อลเวงหัวใจพบรัก

78.0K · จบแล้ว
มะนาว​สีชมพู​
40
บท
6.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เรื่อง...อลเวงหัวใจพบรัก คำโปรย รู้ทั้งรู้ว่าเป็นแค่การแสดง แต่ทุกครั้งที่เธอถูกเนื้อต้องตัว นอกจากเขาจะเสียเงิน ยังเหมือนถูกเธอลวนลามอีกด้วย (เรื่องราวจะอลเวงขนาดไหน ใครได้กำไร ใครขาดทุน ติดตามได้ในเรื่องนะคะ) แนะนำตัวละคร ปราโมทย์ (ปราชญ์) อายุ 32 ปี เจ้าของโรงแรมชื่อดังของจังหวัด เขาหล่อ รวย จึงไม่แปลกที่จะมีสาวๆเข้ามามากมาย แต่เขาไม่ต้องการ จึงอยากหาไม้กันหมาสักคน มากันผู้หญิงพวกนั้นออกไป เมธาวี (เมล์) อายุ 22 ปี พนักงานใหม่ที่เพิ่งรับเข้ามาทำงานในโรงแรม เธอสวย น่ารัก ขี้งก ความสามารถเรื่องงานไม่มี แต่เรื่องใช้ปากเธอถนัด @@@@@@ นิยายรัก ฟีลกู๊ด ฟินๆ เหมือนเดิมค่ะ

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันประธานตลกรักหวานๆระบบโรแมนติก18+

ตอนที่ 1 พบเจอ

ตอนที่ 1 พบเจอ

ณ โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งทางภาคเหนือของประเทศ ที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้และภูเขา ในความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ที่นี่จึงเหมาะแก่การมาท่องเที่ยวและพักผ่อนเป็นอย่างมาก อีกทั้งที่โรงแรมแห่งนี้ยังมีอาหารให้เลือกหลากหลาย รสชาติอร่อย ห้องพักสวย หรูหรา สะอาดสะอ้านเป็นส่วนตัว ตลอดทั้งปีของโรงแรมแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่แวะเวียนกันมาพักผ่อน โดยเฉพาะช่วงวันหยุดจะแน่นเป็นพิเศษ

"ไอ้หมอก...” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกลูกน้อง หมอกเป็นพนักงานของที่นี่มีตำแหน่งเป็นถึงผู้จัดการโรงแรม

นอกจากหมอกแล้ว ยังมีตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการรองจากหมอกอีกหนึ่งคน เขาคนนั้นชื่อเกม ทั้งสองคนนี้อายุยี่สิบกลางๆนอกจากจะเป็นลูกน้องแล้ว ยังเป็นเพื่อนและคู่หูให้กับคุณปราชญ์เจ้าของโรงแรมที่นี่อีกด้วย

“ครับบอส"

"ช่วงนี้โรงแรมมีปัญหาอะไรมั้ย"

"พนักงานน้อยครับ ช่วงนี้นักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ การบริการในด้านต่างๆไม่มีปัญหา แต่พนักงานของเราบ่นว่าเหนื่อยครับ" ช่วงนี้ฤดูฝนต้นไม้ภูเขาค่อนข้างเขียวชอุ่ม อากาศเย็นสบาย นักท่องเที่ยวจึงพากันมาสัมผัสธรรมชาติ

"มีคนมาสมัครงานบ้างหรือเปล่า"

"พอมีเข้ามาครับ แต่ส่วนมากจะเป็นเด็กนักศึกษาจบใหม่ ไม่ค่อยมีประสบการณ์"

"รับเข้ามาเถอะ เอามาฝึกเอา ขอแค่ให้ขยันและอดทนกับงานบริการ เรื่องอื่นคงไม่มีปัญหาอะไรมั้ง"

"รับทราบครับ เดี๋ยวผมจะรีบจัดการให้ครับ"

"อือ..."

"มีอีกเรื่องครับ" ในขณะที่ชายหนุ่มทั้งสองกำลังยืนคุยกันอยู่นั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งแต่งตัวสวยเสื้อผ้าค่อนข้างรัดรูป เดินตรงมาทางด้านหลังที่ปราชญ์กำลังยืนอยู่พอดี

"ว่ามา..." หมอกยืนหันหน้าไปทางด้านที่หญิงสาวคนนั้นกำลังเดินเข้ามา เขารีบส่งสายตาบอกเจ้านายหนุ่มทันที แต่มันคงไม่ทันแล้วเพราะเธอคนนั้นเดินเข้ามาใกล้เกือบจะถึงตัวแล้ว

"มาโน้นแล้วครับ" ทันใดนั้นเองเธอคนนั้นก็รีบส่งเสียงหวานๆมาแต่ไกล

"ปราชญ์ขา..."

