๑.๒ How deep is your love?
รถแล่นอยู่บนถนนใหญ่ได้ไม่นาน ลมที่พัดแรงอยู่ก่อนหน้านี้ยิ่งกรรโชกแรงมากขึ้น ป้ายบิลบอร์ดและป้ายโฆษณาหลายป้ายต่างพังถล่มลงมา บ้างก็ปลิดปลิวไปตามแรงลม พร้อมๆ กับที่ฝนเม็ดใหญ่หนาทึบเทกระหน่ำราวกับฟ้ารั่ว ซ้ำเติมให้สภาพอากาศเลวร้ายมากไปกว่าเดิมอีกเป็นเท่าตัว
ร่างกำยำเจ้าของความสูงหกฟุตที่นั่งกุมพวงมาลัยรถอยู่ ตัดสินใจบังคับรถให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอย มุ่งหน้าไปยังอาคารหรูหราแห่งหนึ่งซึ่งมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคอนโดมิเนียม อนุรดีไม่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้สักนิด เธอหันไปมองหน้าคนขับด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม แต่ก็ไม่ได้คำตอบ จนกระทั่งเขาดับเครื่อง ลงจากรถ แล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูให้เธอ อนุรดีจึงต้องเอ่ยถามออกไป
“พี่เตพาหนูดีมาที่นี่ทำไมคะ”
“พามาหลบฝน ฝนตกหนักมาก แถมลมก็พัดแรงมาก พี่ไม่อยากเสี่ยงขับรถในสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจแบบนี้ มาเถอะขึ้นไปพักที่ห้องพี่ก่อน ฝนซาแล้วพี่จะพาไปส่ง”
เขาไม่เพียงแต่ชวน แต่ยังจัดการปลดเข็มขัดนิรภัยให้ ก่อนจะฉวยเอาข้อมือเล็กๆ บังคับให้เธอเดินตามเข้าไปในลิฟต์ของคอนโดมิเนียม แล้วพาขึ้นไปยังห้องที่ตัวเองซื้อไว้
ภายในห้องกว้างนั้นบรรยากาศต่างกันกับข้างนอกลิบลับ เสียงลมเสียงฝนอื้ออึงเมื่อครู่นี้เงียบไปราวกับอยู่คนละโลก อนุรดีมองสำรวจไปรอบๆ ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราและชวนสบาย เธอไม่ได้ตื่นเต้นหรือประหม่าอายที่ต้องอยู่สองต่อสองกับเตชินท์แต่อย่างใด เพราะมากกว่านี้เธอกับเขาก็ทำกันมาแล้ว แต่นั่นมันก็เป็นการกระทำที่ร่างกายแสดงออกต่อกันและกัน เธอไม่เคยแน่ใจสักนิดว่าตัวเองมีความสำคัญ หรือเตชินท์รู้สึกกับเธอลึกซึ้งเพียงใด เพราะจะว่าไปเขาก็ทำแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนที่เขาใกล้ชิดด้วย
คิดมาถึงตรงนี้อนุรดีก็ไม่ชอบใจตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่าเตชินท์เจ้าชู้แค่ไหน แต่เธอก็ยังยอมให้เขากอด ยอมให้เขาจูบ ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง แต่หลายครั้งจนนับไม่ถ้วนแล้ว ซึ่งดูเหมือนว่าเธอจะชอบให้เขาทำแบบนั้นเสียด้วย ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่จูบตอบทุกครั้งที่ถูกเขาเอาปากหยักร้อนแนบประกบลงมาหรอก
“ที่นี่เป็นสนามเชือดเหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นหลังจากวางกระเป๋าลงบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
“หืม...เชือดอะไร?”
“ก็เชือดสาวๆ ของพี่เตน่ะสิคะ”
ชายหนุ่มเหมือนจะยิ้ม แต่ก็ไม่ยิ้ม “เรานี่รู้ดีไปซะหมดเลยนะ รู้ดีทุกอย่างยกเว้นใจตัวเองกับใจพี่”
อนุรดีเกิดอาการเก้อไปชั่วครู่ เขาพูดแบบนี้อีกแล้ว พูดสองแง่สองง่าม พูดแฝงความนัยให้เธอคิดมากไปเอง และก็ไม่เคยพูดมันออกมาตรงๆ ให้เธอมั่นใจสักที
“แล้วที่หนูดีพูด จริงหรือเปล่าล่ะ” เธอย้อนถามเขาอย่างอดงอนไม่ได้ งอนทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์หึงไม่มีสิทธิ์งอน เพราะตอนนี้สถานะระหว่างเธอกับเขาก็แค่เพื่อนพี่ชายกับน้องสาวข้างบ้านเท่านั้น
“ถ้าพี่บอกว่าพี่ไม่เคยพาใครมาที่นี่ล่ะ หนูดีจะเชื่อหรือเปล่า”
“ไม่เชื่อค่ะ ใครเชื่อก็ออกลูกเป็นลิงแล้ว” อนุรดีตอบสวนออกไปแบบไม่ต้องคิดมาก ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าเขาเสน่ห์แรงแค่ไหน มีหรือที่เขาจะไม่เคยพาผู้หญิงมาทำอะไรแบบส่วนตัวในห้องคอนโดมิเนียมที่บรรยากาศออกจะเป็นใจแบบนี้
“ก็เพราะอย่างนี้แหละพี่ถึงไม่พูด กับหนูดีน่ะพูดไปก็เปลืองน้ำลายเปล่าๆ สู้แลกน้ำลายกันดีกว่า ได้อารมณ์กว่ากันเยอะ”
“พี่เต!”
“ตกใจอะไร ทำไมต้องทำเสียงเขียวใส่พี่ หรือว่าพี่พูดไม่จริง เราน่ะชอบจูบกับพี่จะตาย แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ตลอดว่าพี่คิดยังไงกับเรา”
อนุรดีหน้าแดงซ่าน หลุบตาลง เถียงไม่ออกแต่ก็ยังอุตส่าห์ตอบโต้เขาออกไปด้วยเสียงเบาแค่อุบอิบ ทว่าเตชินท์ก็ได้ยินทุกคำ
“จะให้รู้จะให้ชี้ได้ยังไงล่ะคะ หนูดีไม่ชอบคิดเองเออเองนี่ อีกอย่างพี่เตก็มีสาวๆ ออกเยอะแยะ ไม่รู้จะเอาจริงกับใคร”
“ก็เอาจริงกับเราคนเดียวนี่แหละ แต่เราก็ไม่ยอมให้พี่ ‘เอา’ สักที”
คราวนี้สายตาของคนที่ทำเสียงดุๆ ใส่เธอแพรวพราวขึ้น แถมยังจ้องราวกับจะกลืนกินเธอเป็นอาหารก็ไม่ปาน ทำให้อนุรดีต้องหมุนตัวหันหลังให้อย่างรวดเร็ว
“หนูดีไม่อยากเป็นของเล่นของพี่เตนี่”
เตชินท์ไม่ได้ตอบในทันที แต่ขยับร่างสูงมายืนใกล้จนเกือบชิด แล้วก้มลงกระซิบข้างหูเล็กๆ ด้วยเสียงที่เบานุ่มนวลทว่าหนักแน่นเป็นที่สุด