คำสั่งคุณย่า
คำสั่งคุณย่า
" คุณท่านครับ คุณภาคินให้ฝ่ายบุคคลหาผู้ช่วยมาช่วยงานคุณพิมมาดาครับ " ชายวัยกลางคนโค้งตัวพร้อมกับเอ่ยรายงานต่อเจ้านาย
" หือ ? หาผู้ช่วยอย่างงั้นเหรอ " คุณหญิงทัศนาวรรณทวนคำพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจ แต่ไม่นานรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของคนสูงวัย หลานชายของท่านวันนี้ดูจะเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก
" นี่คงไปคิดแทนพายัพกับพิมมาดาอีกล่ะซิท่า "
" ก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่เหรอครับ "
" ก็ดีนั่นแหละนะ แต่มันคงดีกว่าถ้าตาคินรู้ใจตัวเองเร็วกว่านี้ พวกเราคงไม่ต้องสูญเสียหนูยิ้มไป ตั้งแต่ไม่มีหนูยิ้มนี่ บ้านมันเงียบชอบกลเลยนะประจักษ์นะ "
" ครับ " ลูกน้องที่คอยรับใช้อย่างใกล้ชิดเอ่ยด้วยน้ำเสียงเดียวกัน ตั้งแต่ที่หลานสะใภ้คนนี้จากไปคุณหญิงทัศนาวรรณก็ล้มป่วยลง เจ็บออดๆ แอดๆ มาตลอด อาจเพราะทำใจยอมรับไม่ได้เพราะใครต่างก็รู้ว่าท่านรักหลานสะใภ้คนนี้มาก อีกทั้งหลังจากที่ญาดาตายไปคุณหญิงกับเพื่อนรักอย่างคุณหญิงศจีก็แทบจะไม่ได้ติดต่อกันเลย
" ป่านนี้แล้วศจียังไม่ยอมพูดกับชั้นเลย "
" อดีตเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้แล้วครับ อนาคตสำคัญกว่า " เพราะไม่รู้จะปลอบประโลมเจ้านายยังไง ลูกน้องคนสนิทจึงเอ่ยแบบนั้น
" ก็ถูกของเธออีกนั่นแหละ อนาคตสำคัญกว่า " คุณหญิงทัศนาวรรณในวัย 80 ปี ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า ช่วงชีวิตที่ยาวนานทำให้ท่านผ่านเรื่องราวต่างๆมามากมาย ทั้งความสุขและความเศร้า แต่อย่างหลังนี่รู้สึกจะมากกว่าสิ่งอื่น
หลังจากแต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกันนานเกือบ 4 ปี ของหลายชายและหลานสะใภ้เป็นช่วงเวลาที่คุณหญิงทัศนาวรรณมีความสุขที่สุด ท่านหวังจะให้หลานชายมีครอบครัวและชีวิตรักที่เป็นสุขเพราะหลานสะใภ้ที่เลือกมานี้ไม่ใช่เพราะเป็นหลานสาวเพื่อนรักของท่านเท่านั้น แต่เธอคนนี้เป็นเด็กดี มีน้ำใจ อีกทั้งยังเก่งและมีความสามารถรอบด้าน
ที่สำคัญหนูยิ้มรักหลานชายของท่าน ภาคินเป็นฮีโร่ของญาดาตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก
และท่านเองก็เชื่อว่าหลานชายของท่านก็มีใจให้กับญาดาเช่นกัน
แต่วันหนึ่ง...เรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ญาดาประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต นั่นจึงเป็นจุดเปลี่ยนให้ภาคินที่ไม่เคยสนใจใคร ไม่เอาใจใส่คนรอบข้างเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต ภาคินเอาแต่โทษตัวเองว่าหากเขาดูแลและเอาใจใส่ญาดามากกว่านี้เธอก็คงจะไม่ตายตั้งแต่อายุยังน้อยแบบนี้
