Episode 4 ผู้ช่วยของบอส
Episode
4
ผู้ช่วยของบอส
เอลิน่าได้รับคำชมก็เพราะฝีมือของเมธาทิพย์เธอปลื้มใจสุด ๆ ที่มีคนชมอย่างนี้ เธอจึงมีความคิดบางอย่างขึ้นมา
“วันนี้ทุกคนทำกันได้ดีมาก ๆ เลยนะคะ ได้รับคำชมทั้งนั้นเลย เอลินขอบคุณทุกคนนะคะที่ช่วยกันทำงานในวันนี้ให้ออกมาดีมาก ๆ ไว้วันหลังเอลินจะจัดงานเลี้ยงขอบคุณให้นะคะ” เอลิน่าเอ่ยขอบคุณทุกคนพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มใบหน้าของเธอลลิตาเรียกแท็กซี่แล้วก็ขึ้นรถออกไปตรงไปยังบ้านหลังหนึ่งซึ่งก็คือบ้านที่เธออยู่มาเป็นเวลาเกือบสามปีก่อนที่เธอจะคบหากับเอลิน่าแต่แฟนของเธออย่างเอลิน่าไม่เคยมาที่บ้านหลังนี้เลยสักครั้ง นอกจากคอนโดมิเนียมของเธอที่เอลิน่าซื้อให้เท่านั้น
เอลิน่าขับรถกลับบ้านคนเดียวด้วยความเสียใจที่แฟนที่เธอรักมากไม่เชื่อใจและไม่เข้าใจในตัวของเธอเลยสักนิดว่าเธอรักลลิตามากแค่ไหน
“ทำไมนะลิตาถึงหาเรื่องโกรธเราอยู่เรื่อยเลย ทั้ง ๆ ที่เราก็ตามใจทุกอย่าง” เอลิน่ากลับมาที่บ้านของเธอแต่ก็นอนไม่หลับจึงออกไปเที่ยวกับเพื่อนจนเมามายในตอนดึก ๆ เธอคิดถึงลลิตาจึงไปหาที่คอนโดมิเนียมของลลิตาแต่เธอก็ไม่ได้อยู่ที่นั่น
“ไปไหนนะลิตา” เอลิน่าจึงนอนรอลลิตาที่คอนโดมิเนียมจนเช้าลลิตาก็ยังไม่กลับมาที่ห้อง
เอลิน่าจึงอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปที่คาเฟ่ของเธออย่างเช่นทุกวันและอีกอย่างที่วันนี้เธอต้องไปที่คาเฟ่เป็นเพราะมีรายการทีวีมาถ่ายที่คาเฟ่ของเธอทำให้เอลิน่าต้องไปตรวจสอบความเรียบร้อยและดูแลให้เต็มที่ในฐานะเจ้าของร้าน
เมธาทิพย์เองก็ตื่นเต้นในการเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ในวันแรกมาก ๆ เธอตื่นนอนตั้งแต่ตีห้าครึ่งทั้ง ๆ ที่เธอตื่นตอนเจ็ดโมงเช้าก็น่าจะทันเพราะที่ทำงานก็ไม่ได้ไกลมากอีกอย่างร้านก็เปิดตอนสิบโมง เธอต้องไปทำงานตอนเก้าโมงแต่ไม่รู้ว่าเธอจะตื่นมาทำไมแต่เช้าอาจจะเป็นเพราะความตื่นเต้น
“แม่คะ พ่อคะ หนูไปทำงานก่อนนะคะ” เมธาทิพย์บอกกับพ่อและแม่ของเธอยิ้ม ๆ แล้วก็ยกมือไหว้ก่อนไปทำงานวันแรก
“โชคดีนะลูก เย็นนี้เจอกัน” พราวนภาบอกกับลูกสาวแล้วก็เดินไปกอดหนึ่งทีด้วยความรักความเป็นห่วงที่คนเป็นแม่มีให้ต่อลูกสาวของเธอ
เมธาทิพย์นั่งรถมาที่เรนโบว์คาเฟ่ ระหว่างที่นั่งรถมาเธอก็เผลอนอนหลับระหว่างทางอาจเป็นเพราะว่าเธอตื่นแต่เช้าเกินไป
