินมาให้เสี่ยอยู่ ยังไงก็ต้องทันวันชำระหนี้แน่นอน แต่ถ้ามันไม่ได้จริงๆ ผมคงจะยอมให้เสี่ยยึดร้านของผมไป” โจเซฟเอ่ยพูดกับเสี่ยกำธรด้วยเสียงเครียดๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าของภรรยาที่จับมือให้กำลังใจเขาไม่ห่าง
ส่วนพิชชาภาก็ลงมาด้านล่างพอเห็นว่าเสี่ยกำธรมาเธอก็รีบไปแอบฟังที่ประตูห้องนั่งเล่นอย่างตั้งใจว่าพวกผู้ใหญ่กำลังคุยอะไรกัน เพราะเธออยากรู้ว่าเสี่ยกำธรมาที่นี่ทำไม
“ผมมีข้อเสนอมาให้คุณสองคนด้วยนะ ถ้าคุณสองคนสนใจล่ะก็ ร้านนวดก็ยังคงจะเป็นของคุณเหมือนเดิมแล้วหนี้ระหว่างเราก็จะจบลงโดยที่ผมจะฉีกสัญญาระหว่างเราทิ้ง เพียงแค่คุณยอมให้หนูพิชหรือว่าหนูพลอยมาเป็นเมียน้อยของผม” กำธรเอ่ยพูดด้วยเสียงเจ้าเล่ห์พร้อมกับสายตาแพรวพราว เพราะเขาอยากจะได้พิชชาภาและพลอยลดามานานแล้วเขาจึงยอมให้โจเซฟยืมเงินง่ายๆ เพื่อที่เขาจะได้ใช้วิธีนี้มัดมือชกเอาพิชชาภาและพลอยลดามาเป็นเมีย
ส่วนพิชชาภาพอได้ฟังก็ตกใจ เพราะเสี่ยกำธรมันเจาะจงจะเอาตัวเธอกับน้องสาวไปเป็นเมียน้อยของมันจริงๆ เธอจึงแอบฟังต่อไปว่าน้าทั้งสองของเธอจะตอบไปว่าอย่างไร
“ผมยอมเสียร้านให้เสี่ยไป ดีกว่าผมต้องยอมให้ลูกและหลานสาวของผมไปตกนรกแบบนั้น ผมจะไม่มีวันทำเลวระยำแบบนั้นกับพวกแกเด็ดขาด” โจเซฟพูดด้วยเสียงเข้มอย่างไม่พอใจ เมื่อเสี่ยกำธรพูดขอให้หลานสาวของเขาไปเป็นเมียน้อยอย่างตรงๆ
“ใช่ค่ะ พิมว่าเสี่ยกลับไปเถอะค่ะ ยังไงเราก็ไม่รับข้อเสนอของเสี่ยแน่นอน” พิริมาเอ่ยพูดไปก็ทำหน้าจริงจังจ้องเสี่ยกำธรอย่างไม่พอใจเช่นกัน
“ถือว่าผมเสนอข้อเสนอดีๆให้พวกคุณแล้วนะ ถ้าถึงวันชำระหนี้จะหาว่าผมใจร้ายกับพวกคุณไม่ได้นะ ยังไงผมก็ยังรอคำตอบของพวกคุณอีกครั้งถ้าพวกคุณจะเปลี่ยนใจ” เสี่ยกำธรพูดบอกไปก็ลุกขึ้นแล้วมองไปที่สองสามีภรรยาด้วยรอยยิ้มเยาะ ก่อนจะคิดในใจว่า ไม่มีปัญญาหาเงินมาใช้แล้วยังจะหยิ่งทะนงตัวอีก ยังไงลูกหรือหลานของพวกแกก็ต้องกลายเป็นเมียของฉันอยู่วันยังค่ำ
“ขอไม่ส่งนะครับ เชิญครับเสี่ย” โจเซฟพูดไปก็แลสายตามองหน้าของเสี่ยกำธรที่กำลังยิ้มเยอะเย้ยเขาอย่างเจ็บใจ
จากนั้นเสี่ยกำธรก็เดินออกไป พวกเขาก็มองดูในกระจกห้องนั่งเล่นก็มองเสี่ยกำธรขึ้นรถไปพร้อมกับลูกน้องที่ติดตามมา