หลังจากวันนั้นคุณหญิงทัศนาวรรณก็ได้รับรายงานจากคนสนิทเกี่ยวกับผู้ช่วยเลขาคนใหม่ของหลานชายของท่าน วันนี้คุณหญิงย่าผู้รักและห่วงใยในตัวหลานชายจึงอยากมาดูคนที่จะต้องมาอยู่ใกล้ชิดกับหลานชายของท่าน
" มานั่งลงนี่...ทั้งสองคนเลย "
คุณหญิงทัศนาวรรณพูดจบแล้วก็เดินไปนั่งลงที่โซฟาโดยมีหลายชายและรินรดานั่งอยู่คนละฝั่งโดยที่ท่านเองนั่งอยู่ตรงกลาง
" เมื่อกี้ทำอะไรกัน? " คุณหญิงย่าหันไปถามหลานชาย
" ไม่มีอะไรครับ แค่อุบัติเหตุ "
" อุบัติเหตุอย่างนั้นเหรอ แต่ภาพที่ย่าเห็นมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะ "
" แค่อุบัติเหตุจริงๆครับคุณย่า กาแฟหกใส่เสื้อ ผมก็เลยรีบถอดออกก็เท่านั้น " พูดจบภาคินก็เอนหลังพิงโซฟา ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเรื่องร้ายแรงอะไร
" มันก็คงจะแค่นั้น ถ้าเป็นย่าคนเดียวที่ได้เธอสองคนยืนกอดกัน "
" คุณย่ากำลังจะพูดอะไรครับ " ประธานหนุ่มหันมาหาผู้เป็นย่าทันที เขาเริ่มเห็นสิ่งไม่ดีขึ้นมาลางๆแล้ว คุณย่าของเขาเป็นคนมีเหตุมีผล ท่านมักมีเหตุผลและมีข้ออ้างให้คนฟังปฏิบัติตามได้อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
" ไม่ใช่ย่าคนเดียวที่เห็นคินกอดผู้ช่วยเลขาของตัวเองในสภาพที่ไม่ได้ใส่เสื้อเลย "
" แล้วยังไงครับ "
" เอ๊ะ !!! .... ตาคินนี่ " คุณหญิงทัศนาวรรณหันไปทำตาดุใส่หลานชาย ท่านรู้ดีว่าคนตรงหน้ารู้ว่าท่านกำลังคิดอะไร
" ขอโทษครับ แต่มันไม่มีอะไรจริงๆนะครับ ไม่เชื่อก็ถามเค้าดู " ประธานใหญ่หันไปทางรินรดาที่นั่งเงียบอยู่
" เอ่อ ค่ะ ไม่มีอะไรจริงๆค่ะ "
" ท่าทางจะไปกันได้ดี เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียว แต่ถึงยังไงเราก็คงต้องคุยกันเรื่องนี้ " คุณหญิงย่าผู้มองเห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้าเอ่ย
ประธานใหญ่ผู้เข้าใจในสิ่งที่คนเป็นย่าคิดก็นั่งเงียบทันที ชายหนุ่มกังวลใจในสิ่งที่กำลังจะเกิด เขาไม่คิดว่าความคิดชั่ววูบจะทำให้ตัวเองตกที่นั่งลำบากแบบนี้
" นอกจากย่าแล้ว ยังมีหนูพิมมาดา และแม่บ้านที่เดินตามมาอีกตั้งสองคน ย่ามั่นใจว่ายังไงหนูพิมก็จะไม่พูด..แต่แม่บ้านสองคนนั่นป่านนี้คงจะป่าวประกาศไปทั่วแล้ว "
" ถ้ามันไม่เป็นความจริงก็ไม่เห็นต้องแคร์อะไรนี่ครับ "
" มันก็ง่ายสิ แกเป็นผู้ชาย แต่แม่หนูนี่เป็นผู้หญิง แกคิดว่าเค้าจะใช้ชีวิตยังไงถ้าถูกคนทั้งบริษัทมองไม่ดี "
