

บทนำ
บทนำ
เสียงพรูลมหายใจดังขึ้นเมื่อรายชื่อของเขาปรากฏบนหน้ากระดาษคนจบปริญญาโทในปีนี้ หลังคร่ำเคร่งเรียนมหาบัณฑิตมานานเกือบสี่ปีเพราะสลับกับการทำงานบริษัทยักษ์ใหญ่เพื่อหาประสบการณ์เตรียมพร้อมสำหรับเข้ารับตำแหน่งในบริษัทที่เขาต้องบริหารงานต่อจากบิดาในอนาคต
ความรู้ของชายหนุ่มพร้อมสำหรับการทำงาน ความคิดหัวก้าวหน้าก็เช่นเดียวกัน ความสนใจของเขาพุ่งไปที่การทำงานและเรียนอย่างเดียวมาหลายปี ปฏิเสธหญิงสาวไปหลายต่อหลายคนเพื่อไม่ให้ตัวเองวอกแวก ตั้งปณิธานเอาไว้แรงกล้าว่าจะไม่มีแฟนจนกว่าจะเรียนจบ แล้วเขาก็ไม่เคยมีสาวข้างกายยกเว้นก็แต่หญิงผู้หนึ่ง
หม่อมหลวงกชวรา ณเรศสกุลที่รู้จักกันตั้งแต่เรียนปริญญาตรีมาจนจบปริญญาโท เธอขนาบข้างกายเขาตลอดเวลาจนไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ชายหนุ่มได้ ทำเพียงเมียงมองหนุ่มหล่อด้วยความเสียดายเพราะคิดว่าทั้งสองกำลังคบหาดูใจกัน
ฉัตรชยา ฐิติยานนท์ลูกชายคนโตของนักธุรกิจมากอำนาจที่บิดาถือครองกิจการในเครือ ThiTi Group ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นเครือห้างสรรพสินค้า โรงแรม สนามกอล์ฟกว่าสิบแห่งทั่วประเทศ นอกจากความร่ำรวยแล้วยังมากบารมีผู้คนนับหน้าถือตาให้ความเกรงใจ
ขณะที่ฝั่งมารดาก็มีธุรกิจการบินและร้านอัญมณีหลายแห่ง เขาคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด อยู่ในตระกูลร่ำรวยและห่วงบนสุดของพีระมิด ความรับผิดชอบจึงมากตามจนชายหนุ่มตัดสินใจไม่เอาเรื่องความรักมาให้ตัวเองปวดหัว
“ฉัตรคะ เย็นนี้มีนัดเลี้ยงฉลองเรียนจบ คุณอย่าลืมไปนะคะ” ก้าวออกมาจากอาคารเรียนก็มีสาวสวยเข้ามาทักทันที
ไม่ใช่ใครอื่นไกลเป็นกชวราที่สถาปนาตัวเองว่าสนิทกับเขามากที่สุด ไล่หญิงอื่นไม่ให้มายุ่งกับชายหนุ่ม เพราะตัวเองวาดฝันจะเป็นนางในดวงใจของร่างสูงเพียงผู้เดียว
ฉัตรชยาทราบว่าเธอต้องการอะไรแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขาแค่ใช้เธอกันผู้หญิงทุกคนให้ออกห่างก็เท่านั้น อีกอย่างหม่อมหลวงผู้นี้ก็ไม่ได้ทำตัวล้ำเส้นจนเขาทนไม่ไหว อย่างน้อยก็มีขอบเขตจึงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรหากจะคบเป็นเพื่อนต่อไป
“ผมต้องไปด้วยเหรอ”
“ไปสิคะ คุณไม่ไปงานก็ขาดสีสันพอดี ไว้เจอกันค่ะ” โบกมือลากันเรียบร้อยก็รีบกลับไปยังที่พักเพื่อเตรียมตัว ต่างจากร่างสูงที่ถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย เขาไม่ชอบการสังสรรค์หรือเข้าสังคมแต่รู้ว่าหลีกเลี่ยงยากด้วยหน้าที่การงานในอนาคต
เห็นบิดาทำงานมานานก็เรียนรู้จากท่านบ้าง เขาชอบการทำงานเพียงแค่ไม่ชอบเข้าสังคมเท่านั้น เบื่อกับการสวมหน้ากากที่น่าอึดอัด ต่างจากน้องสาวอย่างชนิตรา ฐิติยานนท์ผู้เข้ากับคนอื่นได้ง่ายและชวนคุยสนุกไม่น่าเบื่อ
หลายครั้งที่เขาให้น้องออกงานสังคมแทน ส่วนตัวเองก็ขอเลี่ยงด้วยการอ้างเรื่องเรียน ทว่าคราวนี้เรียนจบคงหาข้ออ้างได้ยากแล้ว
งานเลี้ยงครั้งนี้จัดอยู่ในเครือโรงแรมของเขาที่ต่างประเทศ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเปิดห้องพักเอาไว้เพื่อจะได้ปลีกตัวไปพักผ่อนได้ง่ายไม่ต้องเดินทางกลับอพาร์ทเมนท์ให้เสียเวลา ค่าเดินทางในลอนดอนแพงหูฉี่จนเขาต้องรัดเข็มขัดให้แน่นที่สุด แม้จะเกิดในตระกูลมั่งมีแต่ถ้าใช้เงินมือเติบสักวันมันก็หมดไปได้
ทักทายคนในงานที่ส่วนใหญ่เป็นคนไทย มีทั้งฐานะร่ำรวยและชนชั้นปานกลางที่ใช้ทุนเพื่อมาเรียนต่อ ชาวต่างชาติซึ่งรู้จักมักคุ้นกับเขาอยู่เกือบสิบคน แม่งานคือหม่อมหลวงคนสวยที่ทักทายแขกราวกับเป็นงานของตัวเอง ก่อนเดินมาควงแขนฉัตรชยาเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของถึงความจริงอยู่ในสถานะเพื่อนก็ตาม
เขาทำเพียงพยักหน้าแล้วเออออไปกับหล่อน ในมือถือแก้วไวน์เอาไว้แต่ก็ดื่มไม่กี่อึก ตอนนี้รู้สึกอย่างเดียวคือต้องการพักผ่อน ก่อนที่วันมะรืนจะบินกลับประเทศไทย
หวนคืนสู่บ้านเกิดเมืองนอนสักที มาอยู่ต่างประเทศกว่าสิบปีแล้ว...นานพอสมควรในความรู้สึก
“พาน้องสาวมาเร่ขายอีกแล้ว หน้าไม่อายจริงๆ” เสียงของหล่อนดังขึ้นพร้อมกับแววตาที่จับจ้องพี่น้องคู่หนึ่ง เขาจึงหันไปมองบ้างก่อนพบชายที่สูงไล่เลี่ยกับตน สอบชิงทุนมาเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกันและเคยมาขอยืมเงินครั้งถึงสองครั้งแล้วก็ยังไม่คืนมาถึงเดี๋ยวนี้
ลิลิต ฉันทวัฒน์บ้านเป็นเจ้าของกิจการอาหารแปรรูปมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า หากจะส่งลูกชายคนโตมาเรียนด้วยทุนก็ของตัวเองก็ย่อมได้ แต่เขาทราบมาว่าโรงงานขาดทุนมาหลายปีอีกไม่นานก็คงปิดตัวลงอย่างน่าเสียดาย
ส่วนสาวสวยที่ยืนข้างอีกฝ่ายคือลลิล ฉันทวัฒน์น้องสาวอายุน้อยที่มักจะบินมาหาพี่ชายทุกครั้งยามปิดเทอม แล้วใช้เวลาช่วงที่ว่างทำงานพิเศษเพื่อหาเงิน เขาเจอเธอบ่อยครั้งยามไปนั่งทำงานที่ร้านเบอร์เกอร์ชื่อดัง
ที่สำคัญ...หล่อนเคยมาสารภาพรักแต่ฉัตรชยาก็เลือกปฏิเสธ
สำหรับเขาแล้วการเรียนต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก...
“รู้ไหมคะฉัตรว่ายัยน้องสาวก็ตัวดี เร่ขายตัวไปเรื่อยจนผู้ชายเขาเอือมกันหมด เข้าใกล้ก็รีบถอยหนีทันที ดีนะที่ไม่เข้ามายุ่งกับฉัตร ไม่อย่างนั้นกชจะไล่ตะเพิดให้อายคนไปเลย แล้วประจานให้ทั่วกลุ่มนักเรียนไทยในลอนดอนจนไม่กล้าสู้หน้าใครอีก”
ฟังหล่อนกล่าวถึงบุคคลที่สามในแง่ร้ายก็เลือกจะเงียบ ดวงตาคมยังมองตามหล่อนที่ยิ้มแย้มให้คนอื่น ก่อนที่สายตาของเราสองคนจะได้สบกันและเป็นหญิงสาวเองที่ถอนสายตาไปเสียก่อน แล้วรีบหันหลังเพื่อเป็นการหลบหน้า
คงอายที่สารภาพรักแล้วต้องผิดหวัง
ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีของตนหรือเปล่าที่ปฏิเสธไป ไม่อย่างนั้นคงถูกสองพี่น้องถลุงเงินเป็นว่าเล่นแล้วล่ะ
ไวน์ในมือถูกกระดกดื่มรวดเดียวจนหมด แล้ววางแก้วลงบนโต๊ะที่อยู่ใกล้มือ ค่อยเดินไปนั่งในมุมอับสายตาเพื่อความเป็นส่วนตัว ไม่อยากฟังเรื่องของใครให้หงุดหงิด
นั่งสักพักก็เริ่มมึนหัวพร้อมกับอาการร้อนรุ่มน่าประหลาด เขาตัดสินใจลุกจากเก้าอี้เพื่อไปยังห้องพักของตัวเอง นึกอยากอาบน้ำให้สบายตัวสักหน่อยแต่ก็ต้องเซถอยหลังเมื่อชนเขากับร่างหนาที่ขนาดตัวพอกับเขา พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นเพื่อนร่วมคลาสเรียนที่ไม่ค่อยเข้าเรียนทำให้ปีนี้ไม่จบตามกำหนด
“ขอโทษที ฉันเดินไม่ระวังตื่นเต้นไปหน่อย” คีย์การ์ดของเขาที่ตกบนพื้นถูกยื่นมาให้พร้อมคำขอโทษที่ดูไม่ได้เต็มใจจะกล่าวเท่าไหร่
แน่ล่ะ...คนตรงหน้าไม่ชอบเขา
ซึ่งฉัตรชยาก็ไม่ชอบหน้าหมอนี่เหมือนกัน
เจ้าชู้มั่วไปเรื่อยแล้วยังชอบพูดจาโอ้อวดถึงความรวยของตัวเอง คำที่พ่นออกมาแต่ละอย่างเหลือจะรับประทาน ใครได้เป็นสามีคงซวยไปทั้งชาติ
“มึงแน่ใจนะว่าใส่ยาแล้ว”
“เออ รับรองว่ามึงได้น้องเขาแน่ ไม่ต้องห่วงเว้ยเพื่อน”
“ดี กูจะได้เอาเป็นเมียสักที เล่นตัวดีนักตอนแรกนึกว่าจะง่าย...”
แล้วเขาก็ไม่ได้ยินที่สามคนนั้นพูดกันเพราะเดินผ่านมาไกลและนึกร้อนรุ่มเกินกว่าจะยุ่งเรื่องคนอื่น ก้าวเข้ามายังห้องพักของตัวเองที่จองเอาไว้ ใช้คีย์การ์ดแตะแต่ก็ไม่อาจเปิดได้
คิ้วหนาขมวดมุ่นด้วยความหงุดหงิด เลือกจะแตะอยู่อย่างนั้นสักพักแล้วถอนหายใจหนัก ก่อนโยนบัตรขนาดเล็กลงบนพื้นระบายโทสะแล้วเห็นว่าเลขที่อยู่หน้าบัตรไม่ตรงกับความเข้าใจของตัวเองในครั้งแรก
เพราะห้องของเขาอยู่ถัดไปต่างหาก...
ฉัตรชยาจึงเลือกจะแตะคีย์การ์ดแล้วเปิดประตู ถึงจะสงสัยว่าตัวเองจำผิดได้อย่างไรก็ไล่ความคิดนั้นออกรวดเร็ว เข้ามาในห้องก็จัดการถอดเสื้อผ้าออกตั้งแต่หน้าประตูจนกายเปลือยเปล่า เข้ามาชำระร่างกายที่ห้องน้ำหวังให้ความร้อนคลายลงบ้าง
กระทั่งได้ยินเสียงเปิดประตูห้องแต่เขาไม่ได้สนใจ “เอามาส่งแล้วนะเว้ย” เสียงดังมาจากหน้าห้องเหมือนบอกกล่าวกับคนข้างในซึ่งคงไม่ใช่เขาอย่างแน่นอน ชายหนุ่มยังคงอาบน้ำหวังให้อาการเหล่านี้เจือจางลง ทราบแล้วว่าตนเองคงโดนยาบางอย่างที่กระตุ้นความต้องการทางเพศ
แต่ใครทำกันล่ะ...นึกก่นด่าคนที่ทำอยู่ในใจแล้วหันไปตามเสียงเปิดประตูห้องน้ำ
ก่อนพบสาวสวยที่เปลือยกายเดินเข้ามาใกล้ เหมือนเธอไม่รับรู้ว่ามีอีกคนอยู่ในห้อง ดวงตาคมเบิกกว้างเผลอมองร่างกายสวยงามตาไม่กระพริบ ไม่น่าเชื่อว่าภายใต้ชุดที่สวมมิดชิดเธอจะซ่อนรูปได้ขนาดนี้ ทรวงอกที่พอเหมาะกับตัว เอวคอดกิ่วรับกับสะโพกผาย ทรงนาฬิกาทรายที่เคยเห็นผ่านการ์ตูนญี่ปุ่น
สวย...จนร่างกายเขาร้อนรุ่มมาอีกครั้ง
“เธอเองเหรอ ที่ทำแบบนี้” กัดฟันถามเสียงเข้ม ทำเอาหญิงสาวที่เพิ่งเห็นเขาชัดเป็นครั้งแรกก็เบิกตาโพลง ตกใจเช่นเดียวกันไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ในห้องน้ำแล้วยังเป็นชายหนุ่มที่เธอหลงรักมาตลอดเสียด้วย
แล้วเขาก็อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไม่ต่างกัน
“คุณเข้ามาได้ยังไง” รีบยกมือข้างหนึ่งปิดอกแล้วใช้อีกข้างบังของสงวนเอาไว้แต่เหมือนว่าจะไม่ทัน เพราะเขาเห็นร่างกายของเธอหมดแล้ว หญิงสาวแทบจะตื่นเต็มตาแต่ความต้องการก็ยังมีล้น เผลอจ้องมองมัดกล้ามและหน้าท้องลอนของคนตรงหน้า แววตาบอกชัดเจนว่าอยากสัมผัสมากแค่ไหน
เขายิ้มหยันกับท่าทีไร้เดียงสาของหล่อน ตัดสินใจปิดน้ำที่รินรดกายแล้วก้าวเข้าไปใกล้หญิงสาวมากกว่าเดิม ดึงเธอเข้ามาประชิดตัวจนส่วนนู้นเสียดสีกับร่างหนา
“ฉันมากกว่าต้องถามเธอว่าเข้ามาได้ยังไง...ไม่สิ เธอต้องเข้ามาได้อยู่แล้วเพราะเป็นคนวางแผนจัดฉากเรื่องทั้งหมด อยากได้ฉันมากจนต้องใช้ยาสกปรกเลยเหรอ” ยิ่งใกล้เธอเขาก็ยอมรับเลยว่าอยากทำบางสิ่งกับหล่อนจนแทบห้ามใจไม่ไหว กลิ่นหอมอ่อนจากกายสาวโชยเข้าจมูก เป็นน้ำหอมกลิ่นหวานละมุนเหมือนเดินท่ามกลางสวนดอกไม้
ใบหน้าคมบิดเบี้ยวเมื่อส่วนกลางชายผงาดขึ้นพร้อมอาการปวดหนึบ เป็นการยากที่ต้องระงับอารมณ์ ตอนแรกคิดว่าตัวเองเป็นคนมีความอดทน แต่เหมือนเขาจะคิดผิด
เพราะยิ่งได้ใกล้ชิดเธอมากเท่าไหร่...ความอดทนก็น้อยลงเท่านั้น
ของหวานอยู่ตรงหน้าเขาจะไม่ยอมชิมได้อย่างไร
“พูดอะไรน่ะ” เบิกตากว้างกับคำพูดของเขา เธอพยายามดิ้นรนเพื่อให้ห่างจากชายหนุ่ม แต่กลับเป็นตนที่เจียนจะคลั่ง เผลอจับแขนล้ำเอาไว้ด้วยความต้องการ เกลียดสถานการณ์ตอนนี้ที่ตนเพลี่ยงพล้ำอย่างเห็นได้ชัด
และส่วนลึกในใจก็โหยหาชายหนุ่มเช่นเดียวกัน
เพราะเขาคือคนที่เธอตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สบตา...