“เราคงต้องเสียร้านให้ไอ้เสี่ยนี่แล้วจริงๆคุณพิม ยังไงผมก็ไม่ปล่อยยัยพิชกับยัยพลอยให้ไอ้เสี่ยนั่นเด็ดขาด ส่วนเงินที่เหลือผมว่าเราขายบ้านหลังนี้แล้วย้ายไปอยู่ที่บ้านแม่ของคุณกันดีไหม อย่างน้อยเราจะได้มีเงินเหลือไปตั้งตัวอยู่บ้าง” โจเซฟบอกไปด้วยเสียงเศร้า เพราะเขาคิดว่าไม่มีทางไหนดีกว่านี้แล้ว
พอพิชชาภาได้ยินเธอก็เดินกลับขึ้นไปบนห้องทันที ก่อนจะรีบหาเช็คเงินสดที่ฟรานติโน่ให้เธอมาเมื่อหลายวันก่อนลงไปหาน้าทั้งสอง
“พิมว่าก็ดีเหมือนกันค่ะ ไปเปิดร้านนวดอยู่ที่เชียงใหม่ก็น่าจะได้ ส่วนเรื่องเรียนต่อของยัยพลอย พิมจะคุยกับลูกให้แกเรียนมหาลัยที่นี่เองค่ะ เพราะถึงยัยพิชจะช่วยอีกคน แต่ยัยพลอยเรียนตั้งสี่ปีเราจะหาเงินที่ไหนมาส่งแกกันคะ เฮ้อ” พิริมาพูดบอกไปด้วยเสียงเศร้า เพราะเธอก็ไม่อยากทำลายความฝันของลูกสาว แต่ในเมื่อตอนนี้ครอบครัวกำลังมีปัญหาลูกสาวของเธอก็คงจะเข้าใจ
“งั้นเดี๋ยวผมจะไปลงประกาศขายบ้านเราก็แล้วกัน ส่วนคุณก็ไปคุยกับลูกนะ”โจเซฟเอ่ยพูดก็เอามือตบไหล่ของภรรยาสาวเลาๆก่อนจะยิ้มบางๆให้
“น้าโจน้าพิม ไม่ต้องขายบ้านแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้พิชหาเงินมาใช้หนี้ให้น้าโจกับน้าพิมได้แล้วนะคะ แล้วยัยพลอยก็จะได้ไปเรียนเมืองนอกเหมือนเดิม” พิชชาภาเดินเข้ามาพร้อมกับเอ่ยพูดไปด้วยใบหน้าเก้ๆกังๆ ก่อนจะส่งเชคเงินสดสิบล้านบาทให้ทั้งสองคนดู
“เราไปเอาเงินตั้งมากมายขนาดนี้มาจากไหนกันยัยพิช บอกน้ามานะ” พิริมามองเชคเงินสดในมืออย่างอึ้งๆ เพราะเธอยังหาเงินจำนวนนี้มาไม่ได้ แล้วหลานสาวของเธอไปหามาจากที่ไหนกัน
“คือพิช อ่อ พิชยืมต้นกับยัยแป้งมาน่ะค่ะ สองคนนั้นรวมเงินกันเพื่อช่วยพิชน่ะค่ะน้าพิม” พิชชาภาโกหกออกไปก็หลบสายตาของทั้งสองที่กำลังจ้องมาที่เธอ
“อย่าโกหกน้านะพิช น้าเลี้ยงเรามาจนโต ทำไมน้าจะดูไม่ออกว่าเรากำลังโกหกน้าอยู่” พิริมาเอ่ยไปด้วยเสียงจริงจัง พร้อมกับจ้องหลานสาวอย่างคาดโทษ
“เชคใบนี้มันเขียนด้วยลายเซ็นของคนคนเดียว มันจะกลายเป็นของต้นกับแป้งได้ยังไง บอกมาว่าเราไปเอาเงินนี่มาจากไหน อย่าโกหกอีกถ้ายังเห็นน้าเป็นน้า” โจเซฟพูดไปด้วยเสียงเครียด เพราะเงินตั้งมากมายขนาดนี้ หลานสาวเขาจะไปหามาจากที่ไหน ขออย่าให้หลานสาวของเขาไปทำอะไรอย่างที่เขาคิดเลย
“น้าโจน้าพิม พิชขอขอโทษ” พิชชาภาพูดไปก็ร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่ได้ เพราะเธอรู้ว่าสิ่งที่เธอทำมันทำให้น้าทั้งสองต้องเสียใจ
