คุณผีหล่อ : 1
บรู้วววววว~
เสียงหมาหอนดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศแสนวังเวง ท้องฟ้าในคืนพระจันทร์เต็มดวงแถมวันนี้สีของดวงจันทร์ยังน่ากลัวราวกับสีเลือดไม่มีผิด
"จะมาหอนอะไรตอนนี้เนี่ย!"
ฉันลูบแขนตัวเองป้อย ๆ ทั้งกอดร่างกายอันอบอุ่นนี้ไว้เดินฝ่าค่ำคืนที่น่ากลัวด้วยหัวใจที่สั่นกลัว
แข้งขาที่ก้าวแต่ละก้าวบอกเลยว่ามันยากลำบากมากเมื่อความเย็นยะเยือกจู่ ๆ ก็เป่ากระทบร่างกายมาเป็นพัก ๆ
"เห็นลูกฉันไหม"
เดินผ่านตึกกึ่งร้างแห่งหนึ่งที่เคยมีข่าวลือว่ามีเหตุรถยนต์เบรกแตกหักเข้าข้างทางแล้วพุ่งเข้าห้องหนึ่งที่มีสองแม่ลูกอาศัยอยู่จนเกิดการสูญเสียอย่างไม่มีวันหวนกลับ
"..."
หูที่ได้ยินคำถามนั้นทำฉันขนลุกซู่ ก้มหน้าก้มตาเดินต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่สนใจประโยคคำถามเดิมที่ดังตามหลังมาครั้งแล้วครั้งอีก
"ช่วยลูกฉันด้วย~"
คราวนี้เสียงร้องขอความช่วยเหลือช่างโหยหวนยิ่งนัก ฉันรีบหลับตาก้มหน้ากึ่งเดินกึ่งวิ่ง ท่องในใจว่า 'เลยโค้งตรงหน้าไปก็จะไม่ได้ยินเสียงนี้อีกต่อไปแล้ว สู้เขา ๆ'
"ทำไมไม่ช่วยลูกฉัน!"
เสียงตัดพ้อกึ่งโมโหของผู้หญิงคนเดิมดังขึ้น
ฉันรีบขยับปากท่องบทสวดที่จำได้มาสองสามบทแล้วปิดหูปิดตาเตรียมเลี้ยวขวาตรงหน้า ทว่า...
"ระวังเหยียบขี้หมา!"
กึก...
ขาที่กำลังจะก้าวไปข้างหน้ายกค้างกึก ตามมาด้วยเสียงหัวเราะเหมือนชอบใจที่แกล้งฉันได้ดังขึ้น
"นึกแล้วว่าได้ยิน ทำไมไม่หยุดช่วยฉัน" เธอคนเดิมถามขึ้น
ครั้งนี้คงหลบหน้าไม่พ้นสินะ...
"จะให้ช่วยอะไรว่ามา"
หันไปตามเสียงที่คิดว่าน่าจะอยู่ขวามือฉันทว่าฉันมองไม่เห็นเธอหรอก
"อยากไปเกิดพร้อมลูก"
ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนเอ่ยเบา ๆ
"ฉันช่วยได้แค่ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้นะ แต่เรื่องจะไปเกิดใหม่พร้อมลูกคุณได้ไหม ฉันไม่รับปาก"
ไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงคนนั้นทำสีหน้าหรือท่าทางยังไง เพราะถ้าฉันมองเห็นเท่ากับสูญเสียการได้ยิน
แต่ถ้าฉันได้ยิน ก็จะไม่เห็นสัมภเวสีพวกนี้
อืม... ฟังไม่ผิดหรอก
ที่ฉันกำลังเจออยู่นี้ไม่ใช่คน!
