อาจเป็นแค่เมียน้อย
“เธอว่าผู้หญิงที่ท่านประธานพามาด้วยทุกวันนั้นเป็นใครกัน”
“ฉันว่าน่าจะเป็นเมียท่านประทานนั่นแหละ”
“แต่ฉันว่าไม่ใช่ เพราะว่าท่านประธานยังไม่ได้แต่งงาน”
“ใช่ ท่านประธานยังไม่ได้แต่งงาน หากแต่งงานจริง ๆ พวกเราก็ต้องรู้สิ”
“อีกอย่างนะ ท่านประทานต้องแนะนำเธอให้คนทั้งบริษัทได้รับรู้ไปแล้วหากว่าหล่อนเป็นเมียของท่านประธานจริง ๆ ”
“แล้วหล่อนเป็นใครกันล่ะ แถมยังตั้งท้องอีกด้วย ดูเหมือนว่าท่านประธานจะใส่ใจหล่อนมากเลยนะ”
“ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ หล่อนดูเหมือนจะเป็นคนพิเศษมาก ไม่งั้นท่านประธานคงไม่ให้เข้าไปนั่งในห้องทำงานด้วยหรอก”
“ฉันว่าเป็นเมียเก็บท่านประธานแน่นอน”
“ฉันว่าเป็นชู้ หรือไม่ก็เมียน้อย บางทีท่านประธานอาจจะมีคนรักหรือภรรยาอยู่ที่ต่างประเทศก็ได้ เพราะว่าท่านก็เดินทางไปมาบ่อย ๆ ”
“อืม บางทีผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นเมียเก็บของท่านประธานที่เอาไว้คอยบำเรอที่ประเทศไทยนี้ก็ได้”
“ใช่ ฉันว่าผู้หญิงตัวจริงของท่านประธานต้องอยู่ที่ต่างประเทศแน่นอน เพราะปกติแล้วท่านประธานจะอยู่ที่ต่างประเทศซะส่วนใหญ่”
“ใช่ ทั้งหล่อและรวยแบบนี้ คงไม่ครองโสดได้หรอก อย่างน้อย ๆ คงจะต้องมีตัวจริงอยู่ที่ต่างประเทศแล้วแน่นอน”
“งั้นผู้หญิงคนนี้ก็คงเป็นได้แค่เมียเก็บล่ะสินะ”
เสียงซุบซิบนินทาของพนักงานในบริษัท ต่างนินทาว่าร้ายพรลภัสไปต่าง ๆ นานา แต่เธอไม่ได้ใส่ใจและรู้สึกว่ามันบั่นทอนจิตใจอะไรเลย เพราะเธอไม่ได้เป็นเหมือนคนพวกนั้นพูด
วันต่อมา…..
พรลภัสก็นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงานของเธอ มาร์คัสให้เธออ่านผลการประชุมที่เขาพึ่งเข้าประชุมมาเมื่อวาน เขาให้เธอลองสรุปให้เขาฟังว่าการประชุมนั้นพูดถึงเรื่องอะไร และความสำคัญของการประชุมนี้คืออะไร และผลสรุปของการประชุมคืออะไร
พรลภัสที่ได้อ่านบันทึกการประชุมแล้ว เธอสามารถอธิบายและพูดออกมาได้อย่างมืออาชีพเหมือนกับว่าเธอได้เข้าไปนั่งในห้องประชุมนั้นด้วย เธอสามารถบอกและอธิบายเรื่องการประชุมทั้งหมดได้ และยังมีเสนอแนะบางอย่างให้เขาอีกด้วย
มาร์คัสรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก พรลภัสทำได้ดีและมีความสามารถมากกว่าที่เขาคิด เธอเรียนรู้งานได้เร็วมาก และยังสามารถเข้าใจรายละเอียดงานได้เป็นอย่างดี อีกอย่าง การสื่อสารทั้งหมดเธอก็รายงานออกมาเป็นภาษาอังกฤษอีกด้วย
“เก่งมาก” มาร์คัสเอ่ยชม
“ใช่ครับ คุณพรลภัสเก่งมาก คุณเรียนรู้งานได้ไวจริง ๆ” คราเวนถึงกับเอ่ยชมเธอและปรบมือให้
“ขอบคุณค่ะ”
ระหว่างที่ทุกคนกำลังเอ่ยชมกันอยู่นั้น เสียงมือถือของมาร์คัสก็ดังขึ้น เมื่อได้รับสายเท่านั้นแหละ บรรยากาศภายในห้องก็ดูอึมครึมทันที
“ได้ อย่าพึ่งคิดมากนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะรีบบินไปหา”
หลังจากวางสาย สีหน้าของมาร์คัสก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ยังคงเก็บอารมณ์ไว้ จริง ๆ แล้วเรื่องที่เขาได้ฟังตอนรับโทรศัพท์นั้น มันทำให้เขาแทบคลั่งออกมา เขารู้สึกโมโหมาก ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเฮเรน่าผู้หญิงที่เขารักเลย
“คราเวน นายช่วยจองตั๋วเครื่องบินไปไต้หวันให้ฉันหน่อย พรุ่งนี้ฉันจะบินไปหาเฮเลน่า”
“แล้วผม….”
