๑.๕ How deep is your love?
เสียงหวานครางออกมาอย่างสุดจะรับมือไหวกับอาการสยิวหวามลึก เมื่อกี้เขาแค่จูบ แต่ตอนนี้เขาทั้งดูดทั้งดื่มกินและฟอนเฟ้นเคล้นคลึง จนเธอทำอะไรไม่ถูก นอกจากยกมือมาโอบกอดรอบคอแกร่งเพื่อยึดไว้เป็นหลัก ก่อนจะเผลอแอ่นหยัดร่างบางขึ้นหาสัมผัสจากปากและมือของเขาด้วยความรัญจวนใจ
คำพูดของเธอไม่อาจทัดทานการกระทำของเตชินท์ได้ ตรงกันข้ามเสียงหวานๆ ที่ปนมากับลมหายใจหอบกระเส่าถี่ๆ นั้นกลับยิ่งกระตุ้นเร้าให้ลิ้นอุ่นๆ สากๆ วนเวียนกระหวัดปลายถันสีชมพูระเรื่อทั้งสองข้างซึ่งต่างดีดตัวขึ้นสู้กับสัมผัสอันมากชั้นเชิงของเขาอย่างได้ใจซ้ำไปซ้ำมา
“พี่เตขา...พี่เต...อื้อ”
เสียงครางหวานซ่านแว่วผ่านริมฝีปากบางออกมามิได้ขาด มือบางลูบไล้ไปตามต้นคอเขา บางจังหวะก็เผลอดึงรั้งลงมาแนบอก คล้ายกับยั่วและเสนอตัวให้เขาดูดดื่มแรงกว่านั้น ทั้งๆ ที่เมื่อครู่ยังห้ามเขาอยู่แท้ๆ
เตชินท์ครางในลำคออย่างพึงพอใจต่อความกระตือรือร้นและเร่าร้อนที่อนุรดีเผลอแสดงออกมายามถูกกระตุ้นเร้า เขาจึงมอบรางวัลความน่ารักให้กับเธอ ด้วยการครอบปากลงบนเม็ดเนื้อสีหวานแล้วดูดเข้าปากเต็มแรง เพิ่มดีกรีความร้อนเร่าในเลือดสาวจนเธอถึงกับต้องแอ่นตัวขึ้นหาปากร้อนๆ สุดเหยียด
“พี่เต...พี่เตขา...โอ...”
เธอเรียกชื่อเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เตชินท์ก็ไม่ได้ขานตอบเพราะปากไม่ว่างสักวินาที นอกจากเสียงตัวเองแล้วอนุรดีจึงได้ยินแต่เสียงปากเสียงลิ้นของเขาที่กำลังกระทำต่อส่วนอ่อนไหวของเธอดังมุบมับ
ร่างบางบิดไหวแอ่นโค้งขึ้นลงตามคลื่นสยิวที่โถมซัดเข้าใส่เป็นระลอก แบบไม่ยอมให้หายใจหายคอ จวบจนมือแข็งแรงข้างหนึ่งเริ่มเลื่อนต่ำลงสู่เบื้องล่าง ลูบไล้หัวเข่ากลมมนแล้วลากย้อนสูงขึ้นมา ก่อนจะหายวับเข้าในใต้ชายกระโปรงจีบรอบสีดำ สัมผัสบริเวณโคนขาอ่อนและกำลังจะรุกคืบไปหานวลเนื้ออูมอิ่มของเพศสาวซึ่งไม่เคยมีใครได้แตะต้องมาก่อน อนุรดีจึงได้สติตื่นจากภวังค์หวาม รีบรวบรวมเรี่ยวแรงที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิด ตะครุบมือใหญ่นั้นเอาไว้มั่น เพื่อเป็นการหยุดเขาและหยุดอารมณ์เสียวสยิวของตัวเองไม่ให้แตกกระเจิงมากไปกว่านี้
“พอก่อนค่ะพี่เต...” เธอเอ่ยห้ามเขาเสียงหอบๆ ทั้งๆ ที่ตายังคงปรือเยิ้ม
“ทำไมล่ะ หรือว่าหนูดีรังเกียจพี่”
“เปล่าค่ะ...แต่มันยังไม่ถึงเวลา ถ้าหนูดียอมพี่เตง่ายๆ พี่เตก็คงไม่เห็นค่า”
อนุรดีตอบปฏิเสธแบบตรงไปตรงมาเสร็จ ก็หลุบตาลงบดบังความรู้สึกของตัวเองอย่างอายสุดๆ เมื่อเขาเอาแต่จ้องราวกับจะกลืนกินแบบไม่วางตา
“ทำไมพี่จะไม่เห็น...ถ้าพี่คิดจะทำอะไรหนูดีจริงๆ หนูดีไม่รอดมาจนถึงทุกวันนี้หรอก ไม่เห็นเหรอแค่พี่กอดนิดจูบหน่อย หนูดีก็อ่อนปวกเปียกเป็นขี้ผึ้งลนไฟแล้ว”
เตชินท์ชี้ให้หญิงสาวตระหนักถึงความจริงที่ผ่านมา และอนุรดีก็ไม่อาจจะเถียงเขาได้ว่าไม่จริง เพราะเธอมักเคลิบเคลิ้มเสมอยามถูกเขากอดจูบ แม้แต่ก่อนเขายังไม่ได้สารภาพรัก เธอก็ยังยอมให้เขากระทำเช่นนั้นง่ายๆ และหากเตชินท์คิดเอาเปรียบเธอจริงๆ อนุรดีก็รู้ว่าตัวเองคงไม่เข้มแข็งพอจะปฏิเสธความปรารถนาของเขาได้ ด้วยรู้ดีว่าลึกๆ แล้วตัวเองก็ชอบให้เขาแตะนิดต้องหน่อยอยู่เหมือนกัน
“งั้นก็ปล่อยหนูดีให้รอดต่อไปสิคะ อย่าใช้ประสบการณ์หลอกล่อหนูดีแบบนี้”
“แม่เด็กฉลาด เข้าใจพูดดักคอพี่เหลือเกินนะ” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ และยกมือขึ้นขยี้ผมยาวสลวยที่เหยียดตรงด้วยความเอ็นดู
“หนูดีก็แค่ไม่อยากเสียท่าให้พี่เตง่ายๆ”
“ตกลง...เอาเป็นว่าถ้าหนูดีไม่พร้อม พี่ก็จะไม่ฝืนใจหนูดี แต่หนูดีต้องยอมให้พี่กอดอยู่แบบนี้จนกว่าพี่จะพอใจนะ”
“แน้...คนอะไร ไม่ได้ศอกก็จะเอาคืบ” ตาคู่สวยที่หลุบลงก่อนหน้านี้ช้อนมองใบหน้าหล่อเหลาอีกครั้ง แล้วค้อนใส่นิดๆ แต่น่ารักเหลือเกินในสายตาของคนมอง
“พี่จะเอาทั้งตัวนั่นละ ถ้าหากหนูดีไม่ให้ตามที่พี่ขอ” เตชินท์คาดโทษเสียงพร่า พลางจ้องตาคู่สวยด้วยประกายลึกซึ้งและเปิดเผยความปรารถนาที่อัดแน่นอยู่ข้างใน
“กอดก็กอดค่ะ แต่หนูดีขอใส่เสื้อก่อน”
“ไม่ใส่ไม่ได้เหรอ อยากกอดอยากมองแบบนี้ไปนานๆ หนูดีสวย”
“แต่หนูดีต้องใส่ค่ะ หนูดีไม่ไว้ใจพี่เตและไม่ไว้ใจตัวเองด้วย”
ประโยคหลังพูดอุบอิบด้วยความอาย ก่อนจะยื่นมือไปคว้าเอาบราเซียร์ลูกไม้มาใส่ ตามด้วยเสื้อนักศึกษาที่ถูกถอดด้วยมือของคนแถวนี้ โดยมีตาคู่คมจดจ้องและมองอย่างเสียดาย เมื่อเสื้อตัวเล็กทรงกรวยปกปิดเต้าสาวอวบอิ่มจากสายตาเขา
แก้มใสแดงระเรื่อ ทั้งอายทั้งอบอุ่น เพราะถูกเตชินท์จ้องมองอย่างดื่มด่ำด้วยสายตาชวนสะเทิ้น กลัวว่าเขาจะขัดขวางแต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไร นอกจากมองเธอใส่เสื้อทั้งสองตัวจนเสร็จเรียบร้อยแบบเงียบๆ