" แล้วคุณย่าจะให้ผมทำยังไงครับ "
" รับผิดชอบเค้าสิ เป็นลูกผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับ "
" ไม่... ไม่นะคะ " หญิงสาวที่นั่งฟังย่ากับหลานพูดกันเอ่ยแย้งทันที เรื่องนี้จะไปต่อไม่ได้..เธอจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกเด็ดขาด
ภาคินเลิกคิ้วสูงทันที ผู้หญิงคนนี้กล้าดียังไงถึงเป็นฝ่ายปฏิเสธเขาก่อน ต้องเป็นเขาสิ...เขาเป็นถึงประธานใหญ่ไม่ว่าจะเดินไปไหนก็มีแต่สาวๆมองตามตาละห้อย อยากอยู่ใกล้ชิดกับเขาทั้งนั้น
คุณหญิงทัศนาวรรณแอบอมยิ้ม เธอคิดไว้ไม่ผิดจริงๆ จากการสืบประวัติของพนักงานสาวคนนี้ทำให้ท่านรู้ว่าเธอเป็นพนักงานที่มีความสามารถ จิตใจดี ไม่ได้มักใหญ่ใฝ่สูงอะไร แถมยังเป็นคนเก่ง มีความสามารถอีกต่างหาก
หากได้ใกล้ชิดกัน นานวันเข้าหลานชายของท่านอาจเปิดใจก็เป็นได้ มันคงจะดีหากต่อไปหลานชายคนนี้จะมีคนเข้ามาดูแลในบั้นปลายของชีวิต
" เธอก็รู้ว่าไม่ควรปฏิเสธ " คนสูงวัยเอ่ย
" แต่คุณย่า " ก่อนที่ภาคินจะได้พูดอะไร
" ย่ามีสองทางเลือก คือ รับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับแม่หนูนี่ซะ หรือให้เธอลาออกไปก่อนที่เรื่องทุกอย่างจะวุ่นวาย "
" คุณย่า / คุณย่า " หากเป็นเสียงภาคินคนเดียวอาจไม่ทำให้คุณหญิงทัศนาวรรณแปลกใจอะไร แต่นี่...เป็นเสียงของหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยนี่สิ
" เมื่อกี้เธอเรียกชั้นว่าอะไรนะ "
" เอ่อๆ ขอโทษค่ะ พอดีดิชั้นลืมตัวค่ะคุณท่าน คิดว่าตัวเองคุยกับย่าอยู่ " รินรดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
" แต่ในประวัติ เธอเป็นเด็กกำพร้านี่ มีย่ากับเค้าด้วยเหรอ "
~ โอ้โห...สมกับเป็นคุณหญิงทัศนาวรรณจริงๆ~ รินรดาคิดในใจ
" คุณย่าที่บ้านเด็กกำพร้าน่ะค่ะ พวกเราเรียกท่านแบบนั้น " รินรดาแอบเอามือไขว้หลังและเกี่ยวนิ้วทับกันพลางในใจก็ขอว่าอย่าให้เธอบาปเลยนะที่โกหกคนแก่แบบนี้
" เอาล่ะตาคิน...ย่าให้เวลา 3 วัน คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ย่าไปล่ะ " พูดจบคุณหญิงทัศนาวรรณก็ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้คนสองคนมองหน้ากันเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร
............................................................
ฝากติดตาม กดไลด์ กดแชร์ให้กันหน่อยนะจ๊ะ แล้วจะมาให้อีกตอน ตอนหน้ามาดูกันว่าพระเอกของเราจะเลือกอย่างไหน .... แต่รู้แล้วใช่มั้ยล่ะ ว่าแต่นางเอกจะทำยังไงนี่สิ เธอไม่อยากกลับมาอยู่ในจุดเดิม แต่ใครกันจะช่วยให้เธอรอดได้