บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 อุบัติเหตุ (รุ่นแม่)

เรื่อง อลเวงวิญญาณพบรัก

โปรย

อุบัติเหตุครั้งใหญ่ทำให้เขากลายเป็นวิญญาณ และได้พบกับเธอ...หญิงสาวที่สามารถมองเห็นวิญญาณได้ สิ่งที่เธอเป็นทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองผิดปกติ แต่สำหรับเขาเธอเป็นเหมือนแสงสว่าง

------------------------

แนะนำตัวละคร

คุณอานนท์ ทวีทรัพย์ไพศาล (คุณนนท์) อายุ 29 ปี

นักธุรกิจบริษัทอาหารแช่แข็งรายใหญ่ที่สุดในประเทศ เขาเป็นคนเก่งมากความสามารถ เรื่องความหล่อไม่ต้องพูดถึงนอกจากหน้าตาที่ไม่เป็นสองรองใครแล้ว เขายังมีรูปร่างที่งามสง่า แต่อยู่ๆเขาก็กลายเป็นวิญญาณ แต่ในขณะเดียวกันโลกมนุษย์อานนท์ก็ต้องสืบหาความจริง ส่วนอีกโลกที่เขาเพิ่งได้พบ เขาก็อยากรู้อยากเห็น อยากรู้ว่าในโลกที่เขาไม่เคยพบ ไม่เคยเห็นมาก่อน มันมีอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกบ้าง...

มินตรา ศิริกุล (ก้อย) อายุ 25 ปี

เธอมีความสามารถพิเศษที่คนอื่นๆไม่มี ติดตัวมาตั้งแต่เธอเกิด ก็คือ...เธอสามารถมองเห็นวิญญาณที่คนทั่วไปมองไม่เห็น และนั่นก็ทำให้เธอได้พบกับเขา อานนท์ ทวีทรัพย์ไพศาล เขากลายเป็นผีขี้เหงาและขี้ตื้อสุดๆ

--------------------

ตอนที่ 1 อุบัติเหตุ

ณ บริษัทแห่งหนึ่งที่กำลังถกเถียงกันอยู่ในที่ประชุมเรื่องผลกำไรและรายรับรายจ่ายของบริษัท วาระการประชุมในวันนี้กำลังคุยกันถึงเรื่องการปันผลเงินโบนัทก้อนใหญ่ให้แก่ผู้บริหารและพนักงานทุกคนตามความเหมาะสม แต่! ปีนี้มันกลับไม่ง่ายเหมือนปีก่อนๆ ที่ผ่านมาเพราะอานนท์ลูกชายคนโต แต่เขาเป็นลูกเมียน้อยของคุณพ่อ ได้ขึ้นมานั่งเก้าอี้ผู้บริหาร เพราะเขาเก่งและมีความสามารถมาก จนผู้เป็นบิดาเห็นถึงความสามารถที่อานนท์มี ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่เขาได้นั่งเก้าอี้ผู้บริหาร แต่เขากลับทำกำไรให้กับบริษัทมากกว่าที่เคยได้อย่างมหาศาล และเขาก็มีความคิดที่อยากจะเพิ่มเงินโบนัทให้กับพนักงานของเขาทุกคน โดยเฉลี่ยกันไปตามความเหมาะสม แต่ลูกอีกคนของคุณพ่อที่ถือหุ้นอยู่ในบริษัทด้วยกลับไม่ยอม

“พี่นนท์ครับผมคิดว่าโบนัทที่เราให้พวกเขาทุกปีมันก็มากพออยู่แล้วนะครับ” เกล้าลูกชายคนที่สองได้เอ่ยคัดค้านขึ้น เกล้าเป็นลูกเมียแต่งของคุณมานะ คุณพ่อของอานนท์ ก็ถือได้ว่าเกล้าเป็นน้องชายของอานนท์นั่นเอง เกล้าไม่เห็นด้วยกับความคิดของอานนท์ เพราะเขาเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเอาเงินจำนวนมหาศาลไปแบ่งให้พนักงานพวกนั้น

“แต่ปีนี้บริษัทของเราทำรายได้มหาศาล เราก็ควรจะแบ่งให้พวกเขาตามความเหมาะสมนะครับคุณเกล้า” ถึงอานนท์จะเป็นพี่ แต่อานนท์ก็ไม่ใช่ลูกเมียแต่งของคุณพ่อ ทุกคำพูดของอานนท์จึงให้เกียรติเกล้าที่เป็นน้องชายเสมอ โดยการเรียกเกล้าว่า คุณเกล้า มีแต่พริ้งลูกสาวคนเล็ก ที่เกิดจากท้องของคุณหนึ่งฤทัยคุณแม่ของอานนท์ พริ้งจะเรียกพี่ๆ ของเธอทั้งสองคนว่าพี่เสมอ