“ร้องไห้ทำไมยัยพิช บอกน้าสิว่าเราร้องไห้ทำไม” พิริมาเข้าไปกอดหลานสาวที่กำลังร้องไห้อย่างไม่เข้าใจว่าทำไม ก่อนจะเครียดกว่าเดิมเมื่อหลานสาวร้องไห้ออกมา
“พิช อือๆ พิชไปขายตัวให้ไฮโซคนหนึ่งมาค่ะ อือๆ พิชไม่ได้ตั้งใจนะคะ พิชแค่อยากจะช่วยน้าโจกับน้าพิมปลดหนี้ พิชขอโทษ พิชทำให้น้าโจกับน้าพิมผิดหวังในตัวพิช อือๆ” พิชชาภาพูดไปก็ร้องไห้ไป เธอรู้ว่าน้าทั้งสองต้องโกรธเธอมากแน่ๆ แต่มันไม่มีวิธีไหนจะได้เงินรวดเร็วแบบนี้อีกแล้ว
“พิช โถ่ลูก น้าต่างหากที่ผิด น้าขอโทษที่ทำให้หนูต้องเจอเรื่องแบบนี้ น้าขอโทษนะลูก” พิริมาบอกไปก็ร้องไห้ตามหลานสาวอย่างเสียใจ เธอไม่คิดเลยว่าพิชชาภาจะหาทางออกด้วยวิธีนี้ เธอทำให้หลานสาวของตัวเองต้องเดือดร้อน เพราะเธอเอง
“น้ากับน้าพิมผิดเองที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ น้าขอโทษนะพิช น้าขอโทษ” โจเซฟพูดไปก็เข้าไปกอดหลานสาวร่วมกับภรรยา พร้อมกับน้ำตาร่วงออกมาที่เขาต้องทำให้หลานสาวต้องเสียความบริสุทธิ์ไป
“อือๆ น้าพิมกับน้าโจไม่ผิดหรอกค่ะ น้าสองคนเลี้ยงพิชมาจนโตขนาดนี้ พิชจะทนเห็นน้าโจกับน้าพิมลำบากได้ยังไงคะ รับเช็คใบนี้ไว้นะคะพิชขอ” พิชชาภาบอกไปพร้อมน้ำตาก็กอดน้าทั้งสองคนด้วยความเสียใจ
“ที่เราหายตัวไปเมื่อคืนก่อนแล้วกลับมาสภาพโทรมๆ เพราะเราไปทำแบบนี้มาใช่ไหม โธ่ยัยพิช” พิริมาพูดไปก็มองหน้าหลานสาวที่พยักหน้าตอบว่าใช่ ก่อนจะพากันไปนั่งคุยที่โซฟาอย่างจริงจัง
“ทำไมเขาถึงยอมจ่ายให้เราตั้งสิบล้าน มันมีอะไรนอกจากนี้หรือเปล่าพิช” โจเซฟเอ่ยถามออกไปด้วยสายตาอัดอั้นใจที่ไม่สามารถดูแลครอบครัวได้ จนหลานสาวต้องไปขายตัวแลกเงินแบบนี้
“พิช ยอมตกลงเป็นนางบำเรอให้เขาหนึ่งเดือนค่ะ เขาก็เลยยอมจ่ายค่าตัวให้พิชมาสิบล้านค่ะ แล้ววันเสาร์นี้พิชก็ต้องไปอยู่กับเขาแล้ว” พิชชาภาพูดไปเสียงเศร้า ก่อนจะก้มน้าอย่างรู้สึกผิด
“เอาเงินไปคืนเขา น้าไม่อยากให้เราทำแบบนี้” โจเซฟพูดออกไป เพราะเขารับกับเรื่องนี้ไม่ได้จริงๆ
“ไม่ค่ะน้าโจ พิช อ่อ พิชเต็มใจที่จะทำแบบนี้จริงๆ พิชเสียตัวให้เขาไป แล้วจะเสียอีกแค่เดือนเดียวก็คงไม่เป็นไร อย่างน้อยอย่าให้สิ่งที่พิชทำครั้งนี้เสียเปล่าเลยนะคะ” พิชชาภาพูดไปก็จับมือน้าทั้งสองอย่างจริงจัง เพราะเธอทำมาถึงขนาดนี้แล้ว เธอจะไม่ถอยหลังเด็ดขาด