"ทำไมมึงไม่บอกให้เร็วกว่านี้!" เขาเบื่อผู้หญิงที่เข้ามาเกาะแกะเขาเหลือเกินแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ด้วยอาชีพงานบริการที่ทำอยู่ต้องค่อนข้างรักษาหน้าตาให้ตัวเองเป็นพิเศษ เกรงว่าจะมีผลกระทบต่อธุรกิจของตัวเอง สิ่งที่ทำได้ก็แค่ตามน้ำไปเท่านั้น เพราะทุกคนที่เดินเข้ามาในพื้นที่ของเขานอกจากลูกน้องแล้ว คนอื่นๆก็คือลูกค้า

"ผมก็เพิ่งเห็นครับ"

"ปราชญ์ขา...ยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ ต้นหอมอยากชวนคุณไปทานอาหารกลางวันค่ะ"

"ผมยังไม่หิวครับ" เขาพยายามปฏิเสธแต่คงไม่เป็นผล

"แสดงว่ายังไม่ได้กิน ไปเถอะนะคะ ไปทานเป็นเพื่อนต้นหอมหน่อย" เฮ่อ...

"ไอ้หมอก..." ปราชญ์รีบกระซิบส่งสายตาให้ลูกน้องช่วย แต่!

"พักเที่ยงพอดี ผมขอตัวก่อนนะครับ" มีลูกน้องแบบนี้มันน่าไล่ออกจริงๆ...ปราชญ์คิดในใจ

"ก็ได้ครับ" ในที่สุดเขาก็ยอมพาต้นหอมไปนั่งรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน โดยเลือกทานที่ห้องอาหารมุมหนึ่งของโรงแรมของเขานี่แหละ

ในขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งทานอาหารกันอยู่นั้น อยู่ๆก็มีหญิงสาวอีกคนเดินเข้ามาทักทายเจ้าของโรงแรมด้วยท่าทางออดอ้อน

"พี่ปราชญ์ขา...คิดถึงจังเลยค่ะ"

"ครับ"

ผู้หญิงพวกนี้ เธอเป็นคนในพื้นที่ฐานะค่อนข้างดี ส่วนมากจะเป็นพวกลูกสาวนักธุรกิจหรือลูกสาวนักการเมืองในพื้นที่ ซึ่งเขาเองก็ไม่สามารถปฏิเสธพวกเธอได้ ทุกๆคนชอบแวะเวียนมาทานอาหารที่นี่เป็นประจำ สาเหตุหลักก็เพื่อต้องการจะได้พบหน้าเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ ตราบใดที่เขายังโสดปัญหานี้ก็คงไม่ยอมหมดไปง่ายๆ

"ช่วงนี้ฟ้าไม่ค่อยได้มาหาพี่ปราชญ์ที่นี่เลย พอดียุ่งๆอยู่กับงานไม่โกรธนะคะ"

"อ๋อ...ไม่หรอกครับ"

"โกรธอะไรกัน เธอไม่มาปราชญ์คงสบายใจขึ้นเยอะเลย ใช่มั้ยคะปราชญ์"

"นี่ป้า ถ้าให้ฉันเดา ชวนผู้ชายสินะ หน้าไม่อาย" ทั้งสาวน้อย สาวใหญ่ แม่ม่ายก็มีแวะเวียนมาบ้าง ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน

"นี่เธอ!"

"พอเถอะครับ" ฝ่ามือเรียวใหญ่ยกขึ้นกุมขมับ ไม่รู้จะทำยังไงกับสถานการณ์ตรงหน้าดี ทั้งหมดนี้คงต้องโทษตัวเขาเองที่ไม่ยอมปฏิเสธพวกเธอตั้งแต่แรก

"ปราชญ์...คุณก็ดูสิคะ ยัยนั่นมาหาเรื่องต้นหอมก่อน" ในขณะที่หญิงสาวทั้งสองคนกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น อีกด้านหนึ่งก็มีหญิงชายสองคนกำลังเดินตรงเข้ามาในห้องอาหารแห่งนี้ อีกคนเดินหนี อีกคนตามตื้อไม่ยอมเลิก

