บทที่ ๖. สำออย!
อึก!
เธอสะอึกสะอื้นไห้ออกมาทันทีเมื่อคนตัวโตเดินจากไป เขามัน ‘ร้ายเหลือทน’ จริงๆ ไม่เข้าใจทำไมเวธน์ถึงร้ายกาจกับเธอถึงเพียงนี้ เกลียดเพราะพินัยกรรมที่คุณพ่อทิ้งไว้งั้นเหรอ เธอทำอะไรผิด ในเมื่อเธอทำตามคำสั่งเสียของคุณพ่อที่จากไปเท่านั้นเอง
ฮือๆๆ
หยาดนั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่บนแคร่ไม้ไผ่หน้าเรือนหลังเล็กด้วยความเจ็บปวดเสียใจเงียบๆ คนเดียว
ในตอนเช้าหยาดตื่นแต่เช้าเข้าครัวทำข้าวต้มกุ้งตามคำสั่งของเวธน์ แม้ว่านิ่มกับแหนมบอกว่าไม่ต้องทำ แต่เธอก็ยังดื้อจะทำ เพราะไม่อยากให้ทุกคนเดือดร้อน อีกอย่างเวธน์ก็จำรสมือของเธอได้ เมื่อทำข้าวต้มกุ้งเสร็จตัวเองก็รีบกลับมาเรือนหลังบ้านปล่อยให้น้านิ่มกับพี่แหนมจัดเสิร์ฟขึ้นโต๊ะให้เวธน์กับอินท์
“เดี๋ยวจิ๋มจัดการเอง” จิ๋มเดินเข้ามาในห้องครัวเห็นนิ่มกับแหนมกำลังจะยกถาดข้าวต้มกุ้งไปเสิร์ฟให้เวธน์กับอินท์ที่ห้องรับประทานอาหาร
“มันไม่ใช่หน้าที่ของหล่อน!” นิ่มเอ่ยบอกจิ๋ม คนติดตามของอินท์ ที่ได้พักห้องรับแขกของบ้าน ทั้งๆ ที่เป็นคนรับใช้เหมือนพวกตนแท้ๆ
“ทำไมจะไม่ใช่ ฉันต้องดูแลน้องอินท์ของฉันสิ ไม่รู้ว่าพวกน้าใส่อะไรให้น้องอินท์ของฉันกินมั่ง”
“ถ้าเรื่องมากนักก็มาทำให้เจ้านายหล่อนสิแม่จิ๋ม เอามา ฉันกับลูกสะใภ้จะไปเสิร์ฟ แกมันก็ขี้ข้าเหมือนพวกฉัน อย่ามาทำตัวอวดเบ่งวางอำนาจที่นี่” นิ่มสอนเด็กรุ่นลูกแล้วก็กระชากดึงถาดที่ถูกแย่งไปจากมือจิ๋มกลับมาถือแล้วเดินออกจากห้องครัวไปพร้อมลูกสะใภ้ของตนเอง
“ฉันกับพวกแกมันคนละระดับกัน ฉันขี้ข้าแต่เป็นขี้ข้าคนโปรดของเมียเจ้านายพวกแกเว้ย!” จิ๋มเอ่ยตะโกนไล่หลังทั้งสองไปแล้วเดินหน้าบูดบึ้งเดินตามหลังนิ่มกับแหนมออกไปติดๆ
สองแม่ลูกยกมื้อเช้าเข้ามาเสิร์ฟในห้องรับประทานอาหารให้เจ้านายหนุ่มและแฟนสาวของเขา พอยกเสิร์ฟเรียบร้อยจะเดินออกไป เสียงเล็กจีบปากจีบคอจอมมารยาดังขึ้นรั้งทั้งสองไว้
“เดี๋ยวก่อนสิจ๊ะน้านิ่ม พี่แหนม”
“อินท์ต้องการอะไรอีกฮึ?” นิ่มกับแหนมยังไม่ทันได้ตอบ เวธน์เอ่ยถามแทรกขึ้นก่อน
“คืออินท์อยากให้น้องหยาดมาทานมื้อเช้ากับเราด้วยค่ะ ได้ไหมคะพี่เวธน์” แม้จะไม่อยากเห็นหน้าซื่อบื้อของเด็กนั่น แต่ก็ต้องแสร้งแสดงว่าตนเป็นคนจิตใจดีต่อหน้าแฟนหนุ่ม
“พี่ว่าอย่าดีกว่าอินท์ พี่กลัวอินท์เห็นหน้ายัยเด็กนั่นแล้วจะทานข้าวไม่ลง”