ความจริงก่อนหน้านี้ เธอได้ปฎิเสธฟรานติโน่ไปแล้ว และเธอก็เลือกจะทำงานถ่ายโฆษณาให้กับแฟรงก์ ซึ่งเป็นเพื่อนของอารันรุ่นพี่ที่ทำงานร้านพรีเวดดิ้งด้วยกัน โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าแฟรงก์นั้นเป็นน้องชายของฟรานติโน่
พอฟรานติโน่มาเห็นเธออยู่กับแฟรงก์เขาก็คิดว่าเธออ่อยจะเอาทั้งพี่ทั้งน้อง เธอบอกเขาไปเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง จนในที่สุดเธอก็ตกเป็นของเขา เธอจึงยอมรับเงินของเขามา อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้เสียตัวให้เขาเชยชมแบบฟรีๆ
“แต่น้าไม่อยากให้พิชทำแบบนี้เลย น้าขอนะลูก พิชอย่าทำแบบนี้อีกเด็ดขาด” พิริมาบอกไปก็เอามือลูบผมของหลานสาวอย่างเอ็นดู
“ค่ะ แต่น้าโจกับน้าพิมรับเชคใบนี้ไว้นะคะ ส่วนเรื่องเรียนต่อของยัยพลอย น้าโจกับน้าพิมก็จัดการต่อได้เลยนะคะ อย่างน้อยเราก็ไม่มีหนี้แล้ว พิชว่าน้าสองคนก็คงจะพอไหว พิชก็จะช่วยอีกแรงนะคะ” พิชชาภาพูดไปก็ยิ้มทั้งน้ำตาแล้วเข้าไปกอดน้าสาว
“แล้วผู้ชายคนนั้นมันเป็นใคร บอกน้าได้ไหมยัยพิช เขายอมซื้อตัวเราเป็นลิบล้านแบบนี้ เขาก็คงจะมีใจชอบเราบ้างใช่ไหม” โจเซฟเอ่ยถามออกไป เพราะเขาอยากจะรู้ว่าใครกันที่มันกล้าซื้อตัวหลานสาวของเขา
“เขาไม่มีทางชอบพิชหรอกค่ะน้าโจ เขาชื่อคุณฟรานติโน่ สุริยสิงห์ค่ะน้าโจ น้าไม่ต้องกลัวว่าเขาจะทำอะไรพิชนะคะ เพราะเขาเองก็มีคู่หมั้นอยู่แล้ว เขาคงไม่มาอะไรกับคนแบบพิชหรอกค่ะ” พิชชาภาบอกไปก็หลบสายตา เพราะเธอเองก็รู้สึกดีกับชายหนุ่มไม่น้อย เพราะถึงเขาจะปากร้ายแต่เขาก็ยังห่วงใยเธออยู่บ้าง
“แล้วเราล่ะ ชอบเขารึเปล่า” พิริมาถามออกไปพร้อมกับมองหน้าหลานสาวของตัวเองอย่างอยากรู้ แต่ดูจากอาการเธอก็พอจะเดาออก
“เฮ้อ น้าไม่อยากให้เราต้องเจ็บ จะทำอะไรก็เผื่อใจไว้บ้างนะ น้ากับน้าพิมจะอยู่ข้างเราเสมอ” โจเซฟพูดบอกไปก็มองหลานสาววอย่างสงสาร เพราะตอนนี้เขามั่นใจว่าหลานสาวของเขาคงจะหวั่นไหวกับหนุ่มคนนั้นไปแล้ว เขาจึงอยากเตือนไว้
“ค่ะ พิชรู้ค่ะว่าระหว่างพิชกับเขา มันก็แค่หนึ่งเดือนเท่านั้น หลังจากนั้นพิชก็จะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติของพิช พิชไม่มีทางชอบเขาแน่นอนค่ะ น้าพิมกับน้าโจสบายใจได้เลย งั้นพิชไปขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะคะ ไข้ยังไม่หายดีเลย” พิชชาภาบอกไป เพราะเธอไม่อยากให้น้าทั้งสองถามอะไรมาก แค่นี้มันก็แทงใจดำเธอมากพออยู่แล้ว