"น้องเมล์ครับ น้องเมล์ หยุดก่อนครับ" ฉันชื่อเมธาวีหรือเรียกง่ายๆว่าเมล์ ฉันหยุดเดินกะทันหัน ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเท้าเอว พี่เอกจึงรีบเดินมาดักอยู่ทางด้านหน้าของฉันทันที

ฉันมองหน้าพี่เอก ผู้ชายหน้าจืดสวมแว่นหนาอยากนึกรำคาญ ด้านหน้าของฉันถัดออกไปไม่ไกลมากนัก กำลังมีผู้หญิงสองคนยืนเถียงกันอยู่ ซึ่งฉันก็มองไปที่ผู้หญิงสองคนนั้นอย่างนึกรำคาญเช่นกัน เพราะผู้ชายตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงนั้นทำหน้าเบื่อโลกไม่ได้แตกต่างไปจากฉันเลย

"กลับไปเถอะ อย่ามาเสียเวลากับฉันเลย" ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจังชัดเจน ฉันเบื่อผู้ชายขี้ตื้อที่สุด บอกว่าไม่ชอบๆตามอยู่ได้!

"เดี๋ยวสิครับ...ถ้าน้องเมล์รับรักพี่ พี่สัญญาจะดูแลน้องอย่างดี รับรักพี่เถอะนะครับ" ยังไม่ยอมหยุดอีก! เฮ่อ...ป่วยหรือเปล่าวะเนี่ย พูดขนาดนี้แล้วยังไม่เข้าใจอีก

"ฉันมีแฟนแล้ว พี่กลับไปเถอะ แล้วไม่ต้องมาอีก...รำคาญ!” บ้านของพี่เอกอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับฉัน แต่ไม่ได้พบกันบ่อยนักหรอก เพราะเขาทำงาน ส่วนฉันเพิ่งจะเรียนจบกลับมา เขาตามจีบฉันมาหลายปีแล้ว

“แฟนที่ไหนพี่ไม่เคยเห็น โกหกพี่ใช่มั้ย”

“นั่นไงแฟนฉัน” ฉันชี้ไปที่ผู้ชายตัวสูงคนนั้น ฉันไม่รู้จักเขาหรอก แต่ฉันอยากตัดความรำคาญ ขาสั้นๆของฉันรีบก้าวไปหาผู้ชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วดึงคอเสื้อของเขาเอาลงมาใกล้ๆ ริมฝีปากนุ่มนิ่มของฉันประกบจูบกับเขาทันที ทันใดนั้นเสียงทะเลาะกันก่อนหน้าเงียบกริบ

“กรี๊ด!!!!” เสียงกรี๊ดของผู้หญิงสองคนที่ยืนทะเลาะกันอยู่ก่อนหน้า ทำให้ฉันยอมผละจูบออกมาจากผู้ชายตัวสูงคนนี้

“นี่ไงแฟนฉัน พี่กลับไปเถอะ” ฉันหันไปบอกพี่เอก ผู้ชายที่เดินตามฉันไม่เลิก โดยไม่ได้สนใจพี่ผู้หญิงสองคนที่กำลังทำหน้าไม่พอใจ

“พี่ไม่เชื่อ”

“ถ้าไม่เชื่อก็ถามเขาดูสิ ที่รักคะ เราเป็นแฟนกันใช่มั้ยคะ” ฉันส่งสายตาขอความช่วยเหลือ คิดว่าถ้าฉลาดสักนิดก็น่าจะเข้าใจ

“ชะ...ใช่ครับ” คำตอบของเขาทำให้ฉันเลือกที่จะส่งยิ้มหวานๆไปให้เขา เป็นการแสดงให้พี่เอกเห็น

“ไปกันเถอะค่ะ” ฉันรีบจูงมือเขาเดินออกมาจากตรงนั้นทันที ได้ยินเสียงกรี๊ดของผู้หญิงสองคนนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นเขาที่จูงมือฉันเดินนำหน้า ขายาวๆของเขาทำให้ฉันก้าวตามแทบไม่ทัน

“ปล่อย...” ฉันสะบัดมือออกจากการจับกุมของเขาค่อนข้างแรง

“สาวน้อย...” เขาหันมามองหน้าฉันด้วยสายตานิ่งๆ ไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกอื่นแต่อย่างใด

“ฉันชื่อเมล์ ไม่ใช่สาวน้อยของใคร” น้ำเสียงของเธอช่างน่าหมั่นไส้ซะจริง เมื่อกี้ใครกันนะที่จูบผมก่อน แถมยังเรียกผมว่าที่รักอีกด้วย