บ้านนี้มีลูกทั้งหมดสามคน ชายสองหญิงหนึ่ง อานนท์กับพริ้งเกิดจากแม่คนเดียวกันก็คือคุณหนึ่งฤทัยที่ไม่ใช่เมียแต่ง และเกล้าที่เกิดจากท้องของคุณรพีภรณ์เป็นเมียแต่งของคุณมานะ แต่คนเป็นเมียน้อยกลับมาก่อน คนที่เป็นเมียแต่งกลับมาทีหลัง แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่มันผ่านมานานแล้ว ส่วนคุณมานะท่านพยายามดูแลลูกกับเมียทั้งสองอย่างเท่าเทียมกันเสมอ ทำให้คุณแม่ทั้งสองคนไม่เคยมีปัญหากัน ต่างคนต่างอยู่กันคนละบ้านแล้วก็ช่วยกันทำมาหากิน

“หยุดเถียงกันก่อนนะคะ เรามาหาเสียงข้างมากกันดีกว่าค่ะ พริ้งเห็นด้วยกับพี่นนท์ค่ะ” พริ้งเอ่ยห้ามพี่ชายของเธอทั้งสองคน ที่ตอนนี้กำลังมีความเห็นที่ไม่ตรงกัน แต่สำหรับเธอ เธอเห็นด้วยกับพี่นนท์ของเธอ

“พี่น้องกันก็ย่อมเข้าข้างกันอยู่แล้ว” เกล้าพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมามากนัก

“แต่พริ้งก็เป็นน้องพี่เกล้าเหมือนกันนะคะ” เธอรักพี่ชายของเธอทุกคนด้วยความจริงใจเท่าๆ กันนั่นแหละ ถึงเธอกับพี่เกล้าจะไม่ได้มีคุณแม่คนเดียวกันก็ตาม

“เอาอย่างนี้ ให้ทุกคนในห้องประชุมกลับไปตัดสินใจ แล้วพรุ่งนี้เราค่อยมาประชุมเรื่องนี้กันใหม่ ผมขอตัวก่อนนะครับ” เกล้าพูดขึ้น พร้อมกับรีบร้อนลุกออกไปจากห้องประชุมทันที ถึงเขาจะไม่พอใจแต่เกล้าก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา ยังคงสงวนท่าทีได้ดี

จากนั้นทุกคนก็ลุกออกจากเก้าอี้ของตัวเอง ออกไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ เหลือก็แต่พี่ชายกับน้องสาวสองคนเท่านั้นที่ยังคงนั่งอยู่ด้วยกันต่อ

“พี่นนท์ค่ะ พริ้งว่าพี่เกล้าเขาดูไม่ค่อยพอใจเลยนะคะ”

“แต่ที่พี่ทำไปก็เพราะความถูกต้อง พนักงานพวกนั้น ถ้าเรารักเขา เขาก็รักเรา พริ้งเข้าใจพี่ใช่ไหม” อานนท์เป็นคนจิตใจดี มีความยุติธรรมกับทุกคนเสมอ เขาพยายามบริหารงานบริหารเงินในส่วนที่เขาควรจะทำ ก็เพื่อทุกคนไม่เว้นแม้แต่พนักงานตัวเล็กๆ ที่มีจำนวนมหาศาล และพนักงานตัวเล็กๆ พวกนี้นี่แหละที่ทำเงินให้กับเขาได้เป็นอย่างดี

“พริ้งเข้าใจพี่นนท์อยู่แล้วค่ะ แต่พริ้งก็อยากให้ทุกคนเข้าใจพี่นนท์เหมือนที่พริ้งเข้าใจด้วย แล้วดูเหมือนว่าคณะกรรมการแต่ละคนก็มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยนะคะ”

“แต่พี่ว่าส่วนใหญ่เห็นด้วยกับพี่นะ” อานนท์มั่นใจว่าผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่มีความเห็นเหมือนกันกับเขา

“ค่า...ค่า ยังไงก็ขออย่าให้มีความขัดแย้งกันเกิดขึ้นแล้วกันนะคะ” พริ้งพูดอย่างเหนื่อยๆ ใจพี่ชายของเธอทั้งสองคนไม่ค่อยลงรอยกัน มีความคิดที่ไม่ค่อยตรงกันแบบนี้เสมอ

“ตอนบ่ายมีนัดไม่ใช่เหรอ จะไปก็รีบไปซิ” อานนท์เอ่ยขึ้นอย่างรู้ทันน้องสาว

“เอ๊ะ! พี่ชายพริ้งรู้ได้ยังไงนะ แสนรู้…(จริงๆ เลย)” พริ้งยังพูดไม่ทันจบ อานนท์พี่ชายของเธอก็ร้องขัดขึ้นมาเสียงดังซะก่อน

“หยุดเลยนะยัยพริ้ง ไอ้กรมันเป็นเพื่อนพี่ ก่อนที่มันจะพาน้องสาวของพี่ไปไหนต่อไหน มันก็ต้องโทรมาขออนุญาตพี่ชายอย่างพี่ก่อนสิจริงไหม” อานนท์ยกคิ้วให้น้องสาวอย่างขี้เล่น อานนท์เป็นพี่ชายที่น่ารักและอบอุ่นสำหรับพริ้งเสมอ

“แฮ่ๆ ไปก่อนนะคะ เดี๋ยวพี่กรจะรอ” พริ้งยิ้มหวานให้พี่ชายของเธอ ก็แฟนของเธอกับพี่ชายของเธอดันเป็นเพื่อนกันเสียได้ มีเรื่องอะไรพี่ชายของเธอก็รู้หมด

“เออจะไปก็รีบไป” จากนั้นอานนท์ก็กลับไปนั่งทำงานต่อที่ห้องทำงานส่วนตัวของเขา คิดหาตลาดใหม่ๆ เพื่อที่จะขยายธุรกิจการส่งออกอาหารแปรรูป อยู่ๆ ก็มีสายโทรศัพท์โทรเข้ามา

“สวัสดีครับ” อานนท์หยิบมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งถอยมาใหม่ขึ้นมารับสาย เพราะสายที่โทรเข้ามาเป็นสายของเกล้าน้องชายของอานนท์นั่นเอง

“พี่นนท์ครับ อีกหนึ่งชั่วโมงผมมีนัดคุยกับลูกค้าเรื่องออเดอร์ปีหน้า พี่นนท์ช่วยไปแทนผมหน่อยได้ไหมครับ พอดีผมมีนัดชนกับลูกค้าอีกเจ้า เลขาของผมไม่รู้ทำงานยังไง” เกล้าขอให้พี่ชายไปพบลูกค้าแทน เพราะเขาต้องไปพบลูกค้าอีกเจ้า แล้วก็บ่นๆ เลขาของตัวเองให้พี่ชายฟัง

“เอาเถอะครับ คุณเกล้านัดไว้ที่ไหน เดี๋ยวผมไปแทนให้ก็ได้ครับ”

“ขอบคุณพี่นนท์มากนะครับ” น้ำเสียงของเกล้าทำให้คนเป็นพี่ถึงกับอมยิ้ม อย่างน้อยเราสามคนพี่น้องก็รักกัน ถึงจะเป็นลูกคนละแม่แต่อานนท์ก็ไม่เคยคิดเล็กคิดน้อย ถึงคุณแม่ของเขาจะมาก่อนแต่ก็ได้เป็นแค่เมียน้อย และที่เขาต้องมานั่งเก้าอี้ผู้บริหารก็เพราะความสามารถที่ผู้เป็นบิดาขอร้องให้ช่วยกันดูแลธุรกิจของครอบครัว อานนท์ไม่ได้อยากนั่งเก้าอี้นี้ คนที่ควรจะนั่งน่าจะเป็นเกล้าที่เป็นลูกเมียแต่งมากกว่า แต่คำพูดของคุณพ่อทำให้อานนท์ยอมนั่งเก้าอี้ตัวนี้ อีกอย่างทุกคนก็เห็นด้วยและไม่มีใครคัดค้าน แม้แต่เกล้าเอง

อานนท์ขับรถออกมาคนเดียว ตรงไปสถานที่ที่น้องชายคนละแม่บอกทันที เวลาเหลือน้อย ทำให้อานนท์เหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้นอีกเพราะกลัวว่าจะไปไม่ตรงเวลา เพราะเวลานั้นสำคัญยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด อานนท์จะให้ความสำคัญกับเรื่องเวลามากเป็นพิเศษ เพราะถ้านัดคุยยังมาไม่ตรงเวลา แล้วเขาจะผลิตงานส่งให้อย่างมีคุณภาพและตรงเวลาให้ลูกค้าได้อย่างไร นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่อานนท์ให้ความสำคัญมาก

“เฮ๊ย!!” อยู่ๆ ก็มีรถขับมาปาดหน้ารถของอานนท์อย่างกะทันหันทำให้อานนท์เหยียบเบรค

“เอี๊ยก!!!…โครม!!!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel