๑.๖ How deep is your love?
หลังจากเสื้อทั้งสองตัวกลับขึ้นมาปกปิดร่างกายในสภาพเดิมแล้ว อนุรดีจึงซบกายลงอิงแอบอ้อมอกอันอบอุ่นของผู้ชายที่ตัวเองแอบรักมานาน มือเล็กบางข้างหนึ่งเลื่อนไปโอบท้ายทอย อีกข้างขยับไปลูบกระดุมเสื้อของเขาเล่นแก้เขิน
“ขอบคุณนะคะที่ไม่ขืนใจหนูดี”
“พี่จะรอจนกว่าหนูดีจะเชื่อใจและยอมพี่ด้วยความเต็มใจ”
“หนูดีก็จะรอดูว่าพี่เตจะเคลียร์ตัวเองและมีหนูดีคนเดียวได้นานแค่ไหน หนูดียังไม่อยากเชื่อหรอก ว่าผู้ชายอย่างพี่เตจะมีผู้หญิงคนเดียวได้จริงๆ”
“ถ้าหนูดีเคยรักใครจริงๆ สักคน หนูดีจะไม่ตั้งคำถามและตั้งข้อสงสัยในตัวพี่แบบนี้”
“ทำไมหนูดีจะไม่เคยรัก” อนุรดีโต้เขาออกไปแบบทันควัน และต่อมาก็รู้ตัวว่าเสียรู้ เมื่อมือใหญ่ยื่นมาจับปลายคางตรึงเอาไว้ พร้อมกับจ้องลึกลงในดวงตาของเธอแบบไม่ยอมให้หลบ
“หนูดีรักใคร”
“ก็รัก...” เกือบจะหลุดชื่อคนถามออกไปแล้ว แต่ก็ยั้งปากเอาไว้ทัน
“ใคร?”
“เรื่องอะไรจะบอก ความลับของหนูดีค่ะ”
มือบางยกขึ้นปัดมือใหญ่ที่จับอยู่ปลายคางของตนออก แล้วซุกหน้าลงกับหน้าอกแกร่งดังเดิม เพราะกลัวจะถูกเขาคาดคั้น เธอได้ยินเสียงเขาหัวเราะเบาๆ ก็ยิ่งเขิน จึงไล้มือไปตามเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนลายทางของเขาเล่นอย่างไม่รู้จะวางมือวางไม้ไว้ตรงไหนดี ก่อนจะอุทานออกมาเบาๆ เมื่อสายตาสะดุดกับคราบนมบนเสื้อของเขา
“เสื้อพี่เตก็เลอะนมเหมือนกันนี่คะ”
“เลอะเหรอ งั้นหนูดีทำความสะอาดให้พี่บ้างสิทูนหัว” เขาเว้าวอนด้วยเสียงกระซิบพร่าชวนวาบหวาม จนคนถูกอ้อนแทบจะละลาย
“เดี๋ยวหนูดีไปหยิบทิชชูมาเช็ดให้นะคะ”
“อย่าทำตัวเป็นเด็กขี้โกงสิ”
“ขี้โกงยังไง”
“พี่ทำความสะอาดให้หนูดีแบบไหน หนูดีก็ควรจะทำความสะอาดให้พี่ด้วยวิธีเดียวกัน”
อนุรดีเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขาอย่างเขินๆ ทั้งที่พอรู้อยู่แล้วว่าเตชินท์ต้องการให้เธอทำอะไร แต่เธอก็เลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ไม่เอาค่ะ หนูดีทำไม่เป็น”
“ทำไม่เป็นหรือไม่กล้าทำกันแน่ ปกติหนูดีเป็นเด็กหัวไว ไม่ต้องให้บอกให้สอนด้วยซ้ำ บอกพี่มาตรงๆ ดีกว่าว่าหนูดีไม่กล้าแตะเนื้อต้องตัวพี่ เด็กขี้ขลาด เก่งแต่ท้า เก่งแต่เรียกร้องไม่ให้พี่มีคนอื่น แค่พี่ขอความชื่นใจเล็กๆ น้อยๆ หนูดีก็ยังทำให้ไม่ได้เลย”
