

๒ คาดคั้นถามหาความจริง (๓)
เขาถามเสียงดังแม้จะรู้คำตอบก็อยากได้ยินจากปากของน้องสาวตัวเอง เกือกเผลอตะคอกใส่แล้วแต่พอเห็นท่าทีหวาดกลัวของคนตัวเล็กกว่าก็ไม่กล้าจะขึ้นเสียง
ยิ่งเห็นแววตากลมสั่นระริกกับน้ำตาที่คลอเบ้า ไหนจะร่างกายที่สั่นเทาราวกับลูกนกก็สงสารจับใจ แต่เลือกแข็งขืนเอาไว้เพื่อบีบให้น้องสาวพูดความจริง
“ไม่ ไม่ใช่” ส่ายหน้าปฏิเสธแล้วก้มหน้า เช็ดน้ำตาของตัวเอง
“มันเป็นใคร” ก้าวเข้ามาใกล้น้องแล้วคาดคั้นถามถึงชายผู้เป็นพ่อของเด็กในท้อง จ้องดวงหน้าหวานที่พยายามหลบสายตาของพี่ชาย มือบางกำเข้าหากันแน่นแล้วเม้มปากเอาไว้ไม่กล้าบอกความจริง และไม่มีวันจะบอกเป็นอันขาด
คนอย่างลิลิตคงไม่อยู่เฉยหากทราบว่าพ่อของลูกเธอเป็นถึงรองประธานบริษัทใหญ่โต...
“ไม่ใช่นะพี่ลิต ไม่ใช่อย่างนั้น...”
“พี่ถามว่าพ่อของเด็กมันเป็นใคร! บอกมาสิว่าใคร!” น้องสาวพยายามปิดบังจนพี่ไม่อาจทนไหว เข้ามาจับไหล่บางแล้วเขย่าจนศีรษะมนสั่นคลอน เธอปล่อยน้ำตาให้ไหลเปื้อนแก้มไม่เคยเห็นพี่ชายโมโหขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
“ไม่รู้ ลิลก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“โกหก! น้องสาวพี่ไม่ใช่คนมั่วไม่เลือกจะไม่รู้ได้ไงว่าใครเป็นพ่อของเด็ก ยกเว้นแต่ว่าลิลจะไม่ยอมบอกพี่เพราะอยากปกป้องมันใช่ไหม” ข้อสันนิษฐานของเขาเป็นจริงอย่างกล่าว เพียงแต่เธอไม่ได้ปกป้องฉัตรชยาทว่ากำลังปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองต่างหาก
ถ้าเขารู้ว่าเธอท้องและพี่ชายก็ต้องการให้รับผิดชอบ คงไม่พ้นกล่าวหาว่าต้องการจับเขาอย่างแน่นอน
“ไม่ใช่! เขามีชีวิตของเขา เราก็มีชีวิตของเราอย่าไปยุ่งกับเขาเลย ขอร้องล่ะพี่ลิต” ยกมือไหว้ขอร้องแต่คนอายุมากกว่ากลับไม่ยอม
“ไม่! มันต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำ บอกพี่มาว่ามันเป็นใคร ถ้าลิลไม่ยอมบอกพี่จะพาไปทำแท้ง เด็กเกิดมาก็เป็นภาระเพราะยังไงเราก็เลี้ยงเขาไม่ได้ ไปกับพี่!”
ในเมื่อลลิลไม่ยอมบอกความจริงสักทีจึงใช้ไม้แข็งด้วยการเอาเด็กในท้องมาขู่ จากนั้นก็จูงกึ่งลากน้องออกจากห้อง หญิงสาวก็พยายามขืนตัวเอาไว้แล้วขอร้องเสียงดัง
“ไม่ไป ไม่ทำนะพี่ลิต ฮือ อย่าทำลูกลิล” ส่ายหน้าแล้วเอามือข้างที่ว่างทาบลงที่หน้าท้องของตัวเอง อย่างไรก็ไม่ยอมให้พี่ชายทำตามความต้องการเด็ดขาด
เสียงโวยวายบนชั้นสองทำให้คนที่อยู่ในครัวต้องรีบขึ้นบันไดเพื่อมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงกับเอามือทาบอกยามมองภาพตรงหน้าที่ลูกสาวนั่งลงบนพื้นโดยมีคนเป็นพี่จับแขนเอาไว้ไม่ปล่อย ลลิลร้องไห้ปริ่มขาดใจ แก้มนวลเต็มไปด้วยน้ำตาพร้อมกับดวงตาที่แดงก่ำและปลายจมูกรั้นซึ่งแต้มด้วยสีแดงเช่นเดียวกัน
“อะไรน่ะลิต เกิดอะไรขึ้น”
“ลิลท้องครับแม่ แต่ไม่ยอมบอกว่าท้องกับใคร”
“ลิล!”
