8. จำใจรับเงื่อนไข
“นายแน่ใจหรือว่าจะไม่ถูกผู้หญิงไทยนั่นหลอกเอา” ออกัส ถามขึ้น
“ไม่..ผมไม่คิดว่าบุญญิสาจะเป็นคนแบบนั้น”
“ผู้หญิงไทยคนนั้นก็แค่อยากมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เธอคิดว่าคุณจะเลี้ยงดูเธอได้ก็เท่านั้นเอง เธอไม่ได้รักคุณหรอกและคุณเองก็ยังไม่ได้รักเธอด้วย ผู้หญิงไทยคนนั้นคิดแต่เรื่องเงินเท่านั้นแหละเชื่อผมเถอะ” ออกัสบอก
“คุณมีอคติกับเธอ” พอลลาร์ดแย้งคำพูดของออกัส
“ไม่ได้มีอคติ แต่ผมเคยมีประสบการณ์กับคนไทยมาแล้วต่างหาก ผู้หญิงไทยคนหนึ่งเคยใช้มารยาความอ่อนหวานของเธอทำให้พ่อของผมหลงใหลและทิ้งแม่ผม แต่พอเธอได้พ่อผมไปครอบครองเธอก็สูบเลือดสูบเนื้อเอาเงินทองของพ่อผมถลุงในบ่อนการพนันแล้วก็ส่งเงินไปให้ญาติพี่น้องของเธอที่เมืองไทยใช้อย่างสนุกมือ พอพ่อผมไม่มีให้เธออีกเธอก็ตีจากทันที..นี่ล่ะคือหนึ่งตัวอย่างของผู้หญิงไทยที่คุณควรรู้ไว้ซะ”
ออกัส บอกด้วยความขมขื่นความจริงเขาไม่อยากจะเล่าถึงเหตุการณ์ที่เขาอยากจะลืมนั้นอีกเลยแต่มันจำเป็นต้องพูดเพื่อเตือนสติพอลลาร์ด
“แต่ผู้หญิงไทยไม่ได้เป็นแบบนั้นทุกคน”
พอลลาร์ดบอกให้เขาเข้าใจ
“พี่คะ..เราคงเปลี่ยนใจให้เขาเลิกล้มงานแต่งงานนั่นไม่ได้หรอกค่ะ..กลับกันเถอะเสียเวลาเปล่า”
เอมม่า บอกกับพี่ชายด้วยความเหนื่อยใจผสมน้อยใจพอลลาร์ดที่เขามุ่งมั่นจะแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นทั้งที่เธอกำลังตั้งท้องลูกของเขาอยู่แท้ ๆ
“เราจะไม่กลับจนกว่าจะได้ข้อสรุป..เอาล่ะพอล..ผมมีข้อเสนอ..ถ้าคุณยอมล้มเลิกการแต่งงานกับผู้หญิงไทยคนนั้นผมจะเสนอให้คุณย้ายกลับไปทำงานประจำที่สำนักงานใหญ่ในออสเตรเลียพร้อมกับตำแหน่งที่สูงขึ้น”
ออกัส ยื่นข้อเสนอ
“ถ้าผมไม่ต้องการล่ะ”
พอลลาร์ด ถามทั้งที่ใจจริง เขาอยากจะกลับบ้านเกิดไปทำงานที่นั่นจะตาย
“ผมก็จะหาวิธีกำจัดคุณให้ออกจากบริษัทไปให้เร็วที่สุด”
น้ำเสียงที่เอาจริงทำให้พอลลาร์ด เสียวสันหลังวาบ
“คุณขู่ผมใช่ไหม” พอลลาร์ดถามเสียงเกือบจะสั่น
“คนอย่างผมไม่เคยขู่ใคร และสิ่งที่ผมจะทำในวันพรุ่งนี้ก็คือไปบอกความจริงกับผู้หญิงไทยคนนั้นให้เธอได้รับรู้ความจริง ว่าคุณทำน้องสาวของผมท้องโดยไม่คิดจะรับผิดชอบ ถ้าผู้หญิงคนนั้นยังหน้าด้านคิดจะยื้อแย่งผู้ชายไปจากคนท้องล่ะ ก็ผมจะให้บทเรียนกับเธอเอง”
คำพูดของออกัส ไม่เพียงแต่ทำให้พอลลาร์ด หวั่นเกรงเท่านั้น แม้แต่เอมม่า ก็ยังกลัวน้ำเสียงสีหน้าของพี่ชาย ซึ่งเธอยังไม่เคยเห็นพี่ชายเป็นแบบนี้มาก่อน แต่เอมม่า ก็ภูมิใจ และรักพี่ชายมากกว่าเดิมที่เขาปกป้องเธอ
“อย่านะ..อย่าทำกับเธอแบบนั้น”
พอลลาร์ด รีบร้องบอกทันทีสีหน้าซีดเผือด เขาไม่อยากจะให้บุญญิสาหมดศรัทธาในตัวเขา เพราะตลอดเวลาที่ได้ติดต่อสื่อสารกันมา บุญญิสา มองเขาเป็นผู้ชายที่แสนดีมาโดยตลอด เขาจะไม่ยอมให้ออกัส ไปบอกบุญญิสา ให้เธอเกลียดเขาเป็นอันขาด
“ถ้าไม่อยากให้เธอรับรู้ คุณก็ต้องยอมรับข้อเสนอของผม”
ออกัส บอกอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า
พอลลาร์ดไม่มีทางเลือก เขาจึงจำต้องทำตามที่ออกัสบอกทุกอย่าง เขาต้องยอมให้ออกัส เป็นคนไปรับบุญญิสาแทนโดยที่เขาไม่รู้ว่าออกัส จะพาเธอไปที่ไหนบ้าง เพราะเขาเองก็ถูกบังคับให้พาเอมม่า เดินทางกลับเวลลิงตัน แล้วก็พาเอมม่าไปหาหมอฝากท้องที่นั่นด้วย
............................................