“อืม ได้สิลูก ถ้าไม่ไหวก็บอกน้านะ จะได้พาไปหาหมอ” พิริมาบอกไปก็นั่งมองหลานสาวเดินออกไปจากห้อง ก่อนจะหันมามองหน้าสามีแล้วปล่อยโฮออกมา
“คุณคะ อือๆ” พิริมาพูดไปก็กอดสามีอย่างเสียใจที่เธอไม่สามารถดูแลหลานสาวของตัวเองได้
“ไม่เป็นไรนะคุณ มันพลาดไปแล้วเราก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ต่อไปเราก็ช่วยกันดูแลยัยพิชก็พอ ส่วนเงินนี่ผมจะเอาไปคืนไอ้เสี่ยนั่นให้หมด จะได้ไม่ต้องมีอะไรติดค้างกันอีก ส่วนร้านผมจะเปลี่ยนมาเป็นผับแทน เราจะได้มีรายได้มากกว่าร้านนวด” โจเซฟเอ่ยพูดบอกไปเมื่อตอนนี้เขากำลังมีลู่ทางใหม่ในการทำธุรกิจ
“ก็ดีค่ะ ฉันไม่อยากเห็นยัยพิชต้องทำแบบนี้อีกแล้ว” พิริมาบอกไปก็กอดสามีอย่างเสียใจ
หลังจากนั้นพิชชาภาก็ไปอยู่กับฟรานติโน่ที่บ้านของเขาแบบลับๆ แต่ยิ่งนานวันเข้าความสัมพันธ์ของทั้งสองมันก็ยิ่งถลำลึกเข้าไปมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ฟรานติโน่เองก็ติดพิชชาภาจนเขาพาเธอไปญี่ปุ่นด้วย แถมยังพาเธอเที่ยวต่ออีกจนกลายเป็นข่าวใหญ่ในโลกโซเชี่ยว
ด้านแฟรงก์ที่เห็นข่าวของพี่ชายก็เรียกเมทีเข้ามาพบเป็นการส่วนตัวที่ห้อง เพราะอยากจะรู้ว่าผู้หญิงในภาพนี้เป็นใครทำไมถึงไปอยู่กับพี่ชายของเขาที่ญี่ปุ่นได้ เพราะปกติฟรานติโน่ไม่เคยเอาผู้หญิงมายุ่งเกี่ยวกับงานเลยสักครั้ง แต่พอเข้าดูภาพของผู้หญิงคนนี้เขาก็รู้สึกคุ้นๆแต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน เพราะภาพมันเห็นเพียงด้านหลังของผู้หญิงเท่านั้น แถมพี่ชายของเขายังจูงมือของเธออีก แบบนี้ไม่ให้เขาอยากรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร
“คุณแฟรงก์เรียกผมมาทำไมครับ มีอะไรให้ผมทำหรือเปล่า” เมทีเอ่ยถามออกไปก็นั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับแฟรงก์อย่างเป็นกันเอง
“ผมอยากรู้ว่าทำไมพี่ไม่ไปประชุมกับพี่ฟราน แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันทำไมถึงไปกับพี่ฟรานได้ อย่าโกหกผมนะพี่ที”แฟรงก์พูดไปก็ยื่นโทรศัพท์ของเขาให้กับเมทีดู พร้อมกับทำสีหน้าจริงจังใส่เมทีไม่ได้เล่นเหมือนก่อน
“อ่อคือ คุณฟรานให้ผมคอยต้อนรับลูกค้าอยู่ที่นี่น่ะครับผมก็เลยไม่ได้ไปด้วย ส่วนผู้หญิงนี่ผมก็ไม่รู้นะครับ สงสัยจะเป็นเด็กคุณฟรานมั้งครับคุณแฟรงก์ ทำไมไม่ลองโทรไปถามเอาเองล่ะครับจะได้รู้ๆกันไป” เมทีบอกไปอย่างโกหก เพราะเขารู้ว่าฟรานติโน่ไม่ต้องการให้เปิดเผยเรื่องของพิชชาภากับใคร โดยเฉพาะแฟรงก์เขาก็ไม่ควรบอกว่าผู้หญิงคนนั้นคือพิชชาภา และตอนนี้เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าระหว่างแฟรงก์กับพิชชาภามันคืออะไร
“แน่ใจนะว่าพี่ทีไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้จริงๆ” แฟรงก์พูดไปก็จ้องหน้าเมทีอย่างจับผิด เพราะเขารู้ว่าเมทีนั้นซื่อสัตย์กับพี่ชายของเขาขนาดไหน แต่ผู้หญิงคนนี้ยิ่งมองก็ยิ่งคุ้น เหมือนเด็กที่เพื่อนเขาแนะนำมาเป็นนางแบบเลย แต่จะว่าไปพี่ชายของเขาจะไปรู้จักกับพิชชาภาได้ไง แฟรงก์คิดในใจอย่างสับสน
“แน่ใจสิครับ ถ้าคุณแฟรงก์ไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ” เมทีบอกปก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงานของแฟรงก์ไป ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เฮ้อ น่ากลัวทั้งพี่ทั้งน้องจริงๆ” เมทีพูดไปก็เดินออกไปทันที เขาคิดว่าฟรานติโน่กับแฟรงก์นั้นมีความร้ายไม่ต่างกัน เพียงแต่ฟรานติโน่จะดูเงียบๆต่างจากแฟรงก์ที่ดูเฮฮาเฟรนลี่แต่พอเข้าโหมดโหดก็น่ากลัวไม่ต่างกัน
ส่วนแฟรงก์ก็นั่งทำงานต่อจนเกือบเย็น เขาก็ออกไปพบกับลูกค้าที่ร้านอาหารพอเสร็จเขาก็ขับรถสปอตคันหรูออกมา
แล้วโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเพราะปาลมีโทรเข้ามา เขาก็มองแล้วจะกดรับแต่พอหันกลับมามองถนนอีกทีเขาก็เห็นผู้หญิงกำลังจะข้ามถนน เขาจึงรีบหักรถหลบอย่างรวดเร็ว
“แม่ง ซวยอะไรแบบนี้วะ” แฟรงก์พูดอุทานออกไปก็รีบเปิดประตูไปหาคนที่เขาชนอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวว่าเมื่อกี้จะชนเธอเข้า
“โอ้ย” พลอยลดาร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อเธอล้มลงที่พื้นเพราะหลบจากรถที่กำลังจะพุ่งเข้ามาชน โชคดีที่รถคันนี้หักหลบไปก่อน ไม่งั้นเธอคงโดนรถชนไปแล้ว
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ” แฟรงก์รีบเข้าไปหาหญิงสาวที่เขาขับรถเชี่ยวทันที ก่อนจะค่อยๆช่วยประคองเธอให้นั่งที่ฟุตบาท แล้วต้องสะดุดกับใบหน้าหวานที่สวยได้รูปอย่างธรรมชาติ ก่อนจะสบตากับเธออย่างถูกใจ
ด้านพลอยลดาพอหันหน้ามามองคนที่เข้ามาเอ่ยถามเธอ เธอก็มองเขาอย่างอึ้งๆ เพราะเธอไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนแบบนี้มาก่อน แถมผู้ชายตรงหน้ายังเป็นฝรั่งแล้วก็หล่อเอามากๆ จนเธอคิดว่าเขาหลุดออกมาจากนิตยสารนายแบบอย่างไรอย่างนั้น
“อ่อ ไม่ ไม่เป็นไรค่ะ” พลอยละพูดไปอย่างตะกุกตะกะก่อนจะดิ้นขลุกขักอยู่ในอ้อมกอดของชายตรงหน้า จนเขารู้สึกตัวแล้วปลดมือที่โอบกอดเธอไว้
“อ่อ ขอโทษครับ ผมขับรถไม่ระวังเอง ไปโรงพยาบาลดีกว่าน่ะครับ เผื่อคุณมีปัญหาอะไรผมจะได้รับผิดชอบ” แฟรงก์เอ่ยพูดไปอย่างจริงใจ เพราะเขาผิดจริงๆที่ขับรถเชี่ยวเธอ
“อ่อ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก โอ้ย” พลอยลดาพูดบอกไปก็ลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง แต่ก็เกือบล้มลงไปเมื่อเธอเจ็บข้อเท้า
โชคดีที่ชายหนุ่มตรงหน้าช่วยโอบกอดเธอไว้อีกครั้ง จนเธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆจากตัวเขาที่หอมจนเธอเกือบจะเคลิ้ม คนอะไรหล่อก็หล่อ แถมกลิ่นตัวก็ห้อมหอมอย่างกับผู้หญิง
ส่วนแฟรงก์ก็สัมผัสได้ถึงขนาดหน้าอกของเธอที่เขาเอามือประคองเธอไว้ก็คิดว่าเด็กสาวคนนี้น่าจะโตแล้วในระดับนึง อยากจะรู้จริงๆว่าเธออายุเท่าไหร่กันทำไมหน้าเด็กขนาดนี้
“ไปโรงพยาบาลเถอะครับ เดี๋ยวผมจะรับผิดชอบเอง ขออนุญาตอุ้มนะครับ” แฟรงก์บอกไปก็อุ้มหญิงสาวตรงหน้าขึ้นอย่างง่ายดาย
ก่อนจะเอามีคนมาช่วยเขาเปิดประตูรถ เขาก็อุ้มเธอนั่งลงที่เบาะ แล้วหันกลับมาขอบคุณคนที่เปิดประตูให้ ก่อนจะเดินไปเก็บกระเป๋าของหญิงสาวมา แล้วเดินกลับขึ้นรถไปแล้วส่งมันให้กับเธอ
“นี่ของคุณครับ” แฟรงก์บอกไปก็ยิ้มให้หญิงสาวอย่างอ่อยๆ เพราะเขารู้สึกชอบหญิงสาวคนนี้เข้าแล้วสิ ดูสวยน่ารักแบบธรรมชาติดี ไม่ต้องแต่งเติมอะไรก็ดูมีเสน่ห์น่าค้นหา
“ขอบ ขอบคุณค่ะ” พลอยลดาบอกเสียงตะกุตะกะก็รับกระเป๋ามาพร้อมกับหัวใจเต้นอย่างแรงจนแทบจะหลุดออกมา แต่เธอก็ต้องตั้งสติไม่ให้เธอทำตัวโก๊ะๆใส่ชายหนุ่มตรงหน้า แล้วท่องไว้ในใจว่าเธอยังเด็กอยู่ เธอยังไม่พร้อมที่จะแรดในเวลานี้
“ก๊อกๆ ก๊อกๆ” เสียงคนเคาะกระจกรถของแฟรงก์รัวๆ จนเขาและเธอต้องหันไปดูก็เจอกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งเข้า เขาจึงกดกระจกรถลงไป
“มีอะไรรึเปล่าน้อง ทำไมมาเคาะกระจกรถพี่แบบนี้” แฟรงก์พูดภาษาไทยออกไปอย่างชัดเจนจนเด็กหนุ่มที่มองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง ถอนหายใจออกมาแล้วพูดกับเขาว่า