ท่านร้องเรียกชื่อบุตรสาวเสียงดังด้วยความตกใจ จับราวบันไดเอาไว้ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับครอบครัวของตัวเอง ทั้งเรื่องโรงงานที่ดูท่าจะต้องปิดตัวลง ไหนจะอีกชีวิตที่กำลังถือกำเนิดในไม่กี่เดือนข้างหน้า เพียงแค่คิดก็ชวนปวดหัวแล้ว
“ลิลขอโทษ แต่ลิล...ลิลไม่รู้จะบอกทุกคนยังไง” พี่ชายยอมปล่อยเธอเป็นอิสระ
ร่างบางจึงยกมือขึ้นไหว้ขอโทษรู้สึกผิดกับเรื่องทั้งหมด ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลเป็นทางจนต้องยกแขนปาดอย่างลวกๆ เพื่อไม่ให้บดบังภาพตรงหน้า
“งั้นก็บอกมาว่าใครเป็นพ่อเด็ก ไม่งั้นพี่จะพาไปทำแท้ง” ทวงถามเสียงเข้ม เล่นเอาลลิลและคุณดวงชีวาถึงกับตกใจ
ท่านเดินเข้ามาเกาะแขนลูกชายเอาไว้ พลางส่ายหน้าห้ามไม่ให้อีกฝ่ายทำตามคำพูด หวังว่ามันจะเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น
“ลิต นั่นหลานแม่นะ”
“ผมไม่สนใจครับ ถ้าลิลไม่บอกผมก็จะพาเด็กในท้องไปให้พ้นจากครอบครัวของเรา ผมไม่ถือว่าเด็กที่เกิดมาจากความสนุกชั่วคราวเป็นหลาน ไปคลินิกกับพี่!”
เขายังไม่ยอมแพ้เรื่องพ่อของเด็ก ยืนกรานเช่นเดิมจนลลิลไม่อาจต้านทานได้ เธอสะอื้นไห้จนตัวโยนพลางอ้อนวอนไม่หยุดปาก
“พี่ลิต พี่ลิตอย่าทำ”
“งั้นก็บอกพี่ว่าใครคือพ่อของเด็ก!” หญิงสาวไม่มีทางเลือกอื่นอีกต่อไป เธอเงยหน้ามองพี่ชายก่อนก้มหน้ามองพื้น ชั่งใจว่าควรบอกความจริงดีหรือเปล่า แต่ถ้าไม่ยอมพูดก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะพาไปทำแท้งดังปากเอ่ย
คนอย่างลิลิตไม่เคยล้อเล่น...พูดคำไหนคำนั้น
แล้วเด็กน้อยยังเกิดในช่วงที่ครอบครัวตกต่ำต้องประหยัดทุกทางอีกต่างหาก หล่อนไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ถ้าอยากรักษาชีวิตลูกน้อยเอาไว้ก็คงต้องบอก
“พี่สัญญาก่อนว่าถ้าบอกไปจะต่างคนต่างอยู่ไม่ไปหาเขา”
“บอกมา” เขาไม่ยอมให้สัญญาแต่เลือกเค้นถาม
“คุณ...คุณฉัตร...ชยา”
เพียงแค่เอ่ยชื่อของอีกฝ่าย ร่างสูงก็หุนหันพลันแล่นออกจากบ้าน ได้ยินเพียงเสียงรถยนต์ที่ดังสั่นขับไกลออกไป เธอรู้ทันทีว่าจุดหมายปลายทางของอีกฝ่ายคือที่ไหนแต่ไม่อาจทำอะไรได้ นอกจากกอดลูกน้อยในท้องเอาไว้ โดยมีคุณดวงชีวากอดบุตรสาวแนบอกเช่นเดียวกันด้วยความสงสาร
เจ้าของบ้านฐิติยานนท์ออกไปข้างนอกเพิ่งจะกลับเข้ามาในช่วงบ่าย คนเป็นสามีงานรัดตัวแต่เมื่อภรรยาบอกว่าอยากให้กลับมากินข้าวเป็นเพื่อนที่บ้านก็รีบบึ่งรถไปรับหล่อนที่ร้านเค้กแล้วกลับบ้านทันที ความใส่ใจของเขาที่มีต่อเธอยังสม่ำเสมอไม่เปลี่ยน ทำให้แก้วเจ้าจอมเบาใจไปได้มากว่าเขาจะไม่มีใครนอกจากตน
แม้ว่าจะมีสาวคราวลูกมาขอให้ปรัตยาเลี้ยงดูก็ตาม...