“อยากได้ก็จะสนองให้ แต่จำไว้ว่าเธอจะไม่มีวันได้เงินจากฉันแม้แต่บาทเดียว!” แล้วใบหน้าหวานก็ถูกบังคับให้เงยขึ้นเพื่อรับจุมพิตที่แสนดุดัน ร่างบางถูกผลักให้ชิดกำแพงพร้อมปิดกั้นทางหนีของเธอ อุณหภูมิในห้องน้ำร้อนระอุเมื่อสองร่างกอดรัดกันไม่ยอมปล่อย
ผลจากฤทธิ์ยาที่ชักจูงความต้องการเบื้องลึก จนกระทั่งฤทธิ์นั้นหมดไปเขาก็ไม่ยอมปล่อยเธอเป็นอิสระ ยังคงมีความสุขกับเรือนร่างงดงามจนผล็อยหลับไปในรุ่งสางของวันต่อมา
ความอบอุ่นจากผ้าห่มทำให้หญิงสาวที่เพลียจากกิจกรรมยามค่ำคืนหลับสบาย เธอมารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออก พร้อมร่างสูงซึ่งอยู่ในชุดสูทที่เขาสวมเมื่อคืน สองสายตาพลันสบกันโดยที่เธอรีบหลับตาลงอย่างรวดเร็ว
แสร้งทำเป็นนอนหลับเพราะไม่อาจสู้หน้าเขาได้ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองหลับไปตอนไหน รู้เพียงถูกเขาอุ้มไปทั่วห้องแล้วฝากบทรักรัญจวนเอาไว้แทบทุกที่ ไม่ว่าจะห้องน้ำเปลี่ยนมายังโซฟา ลากยาวไปบนพื้นห้อง เปลี่ยนเป็นโต๊ะรับรองแล้วมาจบที่บนเตียง
เขาเรียกร้องเอาแต่ใจ และเธอก็สนองความต้องการได้อย่างถึงใจเช่นเดียวกัน...
“เรื่องเมื่อคืนถือว่าเธอได้ตามความต้องการแล้ว อย่าคิดเรียกร้องอะไรจากฉันอีก คิดว่ามันเป็นแค่ความฝัน...แล้วลืมเรื่องทั้งหมดไปซะ”
เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับฝีเท้าหนักซึ่งก้าวออกจากห้อง ปล่อยเธอนอนอยู่อย่างนั้นสักพักกระทั่งเสียงประตูถูกปิดลง
หญิงสาวจึงได้หยัดกายที่เปลือยเปล่าขึ้นนั่ง พร้อมหยิบหมอนใบที่เขาหมุนมาถือไว้ก่อนโยนใส่ประตู
เธอสัญญากับตัวเองเลยว่าจะเกลียดเขาตั้งแต่วันนี้ แล้วลืมเรื่องราวเมื่อคืนไปให้หมดสิ้น!