เธอคือสัมภเวสีผีเร่ร่อนที่คนส่วนใหญ่พบเจอยาก ทว่ากับฉัน 'เซียมซี' ผู้เกิดคืนวันพุธ คืนที่ใคร ๆ บอกว่าเป็นคนดวงแข็งและมาพร้อมความสามารถพิเศษคือการมองเห็นภูติผีวิญญาณ
และฉันก็เริ่มมีความสามารถพิเศษนี้เมื่อปีก่อน ตอนที่ฉันอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์
ถามว่าผ่านมาเป็นปีแล้วยังไม่ชินอีกเหรอ?
ถ้าเป็นพวกคุณจะชินกับสิ่งลี้ลับพวกนี้ไหมล่ะ?
"ขอบคุณนะคะ ถ้าฉันได้เจอลูก ฉันขอให้คุณได้เจอเนื้อคู่ที่แสนดี"
คำอวยพรหรือจะเรียกว่าคำอวยพรแทนคำขอบคุณของสัมภเวสีตนนี้เอ่ยอย่างนุ่มนวล
หลังจากนั้นไม่ถึงนาที ความรู้สึกว่าเคยมีเธออยู่ตรงนี้ก็หายไป
ฟู่...
เป่าลมออกจากปากอย่างโล่งอก
โชคดีที่ส่วนมากพวกเขามาแบบแค่เสียง ตัวเป็น ๆ ให้ได้เห็นก็มีบ้างเล็กน้อยแบบสภาพสวยงาม ถือว่าฉันยังพอรับได้
ฟิ้ว~
สายลมเย็น ๆ พัดต้องผิวกายจนต้องรีบกอดกายตัวเองแน่นแล้วเร่งฝีเท้ากลับเข้าคอนโดที่เช่าร่วมกับรูมเมทที่เรียนที่เดียวกัน
คืนนี้ขอให้จบที่สัมภเวสีผีแม่ลูกอ่อนตนนี้นะ หวังว่าจะไม่เจอตนใดอีกพักใหญ่ ๆ หรือไม่ก็ห่างหายกันไปนาน ๆ ได้ยิ่งดี...
หนึ่งปีต่อมา...
ที่นี่ที่ไหนเนี่ยทำไมมีแต่หมอกและควัน แถมบรรยากาศยังรู้สึกวังเวงจนน่ากลัวน่าขนลุกไปหมด
น้ำค้างจาง ๆ ทำฉันเหน็บหนาวสะบั้นไปจนถึงข้างใน ยกสองมือโอบกอดตัวเองแล้วกอดตัวเองอีกยังได้ไออุ่นไม่พอมาชโลมกายเลย
แว่บ!
จู่ ๆ ข้างหน้าฉันก็มีแสงสีขาวประหลาดส่องประกายเจิดจ้าขึ้นมาจนต้องยกมือกางกั้นและหลับตาปี๋
ครั้นกะเวลาแล้วว่าน่าจะปลอดภัยจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาดูอีกครั้ง
ร่างสูงใหญ่ราวร้อยเก้าสิบเซนติเมตรสวมกางเกงทรงโจงกระเบนสีแดงสด มีเครื่องสังวาลย์พาดส่วนบนหลายเส้น ใบหน้าดูดุดันทว่าไม่ได้น่าเกลียดน่ากลัวกลับดูน่าเกรงขามมีพลังอำนาจมากกว่า
มือขวาของเขาถือหอกแหลมมีสามง่ามยืนทมึงทึงแต่กลับส่งยิ้มจาง ๆ มาให้ฉัน
"ท...ท่านเป็นใคร?"
ที่จริงก็พอเดาได้แหละเพราะฉันดูละครจักร ๆ วงศ์ ๆ สมัยเด็กน้อยมาเยอะ การแต่งกายและอุปกรณ์แบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...
"ไม่ต้องกลัวข้า ข้าเป็นยมทูตที่ถูกท่านพญายมส่งมาส่งสาน์รให้เจ้าอีกที"
ใช่! คนตรงหน้าฉันคือยมทูต ท่านยมที่รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาราวเทวดา