บท
ตั้งค่า

ตอนที่ห้า ทั้งแถทั้งสีข้างเข้าถู2

ตอนที่ห้า ทั้งแถทั้งสีข้างเข้าถู

เท่าที่สำรวจมาหลายวัน ร่างนี้สมกับเป็นองค์หญิงซึ่งได้รับการดูแลอย่างดี ผิวกายขาวละมุนเนียนละเอียดนุ่มนวล อกเป็นอกมีเนื้อมีหนังอวบอิ่ม สะโพกกลมพอใช้ได้ แม้ตอนนี้จะผอมไปหน่อยจนเอวกิ่ว หน้าตอบซูบ

แต่...ใช้สองก้อนเด้งนิ่มเรียกความสนใจก็คงพอไหว

“พี่เหว่ย พี่มาแล้ว” เสียงอ่อนหวานเอ่ยทักทาย

“อืม...” ท่าทางที่ยังเคร่งขรึมเย็นชาทำให้หญิงสาวรีบออดอ้อน

“ข้าเจ็บแผล แล้วก็คันมากด้วย พี่ช่วยลูบไล้หรือประคบให้หน่อยได้หรือไม่” แววตาหวานทั้งน้ำเสียงออเซาะซึ่งไม่เคยได้ยินทำให้ลู่หวังเหว่ยชะงักถอยออกห่างออกไปอีกด้วยความสงสัย

อ้าว!...ไม่เคยโดนรุกก็เลยงงงั้นสิ

ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรเขาก็ชื่นชอบร่างนี้อยู่แล้ว แค่เปิดโอกาสให้สักหน่อย คงไม่ยากนัก

ตอนนี้เธอยังไม่ได้สวมเสื้อผ้าเพราะต้องเปลือยหลังทายา ดังนั้นแค่ขยับนิดขยับหน่อยก็คงพอ

ฉีฟางหลิงขยับตัวเพื่อเอนร่างให้ผ้าห่มหลุดเลื่อนเผยความอวบอิ่มเล็กน้อยแล้วจึงก้มหน้าเอ่ยเสียงเศร้า

“ข้าโง่มากที่คิดแค่ว่าหากแต่งงานแล้วพวกเราจะคบหากันได้โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้อีก”

แม้จะรู้ว่าช่างแถข้างๆ คูๆ แต่ตอนนี้ฉีฟางหลิงนึกเหตุผลดีดีไม่ออกจึงได้แต่ใช้สีข้างเข้าถู

“เหตุใดต้องแต่งงานจึงจะไม่มีผู้ใดรู้ น้องหลิง เจ้าโง่มากจริงๆ” คำซ้ำเติมทำให้ฉีฟางหลิงแทบอยากจะเงยหน้ามาด่าวิญญาณสาวที่ยืนอยู่ด้านข้างว่านางคือคนโง่คนนั้น

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าวันที่พี่ต้องยืนอยู่หน้าวังหลวงเพื่อมองขบวนเกี้ยวเจ้าสาวของเจ้าผ่านไปยังจวนสกุลหลี่ พี่เจ็บปวดเพียงใด พี่แทบอยากพังเกี้ยวนั้นให้แหลกลงไปด้วยความไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจ้าจึงไม่ปรึกษากันสักคำ” เสียงสุดท้ายของเขาสั่นเล็กน้อย ก่อนจะหยุดนิ่งไปอีกครั้ง

“ข้า...คิดน้อยเกินไปเอง พี่เหว่ย ข้า...ผิดไปแล้ว” จบประโยคนี้ ฉีฟางหลิงจึงบีบน้ำตาให้ร่วงหยดลงบนผืนผ้าห่มก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องจีบปากจีบคอฟ้อง

“พี่เหว่ยคงรู้ว่าแค่เข้าจวนไปข้าก็โดนพวกเขาทำร้ายแทบตายแล้วยังกล่าวหาสร้างเรื่องเพื่อโยนความผิดโทษฐานกบฏ

ฟ้ารู้ดินรู้ว่าพวกเราสองคนไม่เคยคิดร้ายต่อแคว้นของตัวเอง ข้าจึงไม่ยอมรับ”

ลู่หวังเหว่ยหันกลับมามองใบหน้าหวานที่กำลังร้องไห้ช้าๆ ดวงตาของเขายังเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่กดเก็บไว้จนแทบระเบิดออกมาขณะเดินเข้ามาใกล้เพื่อเอื้อมมือปาดน้ำตาอย่างแผ่วเบา

“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าการที่พี่ไม่ได้เข้าไปช่วยในทันทีก็ด้วยเกรงว่าสุดท้ายแล้วเจ้าจะเลือกร่วมมือกับเขา”

ได้ยินประโยคนี้ ฉีฟางหลิงจึงเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาหยดเงียบๆ อย่างน้อยใจ

“ข้าผิดพลาดจนพี่เหว่ยไม่เชื่อถือ นั่นย่อมสมควรแล้ว”

น้ำตาที่หยาดหยดลงมาเป็นสายทำให้ลู่หวังเหว่ยต้องถอนหายใจพลางเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาอย่างทะนุถนอมอีกครั้งด้วยความอ่อนโยนที่หลุดออกมาแม้จะพยายามเก็บซ่อน

“อย่าร้องไห้เลย”

เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มยอมเข้าใกล้แล้ว ฉีฟางหลิงจึงถือโอกาสซบลงไปบนอกแกร่งทั้งน้ำตาพลางสะอึกสะอื้น

แม้เขายังไม่ยกโทษให้ทั้งหมด แต่ก็ไม่ผลักไส ถือเป็นสัญญาณที่ดีขึ้น

หญิงสาวคิดพลางหันไปมองวิญญาณเจ้าของร่างที่มองตาละห้อยด้วยไม่อาจสัมผัสชายหนุ่มผู้แสนดีพลางขบคิดว่าจะหาข้อแก้ตัวอย่างไรให้พอรับฟังได้

เมื่อพอหายสะอื้น ฉีฟางหลิงจึงเริ่มเข้าเรื่องที่ต้องการ

“หากข้ารู้แต่แรกว่าเรื่องของหัวใจไม่อาจควบคุมได้ คงไม่ทำเรื่องโง่เง่าถึงเพียงนี้”

เพียงประโยคนี้ทั้งความขาวอวบที่นูนดันสัมผัสผิวเนื้อเป็นระยะย่อมทำให้ลู่หวังเหว่ยฮึดฮัด

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร? น้องหลิง เจ้ายังหลงรักคุณชายสกุลหลี่อยู่หรือ?”

เห็นท่าทางราวจะผลักนางออกห่าง ฉีฟางหลิงจึงรีบพูด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel