9 เรื่องราวที่ถูกปิดบัง
“โรสเราออกไปสนุกด้วยกันดีกว่า”
เสียงลาน่าเอ่ยชวนรสรินทร์เพราะไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้นาน หญิงสาวจึงหันไปบอกคนรักเชิงเป็นการขออนุญาต แต่อันที่จริงแล้วเธอเพียงบอกเฉย ๆ เพื่อจะได้แสดงความรักแนบแน่นให้สาว ๆ แถวนี้ได้เห็นได้อิจฉาก็เพียงเท่านั้น
“"ดินคะ เดี๋ยวโรสมานะคะ”
นคินทร์พยักหน้าพร้อมส่งยิ้มหวานให้อย่างแสนรัก เป็นรอยยิ้มที่ใครเห็นก็ต้องมีอิจฉากันบ้างแหละ เขาเข้าใจเป็นอย่างดีว่ารสรินทร์เป็นคนรักสนุก ชอบปาร์ตี้เป็นที่สุดผิดกับนิสัยเขาสิ้นเชิง
เพราะรักมากถึงยอมฝืนใจตัวเองมานั่งเป็นเพื่อนเธอทุกครั้ง แต่ก็เพราะหวงและห่วงความปลอดภัยของแฟนสาว รสรินทร์ชอบแต่งกายโป๊เปลือยโชว์เนื้อหนังแบบนี้ เวลาออกมาปาร์ตี้ ทุกครั้งที่มาชายหนุ่มจึงไม่ปล่อยให้มาเพียงลำพัง
“ไม่ไปสนุกกับคนอื่นเหรอครับ” จอนถามเมื่อเห็นนคินทร์นั่งอยู่ที่โต๊ะเพียงลำพัง
“ไม่ล่ะครับ ผมเต้นไม่เป็นน่ะ”
“แปลกจังนะครับ โรสชอบเต้นมาก แต่กลับมีแฟนที่เต้นไม่เป็นซะอย่างนั้น”
“ไม่แปลกหรอกครับ ผมแค่เห็นโรสมีความสุขผมก็มีความสุขแล้ว”
“คุณดินนี่ช่างเป็นคนรักที่แสนดีจริง ๆ นะครับ”
จอนบอกอย่างประชดประชัน นคินทร์สังเกตได้จากน้ำเสียงที่พูดคุยกัน สายตาคมลอบมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา ทั้งสีหน้า ท่าทาง น้ำเสียง การแสดงออกทั้งหมด ดูเหมือนผู้ชายคนนี้จะไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขาเอาเสียเลย ทั้งที่ก็ไม่ได้ไปทำอะไรให้
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมแค่ไม่ค่อยชอบมาในสถานที่ที่เสียงดังและคนเยอะๆ แบบนี้” นคินทร์ตอบไปอย่างงั้น
“เรียนจบแล้วโรสบอกว่าจะอยู่ที่นี่ต่อ คุณดินก็คงเหมือนกันใช่มั้ยครับ”
จอนพยายามชวนคุยไปเรื่อย ทั้งที่ก็ไม่มีเรื่องอะไรให้คุย
“ครับกะว่าจะอยู่ต่ออีกสักหนึ่งปี จากนั้นค่อยกลับไทยไปแต่งงานกับโรส”
คำตอบนั้นทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าถึงกับหน้าเสีย จากที่เคยคิดว่าตนเองเป็นต่อ บัดนี้เปลี่ยนไปคิ้วหนาขมวดมุ่นผูกกันเป็นโบ พร้อมกับแสดงท่าทางออกมาว่าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
เพราะรสรินทร์ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับจอนมาก่อน ทำให้ตั้งตัวไม่ทันเมื่อรู้ว่ารสรินทร์มีแพลนจะแต่งงานกับชายอื่น ไม่ทันที่จะได้ถามต่อ เสียงโทรศัพท์ของนคินทร์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
ตื้ด ตื๊ด ตื๊ด
“ผมขอตัวไปรับโทรศัพท์ด้านนอกก่อนนะครับ” นคินทร์บอก คนใบหน้าถอดสีที่กำลังถลึงตาใส่ไม่วาง
“เชิญครับ”
ว่าแล้วก็เดินออกมาด้านนอกเพื่อรับโทรศัพท์ เบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์ของน้องสาวสุดที่รัก น่าแปลกที่น้องสาวของเขาโทรหาในเวลาเช่นนี้
“ว่าไงยัยดาวโทรมาหาพี่ซะดึกเลย”
“พี่ดินคะคุณพ่อป่วยตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ”
นิศราบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ หากเดาไม่ผิด น้ำเสียงขึ้นจมูกเช่นนี้ คือเธอพึ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนักมา
“ใจเย็นๆนะดาว คุณพ่อเป็นอะไร”
“คุณพ่อเป็นโรคหัวใจค่ะ บวกกับตอนนี้ท่านเครียดเรื่องที่บริษัทเลยทำให้ช็อกหมดสติไป โชคดีที่พี่ติมาเจอเข้าเสียก่อน เลยพาส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา พี่ดิน... ดาวกลัว”
เสียงเล็กเน้นในประโยคสุดท้าย ทำคนฟังรับรู้ถึงความรู้สึกหวาดกลัวของน้องได้
“ที่บริษัทเกิดเรื่องอะไรขึ้น ถึงทำให้คุณพ่อเครียดจนถึงกับช็อกหมดสติไปแบบนั้น”
“คือ...”
นิศราอึกอักเพราะบิดากำชับไว้ว่าอย่า ได้กวนใจพี่ชายของเธอ เพราะเขาได้ตัดสินใจจะสร้างธุรกิจเป็นของตัวเองแล้ว
“บอกพี่มาให้หมดเลยนะดาว ว่าที่บ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ถ้าดาวไม่พูดแล้วพี่จะช่วยคุณพ่อได้ยังไง”
นคินทร์ถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น มั่นใจว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นกับครอบครัวของตนเองอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นบิดาของเขาคงไม่โทรถามเรื่องเวลากลับบ้านบ่อยขนาดนี้
แต่ที่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรก็เพราะบิดาไม่เคยเล่าหรือบอกอะไรให้ฟัง นิศราที่ทนการคาดคั้นของพี่ชายไม่ไหว จึงยอมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้คนเป็นพี่ฟัง โดยไม่ปิดบังอีก
เมื่อทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับบริษัทจนทำให้อาการป่วยของบิดากำเริบจนเกือบเสียชีวิต หากว่าเลขาคนสนิทของบิดานำตัวส่งโรงพยาบาลไม่ทัน