เมธาทิพย์มาถึงคาเฟ่ก่อนพนักงานคนอื่นแม้แต่หญิงหญิงก็ยังมาไม่ถึงที่ทำงาน เมธาทิพย์นั่งรอที่โต๊ะบริเวณใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งหน้าคาเฟ่ เอลิน่าที่มาแต่เช้าเพราะนอนไม่หลับและอยากมาเตรียมความพร้อมให้ทันเวลา กำลังเดินไปที่ห้องทำงานเห็นเมธาทิพย์นั่งอยู่คนเดียว เอลิน่ายกนาฬิกาขึ้นมาดูก็เห็นว่าเหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีกว่าจะถึงเวลาเข้างานแต่เมธาทิพย์มาก่อนเวลาเธอก็ยิ้มเพราะเอ็นดูเด็กพาร์ทไทม์ที่เธอตัดสินใจให้มาทำงานด้วยทำหน้าที่ได้ดีกว่าที่เธอคาดหวัง
“ขยันดีนะเนี่ย” เอลิน่าพูดแล้วกำลังจะเดินไปทักทายเมธาทิพย์แต่อยู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างหลัง
“บอสคะ วันนี้เราต้องเตรียมอาหารเพิ่มอีกนะคะ ทางรายการโทรมาสั่งเพิ่มค่ะ” แม่ครัวประจำครัวของเรนโบว์คาเฟ่เดินมาหาเอลิน่าเพื่อแจ้งรายละเอียดอาหารในวันนี้ทำให้เอลิน่าที่ตั้งใจจะมาทักทายเมธาทิพย์ไม่ได้เดินมา
เอลิน่าเดินไปกับแม่ครัวเพื่อเตรียมอาหารให้เพียงพอสำหรับทีมงานที่จะมาถ่ายรายการทีวีในวันนี้
เมธาทิพย์นั่งรอให้ถึงเวลาทำงานและรอพี่หญิงหญิงเพราะเมื่อวานพี่หญิงหญิงบอกว่าถ้ามาถึงก่อนให้นั่งรอตรงนี้
“อ้าวน้องพาร์ทไทม์มาทำงานก่อนเวลาอย่างนี้น่าชื่นชมมากเลยนะ แต่ตอนนี้ไปหยิบไม้กวาดมากวาดใบไม้พวกนี้ก่อนจ๊ะไม่ใช่มานั่งรอเฉย ๆ เนอะ” แอปเปิลที่มาทำงานพร้อมกับฝนเดินมาบอกให้เมธาทิพย์ไปกวาดใบไม้ทั้ง ๆ ที่หญิงหญิงไม่ได้บอกกับเธออย่างนี้
“แต่พี่หญิงหญิงไม่ได้บอกนะคะ”
“แต่ทุกคนก็ต้องทำอย่างนี้นะ แค่เปลี่ยนเวรกันและวันนี้เป็นของเธอจ๊ะ” ฝนพูดขึ้นมาแล้วก็จ้องมองเมธาทิพย์เพื่อกดดันให้เธอไปทำตามที่ทั้งสองสั่ง
เมธาทิพย์ทำตามที่สองคนบอก สองสาวหัวเราะคิกคัก ๆ ที่แกล้งน้องใหม่ได้สำเร็จ เมธาทิพย์พอจะรู้ว่าโดนแกล้งแต่เธอมาทำงานวันแรกก็ไม่อยากมีปัญหาจึงยอมทำตามแต่โดยดี
หญิงหญิงขับรถเข้ามาจอดลงจากรถมาก็เห็นเมธาทิพย์กำลังกวาดใบไม้อยู่หน้าคาเฟ่ก็รีบเข้าไปหาเมธาทิพย์ทันที
“เม็ดทรายทำไมหนูมากวาดใบไม้อย่างนี้คะ หน้าที่ตรงนี้มีคนรับผิดชอบอยู่แล้วค่ะ หน้าที่ของหนูคือในร้านนะ”
“ก็พี่สองคนนั้นบอกให้ทรายมากวาดบอกว่าทุกคนต้องทำแต่วันนี้เป็นเวรของหนู”
“นี่มันแกล้งกันชัด ๆ” หญิงหญิงพูดขึ้นมาแล้วก็เดินตรงเข้าไปหาแอปเปิลกับฝนเพื่อเคลียร์เรื่องนี้แต่เมธาทิพย์ห้ามไว้เพราะไม่อยากถูกมองว่าขี้ฟ้องเพราะไม่อยากมีปัญหาด้วย
“พี่หญิงไม่ต้องไปว่าพี่สองคนนั้นเเหรอกนะคะ หนูไม่อยากมีปัญหาค่ะ”
“โอเค ๆ แต่ถ้ามีอีกพี่จะไปฟ้องบอสให้ วันนี้เป็นวันหยุดชอปเปอร์เม็ดทรายต้องช่วยงานพี่หนักหน่อยนะ” หญิงหญิงพูดขึ้นมาแล้วก็ยิ้ม ๆ
“ได้ค่ะ เม็ดทรายพร้อมมากค่ะ” เมธาทิพย์ที่โดนแกล้งแต่ก็ยังยิ้มได้เหมือนเดิม