“ฉันจะไปคนเดียว นายอยู่ทางนี้ก็ช่วยดูแลงานที่บริษัทและก็พรลภัสให้หน่อยก็แล้วกัน”
“ครับ…แต่ว่าบอสจะไปหลายวันมั้ยครับ”
“ยังไม่รู้เหมือนกัน”
“ได้ครับ งั้นผมจะไปจองตั๋วเครื่องบินขาไปให้ก่อน” ว่าแล้วก็เดินออกจากให้ทำงานของมาร์คัสออกไปทันที
พรลภัสไม่ได้เอ่ยอะไร เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับเธอ แต่เธอคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องเร่งด่วนแน่นอน ไม่งั้นมาร์คัสคงจะไม่มีสีหน้าที่ทุกข์ใจแบบนี้หรอก
“อาการแพ้ท้องของเธอดีขึ้นแล้วใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ คุณไม่ต้องเป็นห่วง อีกอย่างตอนนี้ก็สี่เดือนแล้ว อาการแพ้ท้องก็ไม่ค่อยมีแล้วด้วย”
“อื่ม ฉันจะให้คราเวนช่วยดูแลเธอ หากมีอะไรก็ให้คราเวนโทรไปหาฉันก็แล้วกัน”
“ค่ะ”
หลังจากที่มาร์คัสบินไปประเทศไต้หวันแล้ว พรลภัสก็นอนไม่ค่อยหลับเลย เพราะตั้งแต่ที่เธอย้ายเข้ามานอนในห้องของมาร์คัส ทุกคืนเขาจะคอยนวดแข่งนวดขาให้เธอ แล้วก็ยังนวดหลังนวดไหล่ให้กับเธอด้วย จนเธอรู้สึกสบายตัวและหลับลงไปได้
ตอนนี้เขาไม่อยู่มาสามวันแล้ว หญิงสาวก็นอนไม่หลับเลยทุกคืน จะงีบหลับไปได้จริง ๆ ก็ใกล้สว่างแล้ว หลับตาไปได้ไม่นานก็ต้องตื่นขึ้นมาเพื่อไปทำงานที่บริษัทต่อ
ถึงแม้ว่ามาร์คัสจะไม่อยู่ แต่ก่อนที่จะไปเขาก็ได้สั่งงานเธอไว้ เพราะวันนี้ที่บริษัทจะมีประชุมใหญ่ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยู่ แต่คราเวนก็คือตัวแทนของเขา
มาร์คัสให้พรลภัสเข้าร่วมประชุมด้วย และหลังจากที่ประชุมเสร็จ วันต่อมาเธอต้องรายงานผลการประชุมทั้งหมดให้เขาได้ทราบ และเธอก็ทำมันได้เป็นอย่างดี
รายงานการประชุมที่เธอได้พูดให้เขาฟังนั้น มันทำให้เขาเข้าใจและเหมือนว่าเขาได้นั่งอยู่ในห้องประชุมนั้นด้วยตัวเองด้วย ทั้งน้ำเสียงและการพูดของเธอมันได้อรรถรสมากจริง ๆ จนเขาไม่ต้องมานั่งอ่านเอกสารรายงานอีกแล้วก็ได้ เพราะสิ่งที่หญิงสาวรายงานให้เขาฟังนั้นมันชัดเจนหมดแล้วทุกอย่าง
“คุณพรลภัสเก่งมากจริง ๆ นะครับ หากผมไม่รู้มาก่อนว่าคุณไม่เคยทำงานในบริษัท ผมคงคิดว่าคุณเป็นมืออาชีพแน่นอนเลย” คราเวนเอ่ยชม
“พี่แวนคิดแบบนั้นจริง ๆ เหรอคะ”
“ใช่ครับ คุณพรลภัสเก่งมาก” คราเวนถึงกับยกนิ้วโป้งให้กับเธอ
“ดาวเคยบอกพี่แวนแล้วนี่คะ ว่าอย่าเรียกคุณกับดาวอีก ต่อไปนี้เรียกดาวว่าน้องดาวเถอะค่ะ”
“มันคงไม่เหมาะหรอกครับ”
“ไม่เหมาะยังไงคะ พี่แวนเป็นถึงเลขาคนสนิทของคุณมาร์คัส ตำแหน่งสูงกว่าดาวอีก”
“แต่ตอนนี้คุณก็ตำแหน่งผู้ช่วยเลขาแล้วเหมือนกันนะครับ ตำแหน่งก็ไม่ได้ต่างจากผมเท่าไหร่”
“ตั้งแต่ที่ดาวมาอยู่กับคุณมาร์คัส พี่แวนก็ดีกับดาวมาตลอด หากพี่แวนพอจะเห็นว่าดาวเป็นน้องสาวของพี่ได้บ้าง ก็เรียกดาวว่าดาวเฉย ๆ เถอะค่ะ เวลาที่พี่แวนเรียกดาวว่าคุณ มันทำให้ดาวรู้สึกอึดอัด”
“ก็ได้ครับน้องดาว”
มาร์คัสไปประเทศไต้หวันได้ห้าวันแล้ว ช่วงห้าวันมานี้ พรลภัสกับคราเวนก็สนิทสนมกันมากขึ้นจนเหมือนพี่น้องกันจริง ระหว่างที่เดินทางกลับบ้าน คราเวนจึงเอ่ยบางอย่างกับหญิงสาว
“น้องดาวรู้มั้ยครับว่าพี่น่ะอยากมีน้องสาวมานานแล้ว”
“แล้วพี่แวนไม่มีพี่น้องเหรอคะ”
“พี่เป็นเด็กกำพร้า ที่พ่อของบอสรับมาเลี้ยงไว้ และให้อยู่กับบอสมาจนถึงทุกวันนี่แหละ พี่ไม่รู้เหมือนกันว่าพ่อกับแม่ของพี่เป็นใคร พี่อยากมีพี่น้องมาตลอด อยากมีคนให้ห่วงและดูแลบ้าง”
“พี่คิดอยากจะตามหาพ่อกับแม่ของพี่บ้างมั้ยคะ”
“ตอนแรกก็เคยคิด แต่ตอนนี้ก็ไม่แล้ว”
“ทำไมล่ะคะ”
“ในเมื่อพวกเขาตั้งใจทิ้งพี่ไปแล้ว แล้วทำไมพี่ต้องกลับไปหาพวกเขาอีกล่ะ”
“แต่พวกท่านอาจจะมีความจำเป็นบางอย่างหรือเปล่าคะ”
“จำเป็นหรือไม่พี่ก็ไม่สนใจแล้ว ตอนนี้พี่อยู่คนเดียวก็มีความสุขดี อีกอย่างพี่ก็มีดาวมาให้ดูแลแล้วไง หากดาวไม่ถือพี่ก็จะถือว่าดาวเป็นน้องสาวพี่ก็แล้วกัน”
“ดาวยินดีค่ะ เพราะดาวมีแต่คอยดูแลและปกป้องคนอื่นมาตลอด แต่ดาวไม่เคยมีใครมาปกป้องดาวเลยเหมือนกัน ดาวตกลงรับพี่แวนมาเป็นพี่ชายของดาวนะคะ”
“อืม”
ทั้งสองคนหันมาส่งยิ้มให้กัน ตั้งแต่ที่มาร์ไม่อยู่ พรลภัสก็ดูจะมีความสุขมากเหมือนกัน เพราะคราเวนคอยตามใจและเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี วันหยุดก็พาเธอออกไปเที่ยวทะเลเพื่อผ่อนคลาย
ตอนแรกพรลภัสก็รู้สึกว่านอนไม่หลับเมื่อมาร์คัสไม่อยู่ แต่พอเธอย้ายกลับไปนอนในห้องของเธอเหมือนเดิมแล้ว หลังจากนั้นไม่นานเธอก็นอนหลับลงได้อย่างปกติ