ซึ่งร่างสูงก็ไล่ตะเพิดเรียบร้อย เขาไม่ใช่คนที่จะเลี้ยงใครไว้ในปกครอง สัญญากับครอบครัวของภรรยาแล้วว่าจะรักเธอและดูแลไปตลอดชีวิต ไม่ทำให้หญิงสาวร้องไห้หรือเสียใจเพราะตนอีก
เขาทำเช่นนั้นตลอดมา...จนลูกชายลูกสาวเติบใหญ่เป็นพยานรักของพ่อแม่
“คุณผู้หญิงคุณผู้ชายคะ มีคนรอในห้องรับแขกค่ะ”
เดินเข้ามาข้างในก็มีแม่บ้านเข้ามาบอกสีหน้าหวาดหวั่น ปกติบ้านหลังนี้ไม่ค่อยต้อนรับแขกเท่าไหร่นอกจากคนสนิทของปรัตยาและแก้วเจ้าจอม แต่เขาก็นึกสงสัยตั้งแต่เห็นรถไม่คุ้นตาจอดอยู่ด้านหน้าแล้ว
“ใคร”
“เขาบอกว่าเป็นเพื่อนของคุณฉัตรชยา แต่ต้องการพบคุณผู้หญิงคุณผู้ชายค่ะ” คำตอบยิ่งสร้างความฉงนมากกว่าเดิม
สองสามีภรรยามองหน้ากันแล้วค่อยเดินเข้าไปที่ห้องรับแขก ชายหนุ่มรุ่นลูกลุกยืนแล้วยกมือไหว้ตามมารยาท
ปรัตยามองอีกฝ่ายคล้ายทวนความจำของตัวเองว่ารู้จักหรือไม่ แต่กลับไม่คุ้นหน้าสักนิด กระทั่งแขกหนุ่มเป็นฝ่ายแนะนำตัวเอง
“สวัสดีครับ ผมชื่อลิลิตเป็นเพื่อนที่เรียนมหา’ลัยเดียวกับฉัตร ขอโทษที่มาพบโดยที่ไม่ได้นัดหมายล่วงหน้าแต่ผมมีความจำเป็นที่ต้องมาพูดกับท่าน” คำเรียกฟังดูห่างเหินจนแก้วเจ้าจอมต้องรีบแสดงความสนิทสนมเพราะอย่างไรก็เป็นเพื่อนของลูกชาย
“เรียกลุงกับป้าเถอะ อย่าเรียกท่านเลยฟังดูทางการยังไงไม่รู้”
“ครับ...ผมเรียนตามตรงว่าความจริงก็ไม่ได้สนิทกับฉัตรเท่าไหร่ เราแค่คนคุ้นเคยที่เห็นกันบ่อยเท่านั้น แต่ที่ผมมาพบคุณลุงคุณป้าก็เพื่อทวงถามความรับผิดชอบจากฉัตรในฐานะลูกผู้ชาย” ยิ่งฟังก็ยิ่งงุนงงหนักกว่าเดิม
“ความรับผิดชอบ...ยังไง”
“ฉัตรทำน้องสาวของผมท้อง”
คำตอบทำให้ทั้งสองอึ้งไม่ต่างกัน ก่อนที่อดีตดาราดังจะถามเสียงดังเพื่อความแน่ใจ เธอไม่อยากเชื่อว่าบุตรชายที่เรียนหนักและทำแต่งานจะสนใจเรื่องความรักกับเขาเป็นด้วย เมื่อเจ้าตัวยืนกรานจะไม่มีความรัก กลับมาไทยก็ไม่สนใจใครนอกจากงาน ขนาดหม่อมหลวงกชวราที่เทียวไล้เทียวขื่อยังเป็นได้แค่เพื่อน
หรือเป็นความสนุกชั่วครั้งคราว...เด็กเกิดจากความผิดพลาดอย่างนั้นหรือ
“อะไรนะ! ฉัตรทำเหรอ”
“ครับ น้องสาวของผมไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง ถ้าคุณลุงคุณป้าไม่เชื่อจะลองหาหลักฐานหรือถามฉัตรดูก็ได้ แต่ไม่รู้มันจะยอมบอกหรือเปล่าเพราะอาจจะอยากปัดความรับผิดชอบ”
หน้าตึงเมื่อได้ยินคำถามคล้ายต่อว่าน้องสาวของตน จึงรีบออกตัวปกป้องลลิลทันที
“ฉัตรไม่ใช่คนแบบนั้น” คุณผู้ชายของบ้านฐิติยานนท์ออกโรงปกป้องบุตรชายไม่ต่างกัน ใบหน้าของท่านเคร่งขรึมทั้งแววตาดุดันจนคนรุ่นลูกไม่กล้าจะสบตา เลือกจะหลุบมองพื้นแล้วรอฟังว่าอีกฝ่ายจะเอาอย่างไร
“ลุงจะคุยกับฉัตรเอง แล้วจะติดต่อเรากลับไป...”
“ครับ”
ยกมือไหว้ลาเมื่อได้ทวงถามความยุติธรรมให้ลลิล ต่อจากนี้ก็อยู่ที่การตัดสินใจของครอบครัวฐิติยานนท์ว่าจะเอาอย่างไร หากไม่ยอมรับผิดชอบคงต้องอาศัยสื่อช่วยหน่อยแล้วล่ะ
ถึงจะรู้สึกผิดต่อน้องสาว แต่เขาก็ไม่มีทางยอมให้หลานเกิดมาโดยที่ไม่มีพ่อ
เรื่องสำคัญอีกอย่าง...คือฉัตรชยาเป็นแหล่งเงินทุนชั้นดีที่เขามองเห็นว่าจะช่วยดึงครอบครัวตนให้พ้นจากวิกฤตครั้งนี้ไปได้!
คนไม่รู้เรื่องราวอะไรถูกโทรเรียกให้กลับบ้านอย่างรวดเร็ว เขาจึงรีบขับรถกลับเท่าที่ท้องถนนยามบ่ายจะเอื้ออำนวย ใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะถึงบ้าน เท้าหนักก้าวขึ้นบันไดหน้ามุขแล้วเดินไปยังห้องรับแขกที่มีบุพการีนั่งกุมมือกันไว้ ใบหน้าครุ่นคิดตลอดเวลาจนเขาสงสัยว่าเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นหรือเปล่า
“คุณพ่อคุณแม่มีอะไรหรือเปล่าครับ” นั่งลงที่โซฟาเดี่ยวแล้วถามท่าน
แล้วคุณปรัตยาก็ไม่คิดจะอ้อมค้อมให้เสียเวลา อยากทราบความจริงจากปากของฉัตรชยาว่าเรื่องทั้งหมดเป็นมาอย่างไรกันแน่
“เพื่อนของเรามาบอกพ่อว่าลูกทำน้องสาวเขาท้อง...มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า” คิ้วหนาขมวดเข้าหากันทันที เท่าที่จำได้เขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนสักครั้ง
ยกเว้น...หล่อนเพียงผู้เดียว
“เพื่อนคนไหนครับ”
ถามกลับแล้วเผลอกลั้นหายใจ หัวใจเต้นรัวจนเจ้าตัวได้ยินชัดเจน เผลอกำกางเกงสีเข้มเอาไว้แน่น
“ลิลิต”
‘ลลิลท้องเหรอ!’
ดวงตาคมเบิกกว้างด้วยความตกใจ ลึกในใจก็พอจะทราบว่าคงเป็นหล่อนแต่แรกเพียงแค่ไม่คิดว่าหญิงสาวจะใช้ไม้นี้...เพื่อจับเขา!