“แต่ยังไงก็คนรู้จักคุ้นเคยกันนะคะพี่เวธน์ อีกอย่างน้อยหยาดก็เป็นภรรยาของพี่เวธน์นะคะ” ท้ายประโยคเธอเอ่ยเสียงแผ่วเบาและตีหน้าเศร้าสร้อย
‘ตอแหล!’ แหนมได้ยินอินท์พูดจบและแสดงสีหน้าเศร้ารู้สึกผิดแล้วก็อดพึมพำในใจไม่ได้
“ยังไงเด็กนั่นก็เป็นได้แค่เมียตีทะเบียนเท่านั้น อย่าคิดมากเลยนะอินท์”
มือใหญ่คว้าจับมือเล็กแฟนสาวพร้อมบีบเบาๆ ส่งความรู้สึกให้เจ้าหล่อนเชื่อใจในความรักของตนที่มีต่อสาวเจ้า
“แต่ยังไงก็เป็นเมียถูกต้องตามกฎหมายของพี่เวธน์นะคะ ถึงแม้จะไม่มีงานแต่งงาน ในสายตาคนอื่นอินท์ก็ไม่ต่างจากชู้ อึก! ฮือ...” แล้วหล่อนก็แสดงละครบทนางเอกเจ้าน้ำตาบีบน้ำตาร้องไห้
“ชูว์...น้องอินท์คนดีของพี่จิ๋ม ดูสิคะคุณเวธน์ว่าน้องอินท์เจ็บปวดแค่ไหน” จิ๋มร่วมแสดงด้วยเดินมาตบไหล่ลูบหลังให้นายของตนเองพร้อมกับพูด
“พี่ขอโทษนะครับน้องอินท์ ขอโทษที่ทำให้น้องอินท์เจ็บปวดกับความรักของเรา ถึงแม้พี่จะมีทะเบียนสมรสกับหยาด แต่ใจของพี่อยู่กับอินท์นะ คนเดียวที่พี่ ‘รัก’ คืออินท์ อย่าไปสนใจเลยนะ ยังไงซะ อินท์ก็คือที่หนึ่งในใจของพี่ อยู่ที่นี่อินท์คือคุณนายของบ้านนี้ไม่ใช่เด็กนั่น”
“พี่เวธน์ อึก! ฮือๆๆ ขอบคุณนะคะที่ ‘รัก’ อินท์ แต่ยังไงซะ น้องหยาดก็น่าสงสาร ให้น้องหยาดมาทานมื้อเช้ากับเรานะคะพี่เวธน์” เธอยิ้มเยาะในใจกับคำตอบของแฟนหนุ่มแล้วก็แสร้งแสดงละครต่อด้วยการเป็นคนดีเห็นอกเห็นใจหยาด
“แต่พี่...” ยังพูดไม่จบประโยคความ อินท์ก็พูดแทรกขึ้น
“นะคะพี่เวธน์ ให้น้องหยาดมากินข้าวกับเรานะคะ ยังไงซะ น้องหยาดก็เป็นภรรยาของพี่เวธน์” เธอกุมมือแฟนหนุ่มอ้อนเสียงสั่นเครือ
“ครับ น้านิ่ม แหนมไปตามหยาดมากินมื้อเช้าที่นี่หน่อย” เวธน์รีบทำตามความต้องการของแฟนสาวตนเองทันที
“ค่ะ เดี๋ยวแหนมไปตามน้องหยาดให้นะคะ แม่ไปตักข้าวต้มกุ้งมาให้น้องหยาดเถอะค่ะ” แหนมเอ่ยรับคำสั่งและบอกแม่ตนเอง แล้วทั้งสองก็ออกจากห้องรับประทานอาหารไปทำตามคำสั่งของนายหนุ่มทันที
“อินท์ของพี่เป็นคนดีจริงๆ มาครับ พี่เช็ดน้ำตาให้” มือใหญ่ผละปล่อยมือเล็กที่กุมยกขึ้นมาซับน้ำตาเปื้อนแก้มให้แฟนสาว
“ใช่ไหมคะคุณเวธน์ น้องอินท์เป็นคนดีจริงๆ ดูสิ ยังคิดถึงจิตใจของน้องหยาดด้วย” จิ๋มจีบปากจีบคอพูด
อินท์เอี้ยวหน้าหันมาเงยหน้าส่งยิ้มพึงพอใจให้กับคำยกยอปอปั้นของคนสนิทตนเองแล้วหันมาแสร้งตีหน้าเศร้าเล่นละครเป็นคนดีต่อหน้าแฟนหนุ่มต่อ