บทที่ 2 สูญเสียคนรักถึงสองคน
บทที่ 2 สูญเสียคนรักถึงสองคน
"กระหม่อมขันทีจากตำหนักของกุ้ยเฟยหนิงฮวามีเรื่องมาแจ้งฝ่าบาทพะย่ะค่ะ" ขันทีก้มโค้งคำนับต่อฝ่าบาท พระองค์จึงปล่อยแขนออกจากตัวของฮองเฮา
"มีเรื่องอันใด "
"ตอนนี้พระชายาหนิงฮวาได้ถือกำเนิดองค์หญิงแล้วพะย่ะค่ะ หากแต่ว่าบัดนี้พระชายาเสียโลหิตไปมากทำให้กำลังใกล้จะขาดใจแล้วกระหม่อมเลยมาแจ้งให้ฝ่าบาทไปพบพระชายาก่อนที่จะสิ้นพระชนม์พะย่ะค่ะ" สิ้นเสียงของขันทีก็มีเสียงฟ้าผ่าลงมาเสียงดังทั่วทั้งใต้หล้า เหล่าเสนาบดีต่างพากันซุบซิบนินทาหรือว่าจะเกิดอาเพศขึ้นกับราชวงศ์
ฝ่าบาทได้ยินดังนั้นก็รีบเสด็จไปที่ตำหนักของกุ้ยเฟยทันทีโดยไม่รอช้า ฮองเฮาที่นั่งร้องไห้อยู่ก็ช้ำใจหนักมากกว่าเดิมเหตุใดถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในวันเวลาเดียวกันเช่นนี้
หวงกุ้ยเฟยที่เพิ่งรับรู้เรื่องราวก็รีบเสด็จมาที่ท้องพระโรงก็ได้มาพบกับบุตรชายตนเองที่ยืนอยู่ก็รีบตรงเข้าไปหาทันทีด้วยความเป็นห่วง
"องค์ชายหลีเจียซินเจ้าเป็นใดอันหรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นห่วงเจ้ามากเพียงใดเมื่อรู้ว่าการออกล่าสัตว์ครั้งนี้เกิดเรื่องร้ายขึ้น "
"ท่านแม่ลูกมิได้รับบาดเจ็บอันใดหรอกพะย่ะค่ะ แต่ลูกไร้ความสามารถที่ไม่สามารถปกป้ององค์รัชทายาทได้ ทำให้องค์รัชทายาทต้องมาเจอเรื่องที่โหดร้ายเช่นนี้ " องค์ชายมีสีหน้าเศร้าหมองและกล่าวโทษตนเอง หวงกุ้ยเฟยเห็นดังนั้นจึงได้เข้าไปปลอบบุตรของตน
"โธ่ เจ้าอย่าโทษตนเองเรื่องทั้งหมดฟ้าคงลิขิตไว้หมดแล้ว ข้าต้องแสดงความเสียใจกับฮองเฮาด้วยนะเพคะ ที่ต้องมาเสียองค์รัชทายาททั้งๆ ที่ยังพเยาว์เช่นนี้ " หวงกุ้ยเฟยหันไปหาฮองเฮาที่นั่งโศกเศร้ากอดร่างขององค์รัชทายาทอยู่
พระนางไม่ตอบอันใดเพียงเพราะตอนนี้หัวใจของนางได้แตกสลายจนหมดสิ้น
"ว่าแต่ฝ่าบาทอยู่ที่ใด ข้ามาที่นี่ไม่เห็นพระองค์เลย" หวงกุ้ยเฟยหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาฝ่าบาท
"ท่านพ่อไปที่ตำหนักของกุ้ยเฟยพะย่ะค่ะ เห็นว่าบัดนี้ได้กำเนิดองค์หญิงแต่ทว่า กุ้ยเฟยกลับมีอาการไม่ดี ช่างน่าสงสารท่านพ่อซะเหลือเกิน" องค์ชายสามได้บอกหวงกุ้ยเฟยเมื่อนางได้ยินก็รีบเดินออกจากท้องพระโรงไปที่ตำหนักของกุ้ยเฟยทันที
ตำหนักกุ้ยเฟย
"แอ้!...แอ้!"
ภายในห้องบรรทมของตำหนัก เสียงองค์หญิงตัวน้อยร้องไม่ขาดสาย พระชายาหนิงฮวานอนอยู่บนเตียงใบหน้าไร้เลือดฟาดและหยาดเหงื่อที่ผุดออกมาถึงแม้จะมีอากาศที่เย็นยะเยือกจากลมที่พัดเข้ามาผ่านละอองฝน
ฝ่าบาทมองดูองค์หญิงตัวน้อยที่นอนอยู่ข้างกายของหนิงฮวา ด้วยความรู้สึกที่หว้าวุ่นจิตใจเหลือเกินเมื่อได้ยินเสียงของพวกเหล่าเสนาบดีกล่าวว่านางเป็นองค์หญิงกาลกิณี ทำให้เกิดเรื่องอาเพศ
"ฝ่าบาทเพคะ องค์หญิงน่ารักไหมเพคะ ดูสินางนอนอมยิ้มเมื่อเห็นว่าท่านมาหา ลองจับนางดูมั้ยเพคะ" น้ำเสียงของพระชายาหนิงฮวาเต็มไปด้วยความอิดโรยแผ่วเบาจนแทบฟังไม่รู้ความ จะลุกขึ้นแต่ถูกฝ่าบาทจับนางให้นอนลงเช่นเคย
"พระชายาเจ้าไม่ต้องลุกขึ้นมา เจ้านอนลงเถอะนะ"
พระชายาหนิงฮวาที่เสียเลือดมากก็ไม่มีแรงจะลุกขึ้นมาอุ้มบุตรสาวของตนได้
"ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันรู้ดีว่าหม่อมฉันคงอยู่รอดจากคืนนี้มิได้ แต่หม่อมฉันดีใจนะเพคะที่คลอดองค์หญิงมาให้ฝ่าบาทได้อย่างแข็งแรง หม่อมฉันมีเรื่องที่อยากจะขอท่านเพียงเรื่องเดียว หม่อมฉันขอฝากลูกของหม่อมฉันด้วยนะเพคะ" น้ำเสียงที่เปล่งไปด้วยเป็นห่วงได้เอ่ยขอ
"เจ้าพูดเรื่องอันใด เจ้าต้องอยู่ดูแลองค์หญิงจนเติบใหญ่ข้าไม่ยอมหรอกนะ"
"ข้าขอโทษเพคะที่ไม่สามารถทำตามคำสั่งของท่านได้ ที่ผ่านมาข้าได้รับความรักความห่วงใยจากฝ่าบาทมามากพอแล้ว ต่อจากนี้ให้ท่านมอบความรักที่มีให้แก่องค์หญิงด้วยนะเพคะ "
ฝ่าบาทใจสั่นระรัวเมื่อได้ยินว่าพระชายาหนิงฮวากำลังจะจากไป ฝ่าบาทจับมือของนางขึ้นมาจับและรับปากนาง
"ข้ารับปากเจ้าจะดูแลองค์หญิงให้ดี เจ้าไม่ต้องห่วงนะ"
"ว่าแต่หม่อมฉันขอเป็นคนตั้งชื่อองค์หญิงได้มั้ยเพคะ " พระชายาหนิงฮวายิ้มขึ้นแม้ไม่มีเรี่ยวแรงก็ตาม
"ได้สิ เจ้าจะตั้งชื่อว่าอันใด"
"องค์หญิงหนิงเอ๋อเพคะ ฝ่าบาทว่าไพเราะไหมเพคะ "
"ช่างไพเราะเหลือเกิน "
"ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันชาตินี้เกิดมาได้รับความรักของท่าน ช่างเป็นเกียรติของหม่อมฉันยิ่งนัก จากนี้ไปท่านต้องดูแลตนเองให้ดี อย่าโหมอ่านฎีกามากเกินไป และท่านก็อย่าดื่มสุรามากนะเพคะร่างกายของท่านไม่เหมือนตอนหนุ่มๆ ท่านยิ้มให้ข้าสักหน่อยได้ไหมเพคะ"
"ได้สิ เหตุใดข้าจะทำให้เจ้าไม่ได้เล่า "
"หม่อมฉันรักพระองค์เหลือเกิน แต่หม่อมฉันคงหมดวาสนาต่อพระองค์แล้ว หากหม่อมฉันจากไปแล้วฝ่าบาทสัญญาได้ไหมเพคะ ว่าท่านจะไม่เศร้าโศกเสียใจ และจะไม่จมปลักอยู่กับความทุกข์นี้ "
