บทที่ 6 อสูรร้าย 1.5
“ได้สิ อแมนดา ทาร่ากลับก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกัน” ทิพย์ธาราปลีกตัวออกทันที และรู้สึกโล่งใจที่นายแบบหนุ่มเข้ามาช่วยเธอในสถานการณ์ที่อึดอัดเช่นนี้ โทมัสเดินมาโอบไหล่ของเธอ โดยที่ทิพย์ธาราไม่ได้คัดค้านการกระทำของนายแบบหนุ่ม หากคนที่ไม่พอใจจนอยากจะเอาปืนจ่อหัวโทมัสก็คือมาเฟียหนุ่ม ทั้งคู่กำลังเดินออกไปจากห้องจัดงาน แต่เสียงห้าวดังกังวานขึ้นเสียก่อน
“ผมกำลังจะพาอแมนดาไปทานอาหารอยู่พอดี ชวนคุณโทมัสด้วยแล้วกัน หวังว่าจะให้เกียรติผมนะครับ” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยอำนาจ เหมือนจะออกคำสั่งกลายๆ โทมัสหรือจะกล้าปฏิเสธมาเฟียหนุ่มแห่งเกาะซิซิลี ที่มีอำนาจแผ่ขยายมาถึงโรม และมิลาน อาจเป็นเพราะเขาเป็นเจ้าของโรงแรมชื่อดัง และยังมีกิจการมากมายในอิตาลี รวมทั้งเจ้าของร้านจิวเอลรีชื่อดังด้วย
“เอ่อ ครับ” โทมัสรับคำเชิญอย่างจำใจ เพราะเขาไม่อยากมีเรื่องกับผู้ชายคนนี้มากนัก เนื่องจากต้องหารายได้จากอาชีพนายแบบที่นี่อยู่ การที่มีข้อขัดแย้งกับมาเฟียดังคนนี้ไม่ส่งผลดีกับเขานัก
“งั้น!! ทาร่ากลับก่อนนะ”
“คุณก็ต้องไปด้วย เพราะคุณต้องไปดูแลอแมนดาไม่ใช่เหรอ” อเล็สซานโดรพูดแทรกขึ้น
“ไปกันหมดนี่น่ะแหละ รีบไปเถอะหิวจะแย่แล้ว” อแมนดาตัดสินใจเอง ทำให้ทิพย์ธาราเดินตามไปอย่างไม่เต็มใจนัก หากแต่เธอขัดอแมนดาไม่ได้
อเล็สซานโดรพาทั้งหมดมาที่ห้องอาหารหรูกลางกรุงโรม ทิพย์ธารามองอาหารบนโต๊ะที่แต่ละจานมีราคาค่อนข้างแพง จานหนึ่งอย่างต่ำมีราคาเฉียดร้อยยูโร ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่เธอใช้จ่ายกับน้องอีกสองคนได้หลายวัน พานให้นึกถึงอาหารหลักที่ทำกินภายในบ้านที่มีเพียงมักกะโรนี สปาเกตตีหรือไม่ก็พาสตาง่ายๆ เท่านั้น หากวันใดอแมนดาไม่ซื้อของมาฝากน้องๆ ของเธอ รับรองได้ว่าไม่ได้ทานอาหารอย่างอื่นแน่นอน
“มองอาหารแบบนี้ คิดถึงน้องๆ ละสิ” อแมนดาถามอย่างรู้ทัน ทิพย์ธาราได้แต่ยิ้มบางๆ เท่านั้น ทั้งหมดรับประทานอาหารกันอย่างเงียบๆ มีเพียงการสนทนาของอเล็สซานโดรและอแมนดาเท่านั้น
“เมดของอแมนดาเป็นคนไทยเหรอ” อเล็สซานโดรเอ่ยถามอแมนดา ระหว่างที่รอของหวาน พร้อมกับจิบน้ำแก้กระหาย
“ใช่ค่ะ ทาร่าเป็นคนไทย ชื่อว่าทิพย์ธาราหรือเรียกสั้นๆ ว่าลูกแมว แต่ชื่อนี้เรียกยาก ฉันเลยเรียกว่าทาร่าแทน ง่ายดี” อแมนดาตอบอย่างไม่ใส่ใจ อเล็สซานโดรพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะจ้องมองใบหน้าหวานของทิพย์ธารา ผ่านแว่นตาสีชาเข้มนิ่งโดยที่ทุกคนบนโต๊ะอาหารไม่รู้ ดวงตาของเขาทอประกายจ้าราวดวงไฟ เมื่อเห็นโทมัสป้อนของหวานที่บริกรนำมาเสิร์ฟ เข้าไปในปากของทิพย์ธารา ก่อนที่ทั้งสองจะยิ้มให้แก่กัน เขากระแทกแก้วน้ำลงอย่างแรง ทำให้คนที่นั่งร่วมโต๊ะต่างตกใจในท่าทีของชายหนุ่มยิ่งนัก แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร นอกจากก้มหน้ารับประทานของหวานตรงหน้าต่อไป ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินออกจากห้องอาหารหรู เมื่อการรับประทานอาหารเสร็จสิ้นลง