การเดินทางอันยาวนานสิ้นสุดลง เมื่อบุญญิสาถูกปลุกให้ตื่น เธอจำได้ว่าอีตาออกัส จอดพาเธอรับประทานอาหารมื้อเย็นที่ร้านแห่งหนึ่งจำชื่อได้ว่า “ฟาร์เมอร์คอนเนอร์”
พอขึ้นรถต่อ เธอก็คอพับคออ่อนเพราะความอ่อนเพลียจากการเดินทางที่ยาวนาน นับตั้งแต่ขึ้นเครื่องมาจากเมืองไทยถึงนิวซีแลนด์แล้ว ยังจะต้องมานั่งรถยนต์อีกทั้งวันยันค่ำ ซึ่งช่วงแรก ๆ ก็ตื่นตาตื่นใจในการมองวิวทิวทัศน์ข้างทางอยู่หรอก แต่เมื่อนั่งรถไปนาน ๆ ก็เริ่มชินตาแล้วก็ปวดเมื่อยง่วงนอนจนเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่อาจทราบได้ มารู้ตัวอีกทีก็เพราะถูกมือของคนขับรถเขย่าอย่างแรงให้ตื่น
“ใช้มือหรือเท้าปลุกเขย่าเนี่ย..นี่ฉันเป็นผู้หญิงนะทำนุ่มนวลกว่านี้ก็ได้”
เธอบ่นกระปอดกระแปดด้วยภาษาของตัวเองโดยไม่สนใจว่าเขาจะฟังออกหรือไม่อีกต่อไป เธอเริ่มไม่แคร์กับอีตานี่แล้วล่ะ
ออกัส ไม่พูดไม่จา เขาลงจากรถไปเปิดกระโปรงท้ายรถขนกระเป๋าของบุญญิสาลงมาพร้อมกับกระเป๋าอีกใบที่บุญญิสา ไม่คุ้นตา แต่คาดว่าน่าจะเป็นของเขานั่นเอง
“จะได้พบกับพอลแล้วใช่ไหม”
บุญญิสา ก็ถามไปอย่างนั้นแหละ อีตาบ้านี่ ก็คงจะปิดปากเป็นคนใบ้ตามเคย
เพราะนับตั้งแต่นั่งรถด้วยกันมาตั้งหลายชั่วโมง เขาไม่ได้ถามไถ่หรือตอบคำถามอะไรเธอทั้งสิ้น จนเธอแทบจะร้องกรี๊ด ๆ เสียตั้งหลายหน ถ้าเธอไม่ได้หนังสือสวดมนต์เล่มเล็ก ๆ ของหลวงพ่อจรัลที่พกติดตัวมาท่องระงับโทสะ คงได้เปิดฉากอาละวาดเป็นนางมารร้ายไปแล้ว
เธอได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าอีกไม่นานก็จะได้พบกับพอลลาร์ดแล้ว ซึ่งนั่นก็หมายความว่าจะได้หมดกรรมกับอีตาออกัส ด้วยเช่นกัน
บุญญิสา มองไปรอบ ๆ เห็นความมืดเริ่มปกคลุม มีแสงไฟสว่างไสวจากบริเวณนั้น เธอจึงมองหาตัวอักษรอะไรก็ได้ที่จะได้บ่งบอกว่าที่นี่คือที่ไหน เธอเหลือบไปเห็นป้ายชื่อที่ติดอยู่ด้านหน้าบ้านถ้าอ่านไม่ผิดก็น่าจะเป็นชื่อบ้าน
“โรสซาลี” บ้านหลังนี้ซ่อนตัวอยู่ในหมู่ต้นไม้ร่มครึ้ม บุญญิสานึกสงสัยอยู่ในใจหรือว่าเป็นบ้านของพอลลาร์ด
“จะเป็นที่ไหนก็ช่างเถอะขอให้เจอพอลก่อนเถอะ จะได้เป็นอิสระจากผู้ชายหน้าไม่รับแขกนี่เสียที”
เธอนึกด้วยความโล่งใจ ก่อนจะเข็นกระเป๋าเดินทาง เดินตามเขาไปโดยไม่พูดจา
