บทที่ 2 อสูรร้าย 1.1
ทิพย์ธาราก้าวเดินไปยังห้องส่วนตัวของนางแบบสาวที่ทางเจ้าของงานจัดเตรียมไว้ให้ด้วยขาอันสั่นเทาเพราะเธอยังไม่ลืมช่วงนาทีระทึกใจสดๆ ร้อนๆ ที่ผ่านมา แต่พอเข้ามาในห้องดังกล่าวแล้วยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ คนที่อยู่ในห้องก็ระเบิดความไม่พอใจทันที
“ทาร่าทำไมมาช้าจัง อีกไม่กี่นาทีงานจะเริ่มแล้วนะ”
อแมนดาวีนใส่ทิพย์ธาราตามประสาคนเอาแต่ใจ
“ตอนที่อแมนดาโทรมาสั่งให้เอาของมาให้ทาร่าอยู่ที่บ้านน่ะ กว่าจะไปเอาของที่อพาร์ตเมนต์ของคุณ แล้วกว่าจะมาถึงที่นี่ก็ต้องใช้เวลาหน่อยสิคะ” ทิพย์ธาราตอบขณะที่ส่งของให้อแมนดา
“อืมๆ ฉันลืมไป” เสียงของนางแบบสาวอ่อนลง “แล้วนี่หน้าตาซีดเชียวไม่สบายหรือเปล่า”
อแมนดาถามด้วยความเป็นห่วง ภายนอกคนอาจจะมองว่านางแบบสาวเป็นคนขี้วีน เรื่องมาก เอาแต่ใจตัวเอง แต่อแมนดาก็คอยช่วยเหลือครอบครัวทิพย์ธารามาตลอด
การช่วยเหลือของอแมนดาเกิดขึ้นเมื่อสี่ปีก่อน หลังจากพ่อเลี้ยงและมารดาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ ทำให้ทิพย์ธาราเคว้งคว้างเหมือนลอยอยู่กลางอากาศไร้หลักยึดและพึ่งพิง เพราะมองไปทางใดล้วนแล้วแต่มืดมิด ครอบครัวของพ่อเลี้ยงไม่ชอบมารดาและเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงขับไล่เธอและน้องออกจากบ้าน เงินที่มีติดตัวอยู่ไม่มากนัก แต่มากพอที่จะหาห้องเช่าเล็กๆ อยู่อาศัยกันได้สามคนพี่น้อง
ทิพย์ธาราทำงานทุกอย่างเพื่อให้ตัวเธอและน้องอยู่รอด ตั้งใจไว้ว่าจะเก็บเงินสักก้อนเพื่อเป็นค่าตั๋วเครื่องบินกลับเมืองไทย ถิ่นฐานบ้านเกิดที่อบอุ่นมากกว่าอยู่ต่างแดน และที่ทิพย์ธาราได้มาทำงานเป็นสาวใช้ของนางแบบสาวเป็นเพราะอแมนดาต้องการสาวใช้คนใหม่ เข้ามาทำหน้าที่แทนคนเก่าที่ไม่สามารถทนกับนิสัยของเธอได้ โดยบอกผ่านมาเรียเจ้าของร้านเสื้อชื่อดังให้หาให้ และบังเอิญเหลือเกินที่ทิพย์ธาราทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดที่นั่น ทิพย์ธาราจึงสมัครเป็นสาวใช้คนใหม่ของอแมนดาทันที
“ปะ เปล่าสงสัยคงเหนื่อยมั้งคะเพราะรีบเอาของมาให้คุณ”
ทิพย์ธาราแก้ตัว เธอจะบอกอแมนดาได้อย่างไรว่า ที่หน้าซีดนี้เป็นเพราะชายคนหนึ่งทิ้งรอยสัมผัสวาบหวามไว้กับเธอ ยิ่งคิดถึงชายคนนั้นร่างกายของทิพย์ธาราร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันจะเดินแบบแล้ว รอฉันอยู่ในนี้นะอย่าออกไปไหนถ้าเหนื่อยมาก็นั่งพักนอนพัก ห้องนี้เป็นห้องส่วนตัวที่เจ้าของงานเตรียมไว้ให้ฉันไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอก อีกอย่างเธอก็อย่าออกไปเดินเพ่นพ่านด้านนอกล่ะ เดี๋ยวจะเกะกะพวกคนที่อยู่ด้านนอก เธอยิ่งเปิ่นๆ อยู่ด้วย” อแมนดาสั่งทิพย์ธาราจบก็เดินออกไปจากห้องเพื่อทำหน้าที่ของตน
“ค่ะ” ทิพย์ธารารับคำและทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้นวม มือนุ่มเล็กหยิบนิตยสารที่อยู่บนโต๊ะ เปิดอ่านดูเนื้อหาภายในเพื่อฆ่าเวลา
ด้านนอกห้อง
อเล็สซานโดรเดินตรวจความเรียบร้อยภายในงานที่กำลังจะเริ่มขึ้นอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า วันนี้เป็นวันเปิดตัวชุดเครื่องเพชรคอลเลกชันใหม่ของบริษัทของเขาที่มีอยู่ด้วยกันหลายชุด เขาจึงให้ความสำคัญกับงานในครั้งนี้มากเพราะหลายคนจับตามองชุดเครื่องเพชรว่าจะสวยเพริศพริ้งทรงคุณค่ามากแค่ไหน ซึ่งเขาเองก็มั่นใจว่า ไม่ทำให้เหล่าคนดังทั้งหลายผิดหวัง
ระหว่างที่เดินดูความเรียบร้อยมีหญิงสาวและนางแบบสาวหลายคน ชายตามองชายหนุ่มมาดเข้มที่เปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์แห่งบุรุษเป็นทิวแถว บ้างส่งสายตายั่วยวน เชื้อเชิญ อยากจะเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของมาเฟียดังคนนี้สักครั้ง
“อแมนดาอยู่ไหน” เจ้าของงานเอ่ยถามผู้ดูแลความเรียบร้อยของงานที่เดินตามต้อยๆ
“อยู่ห้องทางซ้ายมือครับ”
“ขอบใจ คุณไปทำงานต่อเถอะ”
อเล็สซานโดรเดินตรงไปที่ห้องตามที่ได้รับคำตอบ เพื่อไปหาอแมนดาคู่ควงคนล่าสุดของเขาและเปรียบเสมือนเป็นอาหารว่างเผ็ดร้อนจานใหม่ด้วย ส่วนคนที่ให้คำตอบก็เดินไปทำงานต่อตามหน้าที่
พอมาถึงหน้าห้องดังกล่าวเขาก็เปิดประตูเข้าไปโดยไม่คิดจะเคาะประตูเป็นสัญญาณบอกกล่าวคนในห้อง เมื่อประตูเปิดกว้างสายตาคมไม่ต่างกับดวงตาของพญาอินทรีมองมายังร่างของสตรีนางหนึ่งที่มองยังไงเธอก็ไม่ใช่อแมนดาผู้หญิงของเขา แต่เธอเหมือนกับผู้หญิงอีกคนที่วิ่งหนีเขาออกมาจากลิฟต์
โชคเข้าข้างเขาแท้ๆ ประเคนเนื้อสมันให้ถึงที่โดยไม่ต้องออกแรงตามหา แล้วในเมื่อห้องนี้ก็ปิดมิดชิด อีกทั้งยังไร้คนรบกวนมีหรือที่อเล็สซานโดรจะปล่อยให้โอกาสดีๆ อย่างนี้หลุดมือไปเขายกยิ้มขึ้นข้างหนึ่ง พร้อมกับสืบเท้าไปยังสมันสาวสดน่าลิ้มลอง
“อแมนดาไหนว่าจะออกไปเดินแบบไง ทำไมกลับมาเร็วจัง”
ทิพย์ธาราคิดว่าคนที่เข้ามาคืออแมนดาเพราะนางแบบสาวบอกกับตนก่อนจะออกจากห้องนี้ว่า ห้องนี้เป็นห้องส่วนตัวของเธอ ไม่มีใครเข้ามาได้ถ้าหากไม่ได้รับอนุญาต ทิพย์ธาราจึงไม่ได้เงยหน้ามามองว่า บุคคลที่ก้าวเข้ามาหาเธอคืออสูรร้ายตัวยง