ไม่ใช่แค่เสียงที่ทำเหมือนงอนและตัดพ้อ แต่มือใหญ่ที่โอบรัดอยู่รอบเอวเล็กก็ยังคลายออกด้วย อนุรดีจึงต้องยกมือบางขึ้นไปโอบที่ท้ายทอยของผู้ชายที่เพิ่งจะสารภาพว่ารักเธออีกครั้ง ตาคู่สวยจ้องมองใบหน้าหล่อคมคร้ามอย่างง้อๆ แต่เตชินท์ก็ยังทำหน้าตึงใส่
“โกรธหนูดีจริงๆ หรือเล่นเกมกับหนูดีอยู่คะ”
“เกมอะไร”
“ก็แกล้งงอนเพื่อให้หนูดีง้อ พี่เตจะได้เรียกร้องเอาตามสบาย”
“ถ้าคิดว่าพี่แกล้งงอน ก็ไม่ต้องง้อให้เสียเวลาหรอก”
ดูเหมือนว่าอนุรดีจะดำเนินเกมง้อมาผิดทาง เพราะหน้าหล่อๆ ที่บึ้งอยู่แล้วบึ้งหนักกว่าเดิม หญิงสาวจึงต้องยื่นหน้าเข้าไปจรดริมฝีปากแนบกับเรียวปากหยักของเขา ทั้งๆ ที่ไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเลยสักครั้ง แม้ก่อนหน้านี้จะเคยจูบกับเขาหลายต่อหลายครั้งแล้วก็ตาม
และคราวนี้ดูเหมือนว่าการง้อของเธอจะได้ผล เพราะเตชินท์บดคลึงปากตอบโต้ และทำท่าว่าจะจุมพิตแบบเร้าลึกชนิดลิ้นแลกลิ้น แต่อนุรดีก็รีบผละห่างออกมาเสียก่อน
“หนูดี...” เตชินท์ครางเรียกชื่อเธอเสียงต่ำเหมือนกับประท้วง กับการสัมผัสเล็กๆ น้อยๆ คล้ายกับจะแค่ยั่วเขาให้ทรมานเล่นเท่านั้น
“ห้ามงอนค่ะ เพราะพี่เตบอกว่าให้หนูดีทำเหมือนที่พี่เตทำ เมื่อกี้พี่เตไม่ได้จูบหนูดีนะคะ”
“แต่หนูดียังไม่ได้ทำ”
“หนูดีแค่จะถามพี่เตก่อนว่า ถ้าหนูดีทำมากกว่าที่พี่เตทำให้หนูดี จะถือว่าผิดกติกาหรือเปล่าคะ”
ริมฝีปากบางนุ่มเอ่ยราวกับถามตามประสาซื่อ แต่สายตากลับพราวระยับเจือไว้ด้วยแววซุกซนและยั่วอยู่ในที
“พี่ยังตอบไม่ได้ จนกว่าหนูดีจะทำให้พี่ดูก่อน ว่าหนูดีจะทำมากกว่าพี่แค่ไหน” เขาก้มลงกระซิบตอบด้วยน้ำเสียงยั่วเย้าเช่นกัน พร้อมกับยิ้มร้ายแฝงความเจ้าเล่ห์ แต่ดูดึงดูดและมีเสน่ห์มากเหลือเกิน
“แค่นี้ค่ะ”
คำว่า ‘แค่นี้’ ไม่ได้แค่เปล่งออกจากปากเท่านั้น แต่อนุรดียังเริ่มลงมือทำ ด้วยการแตะปากบางจูบที่ปลายคางของเขา เลื่อนไล้ลงมาตามซอกคอ ขบและเม้มปากดูดเนื้อแท้บริเวณนั้นแรงกว่าปกติ ก่อนจะเลื่อนไปอีกมุมบนซอกคอเขา และทำแบบเดียวกันกับที่ทำเมื่อครู่นี้