“ผมกลับก่อนนะครับ พรุ่งนี้ต้องถ่ายแบบแต่เช้า ไปลูกแมวน้อยกลับบ้านกัน” โทมัสเอ่ยลา ก่อนจะพาทิพย์ธาราเดินไปที่รถยนต์ของเขา โดยที่อเล็สซานโดรมองตามทั้งสองไป ด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์ โทมัสเดินไปถึงรถยนต์ของตนก็ต้องหัวเสียอย่างหนัก เมื่อรถยนต์ของเขาเต็มไปด้วยรอยขูดขีดรอบตัวรถ และที่สำคัญยางรถยนต์ของเขาทั้งสี่ล้อ แบนราบจนไม่สามารถใช้การได้
“อะไรกันวะ ใครทำเนี่ย” โทมัสกล่าวอย่างหัวเสีย จ้องมองรถยนต์ของตัวเองด้วยความไม่เข้าใจ เพราะเขาไม่เคยมีศัตรูที่ไหน ไม่น่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
“มีอะไรโทมัส” อแมนดาเอ่ยถาม เมื่อเดินได้ยินคำสบถของเพื่อนร่วมอาชีพ
“ใครก็ไม่รู้มาทำรถฉันแบบนี้ ขับกลับคอนโดก็ไม่ได้ สงสัยพรุ่งนี้ต้องให้อู่มาเอารถไปซ่อม” โทมัสพูดอย่างหัวเสีย
“ไม่เป็นอะไรหรอกโทมัส เรากลับรถแท็กซี่กันก็ได้ เดี๋ยวทาร่าออกครึ่งหนึ่ง” ทิพย์ธาราปลอบใจโทมัสที่ยืนทำหน้าเซ็งอยู่ข้างรถ
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น” โทมัสพูดเบาๆ
“เอาอย่างนี้ดีกว่า เดี๋ยวผมให้คนไปส่งคุณโทมัสที่บ้านเอง ส่วนทาร่าพอผมไปส่งอแมนดา แล้วผมจะไปส่งเธอเอง ตกลงหรือเปล่าครับ” เช่นเคยน้ำเสียงที่พูดออกมาเต็มไปด้วยอำนาจแฝงไว้ด้วยคำสั่ง
“ทาร่าอยู่ทางเดียวกับโทมัส กลับกับโทมัสก็ได้ค่ะ” ทิพย์ธาราแย้งคำพูดของอเล็สซานโดร เพราะเธอไม่ต้องการกลับบ้านพร้อมกับชายหนุ่มมาดดุเข้มคนนี้เลย
“คงจะไม่ได้ เพราะรถที่ฉันจะให้ไปส่งคุณโทมัส คือรถคันโน้น ที่นั่งซ้อนท้ายได้คนเดียว”
อเล็สซานโดรชี้ไปที่พาหนะที่จะพาโทมัสไปส่งที่คอนโด มันเป็นมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ที่มีที่นั่งเพียงสองที่ คือที่นั่งของคนขับและคนซ้อนท้าย ซึ่งเป็นรถของบอดีการ์ดของเขาเอง
“เอาตามที่เขาบอกน่ะแหละ อย่าเรื่องมากกันเลย ฉันอยากกลับบ้านจะแย่อยู่แล้ว เหนื่อยอยากอาบน้ำ” อแมนดาพูดอย่างไม่พอใจนัก เพราะตอนนี้เธอทั้งเหนื่อยและเหนียวตัว อยากจะแช่น้ำอุ่นเต็มทนแล้ว โทมัสและทิพย์ธาราจำต้องทำตามคำพูดของอแมนดา อีกทั้งตอนนี้ก็ดึกมากแล้วจริงๆ
อเล็สซานโดรมาส่งที่คอนโดของอแมนดาก่อน เพราะอยู่ใกล้ที่สุด เมื่อนางแบบสาวก้าวลงจากรถยนต์ไป โดยชายหนุ่มเดินลงไปส่งที่หน้าคอนโด ทั้งสองยืนกอดจูบกันโดยไม่อายสายตาของคนอื่น อาจเป็นเพราะการกอดจูบ เป็นเรื่องที่เห็นชินตาของคนในโลกตะวันตกก็เป็นได้
“ไม่ขึ้นไปข้างบนก่อนหรือคะ” อแมนดาพูดอย่างเชิญชวน เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อเล็สซานโดรมาที่นี่ และไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาจะค้างคืนที่นี่เช่นกัน