วันนี้ที่คาเฟ่มีรายการอาหารมาถ่ายทำที่ร้าน ทำให้ทุกคนต่างมีหน้าที่ทั้งคอยทำเสิร์ฟลูกค้าและยังต้องทำอาหารให้กับทีมงานของรายการทีวีอีกด้วย ในตอนแรกเอลิน่าเองก็อยากปิดร้านเพื่อถ่ายทำรายการอย่างเดียวเพราะเธอไม่อยากให้พนักงานเหนื่อยแต่ทางรายการทีวีอยากได้บรรยากาศที่มีลูกค้าด้วยทำให้เอลิน่าต้องเปิดร้านตามปกติ
“ป้าคะ เร่งทำเมนูนี้ผัดไทยกุ้งสดหน่อยนะคะเพราะใกล้ได้ถ่ายแล้วนะคะ” เอลิน่าเดินตรวจเพื่อเตรียมทุกอย่างให้พร้อมที่สุด
เอลิน่าเดินไปดูอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอรู้สึกว่าอาหารที่ทำภายในร้านของเธออร่อยทุกอย่างก็จริงแต่เธอรู้สึกว่าหน้าตาอาหารยังไม่สวยพอที่จะถ่ายออกรายการทีวี
“ทำไมหน้าตาอาหารยังไม่ถูกใจเท่าไรเลย” เอลิน่าเอ่ยขึ้นมาแล้วก็มองไปรอบ ๆ ภายในห้องครัวว่ามีใครพอที่จะช่วยเหลือเรื่องตกแต่งจานอาหารได้บ้างแต่มองไปทุกคนก็ต่างวุ่นวายในการทำอาหารกันแทบไม่มีเวลาเหลือแล้ว
“พนักงานในครัวก็ไม่มีใครว่างทำเลยสักคน เราต้องทำยังไงเนี่ย ถ้าให้ทำคนเดียวคงไม่ทัน ต้องหาคนช่วย” เอลิน่าเอ่ยขึ้นมาแล้วก็พยายามคิดว่าใครที่จะสามารถมาช่วยเธอได้ในตอนนี้
ที่คาเฟ่ตอนนี้ก็วุ่นวายไม่แพ้กันเพราะต้องเตรียมเครื่องดื่มให้กับทางทีมงานแล้วลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการที่ร้านอีกด้วย
“เม็ดทรายหยิบนมสดให้พี่หน่อยจ๊ะ” หญิงหญิงบอกกับเม็ดทรายเพราะในวันนี้มีแค่เธอกับเม็ดทรายเท่านั้นที่ต้องช่วยกันเพราะชอปเปอร์หยุดในวันนี้และเป็นวันที่ค่อนข้างวุ่นวายอีกด้วย ส่วนอีกสองสาวนั้นก็มีหน้าที่คอยเสิร์ฟเท่านั้นเพราะเวลาเข้ามาใกล้กับหญิงหญิงก็ชอบทำไม่ถูกใจหญิงหญิง ทำให้ต้องแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นปัญหาภายในร้านแต่หญิงหญิงก็เคยแจ้งเรื่องนี้กับเอลิน่าแล้วแต่เป็นเพราะว่าสองสาวทั้งแอปเปิลและฝนนั้นเป็นเด็กของลลิตาทำให้เอลิน่าเองไม่ได้จัดการเรื่องนี้ให้เด็ดขาด
เอลิน่าเดินมาที่คาเฟ่ในส่วนที่ชงเครื่องดื่มให้กับลูกค้า เมื่อแอปเปิลและฝนเห็นเอลิน่าเดินมาก็รีบเข้าไปต้อนรับอย่างเอาอกเอาใจในทันที
“บอสขาวันนี้มาถึงที่นี่มีอะไรให้แอปเปิลช่วยหรือเปล่าคะ” แอปเปิลเอ่ยขึ้นมาแล้วก็มองหน้าของเอลิน่าด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเธอชอบบอสของเธอแต่เอลิน่าไม่ได้มองเห็นมันเลยสักนิด
“บอสอยากได้คนไปช่วยจัดจานอาหาร” เอลิน่าเอ่ยขึ้นมาแล้วก็มองไปที่เมธาทิพย์เหมือนจะบอกว่าเธออยากให้เมธาทิพย์ไปช่วยแต่แค่ยังไม่ได้เอ่ยออกมาเท่านั้น
“ให้แอปเปิลกับฝนไปช่วยก็ได้นะคะเราสองคนอยากช่วยค่ะ” ฝนเอ่ยขึ้นมาอย่างนั้นแต่ดูเหมือนว่าแอปเปิลจะไม่พอใจเพราะแอปเปิลอยากไปคนเดียวเท่านั้นไม่ได้อยากมีฝนไปด้วย