"ข้าไม่อาจสัญญากับเจ้าได้ เจ้าเองก็รู้ว่าข้ารักเจ้ามากกว่าผู้ใด เจ้าจะไม่ให้ข้าเสียใจข้าคงทำให้เจ้ามิได้หรอกนะ " ฝ่าบาทเริ่มมีดวงตาที่แดงก่ำรอบดวงตาเริ่มมีน้ำใสๆ เอ่อนองไหลรินออกมา
"อย่าเสียใจไปเลยเพคะ หม่อมฉันจะคอยมองดูพระองค์กับองค์หญิงอยู่บนฟากฟ้า จะคอยเฝ้าดูการเติบโตที่สวยงามขององค์หญิงหนิงเอ๋อที่เกิดจากความรักของหม่อมฉันกับพระองค์ ช่วยยิ้มให้หม่อมฉันสักนิดเถอะนะเพคะ ไฉนถึงได้ทำหน้าเศร้าเช่นนี้ด้วย " พระชายาหนิงฮวายื่นมือที่ไร้เรี่ยวแรงมาจับใบหน้าของฝ่าบาท
"ข้ารักเจ้าเหลือเกินหนิงฮวา เจ้าอย่าจากข้าไปได้หรือไม่ " ฝ่าบาทพูดพร่ำอยู่เช่นนั้นแต่ทว่ากลับไม่มีเสียงตอบกลับจากพระชายาหนิงฮวาเลยแม้แต่น้อยมือของพระนางก็ร่วงโรยลงบนเตียงนอนอย่างช้าๆ ทำให้ฝ่าบาทได้รู้ว่าบัดนี้สตรีที่เขารักมากที่สุดได้จากเขาไปอีกโลกหนึ่งเสียแล้ว
"แอ้!...แอ้!" เสียงขององค์หญิงที่นอนอยู่ของกายเสมือนรับรู้ว่ามารดาของนางได้จากนางไป เสียงร้องที่ดังระงมไปทั่วทั้งตำหนัก นางกำนัลก็รีบมาอุ้มองค์หญิงเพื่อปลอบให้นางสงบลง
ฝ่าบาทกอดร่างของพระชายามาอยู่ในอ้อมอก และร้องไห้ออกมาแข่งกับเสียงฝนที่ดังจนแทบไม่ได้ยินอันใด
ฝ่าบาทวางร่างนางลงและหันไปบอกกับขันที
"ประกาศการสิ้นพระชนม์ขององค์รัชทายาทและกุ้ยเฟยหนิงฮวาเถิด"
ขันทีที่ได้รับคำสั่งก็ได้เดินออกไปด้านนอกตำหนักตะโกนกึกก้องไปทั่วด้วยเสียงที่เปล่งดัง
"บัดนี้องค์รัชทายาทและกุ้ยเฟยหนิงฮวาได้สิ้นพระชนม์แล้ว " สิ้นเสียงของขันทีเหล่านางกำนัลและทหารก็ได้พากันร่ำไห้ออกมาด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
หวงกุ้ยเฟยเมื่อเดินมาถึงตำหนักกุยเฟยหนิงฮวาก็ได้มายินพอดี ก็รีบเข้าไปหาฝ่าบาทที่ห้องของกุ้ยเฟย ที่ตอนนี้ได้นำผ้าคุมร่างของพระนางแล้ว นางก็รีบเดินเข้ามาเพื่อปลอบโยนฝ่าบาท
"ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันเสียใจกับการจากไปของพระชายาหนิงฮวานะเพคะ แต่ว่าบัดนี้พระองค์เองต้องละทิ้งความเสียใจนี้เพราะไม่ได้มีเพียงท่านผู้เดียวที่สูญเสียหากพระองค์เป็นเช่นนี้แล้วราชฎรจะเป็นเช่นไรเพคะ"
"ใช่ตอนนี้ข้ามิควรมาเสียใจเช่นนี้ ขันทีพวกเจ้าไปเตรียมการจัดงานศพให้องค์รัชทายาทกับกุ้ยเฟยหนิงฮวา และป่าวประกาศไปทั่วทั้งแผ่นดินเพื่อไว้ทุกข์ให้แก่สองพระองค์" ฝ่าบาทเก็บความเสียใจเอาไว้และหยัดยืนขึ้นเพราะหน้าที่ เขามิอาจจะมัวมานั่งเสียใจได้อีกต่อไป