“วันนี้คงไม่ เพราะผมต้องไปส่งเมดของคุณ แล้วอีกอย่างคุณบอกว่าเหนื่อยไม่ใช่หรือ พรุ่งนี้ผมมาหาคุณก็แล้วกันนะครับ” ใจหนึ่งเขาอยากขึ้นไปที่ห้องของเธอ เพราะติดใจรสชาติของอาหารว่างที่เผ็ดร้อนและจัดจ้านของนางแบบสาว หากแต่ตอนนี้อาหารว่างจานใหม่ที่เขาหมายตาไว้ ก็น่าลิ้มลองไม่ใช่เล่น จนเขาไม่อยากอดทนรอต่อไป
“ก็ได้ค่ะ พรุ่งนี้เจอกัน ฝากทาร่าด้วยนะคะ” อแมนดาพูดจบก็เดินเข้าไปในคอนโดทันที พอมาเฟียหนุ่มเดินกลับมาที่รถยนต์คันหรูของเขา ก็ต้องหัวเสียอย่างหนัก เพราะอาหารว่างจานใหม่ของเขา ได้อันตรธานไปเสียแล้ว
“ทาร่าหายไปไหน” อเล็สซานโดรเอ่ยถามโรแบร์โตที่ยืนอยู่ข้างรถ
“เธอเดินลงไปตั้งแต่เจ้านายเดินไปส่งคุณอแมนดาแล้วครับ”
“โธ่เว้ย!! อะไรวะผู้หญิงคนเดียวดูแค่นี้ก็ดูไม่ได้” ชายหนุ่มสบถและตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความหงุดหงิด ที่ลูกแมวน้อยหายไปอย่างไร้ร่องรอย เขากวาดสายตาไปทั่วบริเวณ หวังจะได้พบร่างของเธอ หากแต่ไม่เห็นแม้แต่เงา
“เจ้านายไม่ได้สั่งให้ผมดูเธอนี่ครับ แล้วผมจะรู้ได้ยังไง” โรแบร์โตย้อนถามด้วยอาการงุนงง เพราะไม่มีคำสั่งจากเจ้านายของเขาสักคำเดียว ว่าอย่าให้ทิพย์ธาราก้าวออกจากรถยนต์คันนี้ อเล็สซานโดรไม่ได้โต้แย้งคำพูดของโรแบร์โต เพราะมันเป็นอย่างที่ลูกน้องคนสนิทของเขาพูดจริงๆ อเล็สซานโดรทำได้เพียงแยกเขี้ยวใส่โรแบร์โตเท่านั้น ก่อนจะก้าวขึ้นรถยนต์ด้วยความหงุดหงิดหัวใจเป็นที่สุด
เมื่อรถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวออกไป ทิพย์ธาราที่แอบซ่อนอยู่ที่หลังพุ่มไม้ด้านข้างของคอนโดก็ก้าวออกมา พร้อมกับผ่อนลมหายใจออกมาอย่างแรง ที่สามารถรอดพ้นจากเงื้อมมือของอสูรร้ายได้สำเร็จ ทิพย์ธาราบอกตัวเองไว้มั่นว่าอเล็สซานโดรคือผู้ชายที่ควรจะอยู่ห่างให้มากที่สุด ในสมองของเธอจึงคิดหาทางหนีทีไล่อยู่ตลอดเวลา เพราะถ้าหากเดินทางกลับบ้านกับเขาตามลำพัง ทิพย์ธาราเองไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง หากเกิดเหตุการณ์อย่างเช่นในห้องแต่งตัวอีก เธอเองไม่รู้ว่าจะทานทนกับอำนาจเสน่หาที่เขามอบให้ได้หรือไม่ ในที่สุดโอกาสรอดของสาวน้อยก็มาถึง ทิพย์ธาราอาศัยจังหวะที่เขาเดินไปส่งอแมนดาที่หน้าประตูคอนโด ก้าวลงมาจากรถโดยที่โรแบร์โตที่ยืนดูความปลอดภัยให้เจ้านาย ที่ข้างรถยนต์ไม่ทันสังเกต เพราะเธอเปิดประตูอีกด้านหนึ่งออกไป และรีบวิ่งมาหลบที่หลังพุ่มไม้ทันที ก่อนที่อเล็สซานโดรจะเห็น และลากตัวเธอขึ้นไปบนรถ
อเล็สซานโดรได้แต่ฮึดฮัดอยู่ในใจ ที่ไม่สามารถลิ้มลองอาหารว่างจานใหม่ดังที่ตั้งใจ เขาไม่คาดคิดว่าสาวน้อยร่างบางหอมหวานคนนั้น จะกล้าหนีเขาไป แต่มีหรือที่คนอย่างเขาจะยอมง่ายๆ
“หนีให้ตลอดนะแม่ลูกแมวน้อย หนีให้ตลอด” ชายหนุ่มพูดอย่างเคียดแค้น เพราะไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าทำกับเขาเช่นนี้มาก่อน มีหรือที่คนอย่างเขาจะยอมให้อาหารจานใหม่ที่เขาหมายปองหลุดลอยไป ไม่มีทางเสียหรอก ทิพย์ธารายังรู้จักเขาน้อยไป